ใครเคยเชื่อผู้ปฏิบัติธรรมจนชีวิตเกือบพังไหมคะ

กระทู้นี้เป็นความเชื่อและสิ่งลี้ลับโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เราพึ่งมานึกเรื่องนี้ได้ก็ตอนไปฟังเรื่องผีจากช่องหนึ่ง ที่แม่เชื่อคนปฏิบัติธรรมจนปอบกินทั้งแม่และลูก เพราะเอาขันผีปอบมาบูชาแทนพระประทานของบ้าน และเอาพระไว้ใต้เท้า เห็นเรื่องนี้แล้วก็อยากเอามาเป็นอุทาหรณ์ให้ฟัง

ร้านเรามีการค้าขายอยู่ที่ตลาดแห่งหนึ่ง เป็นสินค้าสิ้นเปลืองร้านเล็กๆในตลาด ในร้านก็มีอุปกรณ์ทำมาค้าขายต่างๆและมีหิ้งทั้งหมด4หิ้ง โดยทั้ง4หิ้งหันหน้าไปทางหน้าร้านทั้งหมด (ต้องขออภัยจริงๆนะคะเราเองก็ไม่รู้เรื่องทิศสักเท่าไหร่เลยไม่สามารถบอกได้แต่เป็นทิศที่ดี) มีหิ้งพระพิฆเนศ พ่อแก่ พระ และ พระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งหิ้งพระจะอยู่ตรงกลางและสูงกว่าหิ้งทั้งหมด

ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดค้าขายย่ำแย่จะบอกว่าเป็นทุกร้านก็ว่าได้ แม่เรานั้นไม่เชื่อเรื่องหมอดูและหมอทรง เพราะเขาคิดว่าดูไปก็เครียดและบางทีอาจจะเป็นหมอเดา เขาเลยจะเชื่อพวกพระและคนที่ชอบปฏิบัติธรรม ถ้ามาทักอะไรต่างๆก็จะเชื่อ เพราะเขามีความรู้สึกว่าพวกคนปฏิบัติธรรมนั้นมีจิตที่นิ่งกว่าถือศีลต้องแม่นและไม่โกหก แม่รู้จักคนนึงเป็นสายปฏิบัติชอบทำบุญมาก และบวชชีบ่อยเขาจะชอบมาซื้อของร้านแม่ ซื้อทีเยอะมากเป็นลูกค้าประจำก็ว่าได้ ขอแทนชื่อว่าผึ้งนะคะ ผึ้งเนี่ยจะมาเล่าความสำเร็จให้ฟังประจำว่าที่เขาสำเร็จได้เกิดจากการปฏิบัติ เขามีนิมิตต่างๆทักใครก็แม่น เขาเลยบอกแม่ว่าเนี่ยที่อับจนหนทางเพราะแม่เราวางหิ้งผิด ให้เอาหิ้งพระไปอยู่ทางเข้าออกจะดี หลังจากนั้นแม่เราก็เชื่อย้ายหิ้งไปอยู่ทางเข้าออกในมุมอับหรือพูดง่ายๆอยู่ตรงที่วางเท้านั่นเอง ให้อยู่ในมุมอับหันหน้าเข้าร้าน  เราเองก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะส่วนตัวก็ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เช่นกัน เลยไม่ได้ตักเตือนอะไร ชีวิตครอบครัวเราเริ่มแย่มากขึ้นหลังจากย้ายหิ้งพระไป ทั้งที่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเข้าที่บ้างครอบครัวเราก็เริ่มแย่ลง ทั้งที่ร้านอื่นที่ขายแบบเรากลับดีขึ้น แม่เรามีอาการป่วย พ่อแม่เราระหว่างนั้นก็หาอาชีพไปเรื่อยๆแต่ไม่เคยทิ้งร้านนี้เพราะหวังว่าจะดีขึ้น สรุปอยู่ไม่ได้นานก็ออก พ่อเลยไปเปิดสาขา2 คนชื่อผึ้งก็ตามมาบอกอีกว่า "ระวังหุ้นส่วนให้ดีเขาไม่ดีหรอก และอีกไม่นานก็ขายจะขายไม่ดี ตลาดนี้เเถวบ้านหนู หนูรู้ว่าเป็นอย่างไร " พ่อแม่เราก็เชื่อนะและอยากออกอีกแต่สิ่งนึงที่เขาไม่เชื่อคือหุ้นส่วนคนนั้นที่ผึ้งทัก เพราะพ่อเราทำงานกับเขารู้ว่าเป็นอย่างไร เลยทนอยู่ต่อ ถึงแม้จะเท่าทุนแต่ใจก็ไม่รู้เป็นอะไรไม่อยากทำ ทุกคนท้อแท้มากค่ะ จนกระทั่งงานทำบุญยาย ป้าที่เป็นพี่สาวแม่เขารับรู้เรื่องราวมาตลอดแม่เราราศีหมองเขากลัวว่าแม่เราจะเสียเลยพาจะไปดูหมอดู ขยั้นขยอจนยอม แม่เราไปแบบอคติค่ะ เพราะชีวิตเขาคนที่ทักแม่นต้องเป็นนักปฏิบัติธรรมเท่านั้น
คำแรกที่หมอทัก "ไปย้ายหิ้งทำไม เอากลับไปที่เดิม" เราขอบอกตรงนี้ว่าแม้แต่ญาติก็ไม่รู้ว่าแม่เราเอาหิ้งไปมุมอับ มีแค่เราครอบครัวเท่านั้น พอญาติทุกคนรู้ก็จวกแม่เรายับเลย หิ้งพระตามความเชื่อคนพุทธและ เปรียบเสมือนพระประธานของที่นั้นต้องบูชาสูงสุดกว่าสิ่งอื่น ไม่งั้นจะมาความยิ้มมาสู่ถ้าเราบูชาอะไรที่สูงกว่าพระ ประทานในบ้าน หลังจากวันนั้นแม่เราก็ย้ายหิ้งกลับ ขอขมาลาโทษ ตอนนี้ครอบครัวเราเริ่มงานดีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และสาขาสองที่คนชื่อผึ้งทัก ตอนนี้ก็บูมมากเช่นกัน

เราเลยถามแม่ว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่า เพราะปกติคนที่ชอบดูฮวงจุ่ย เขาไม่น่าพลาดขนาดนี้ แม่เราตอบว่าใช่ ผิดใจเรื่องงานและเงิน แต่หลังจากเหตุการณ์นี้แม่เราก็คงเข็ดไปอีกยาว ผู้ทรงศีลทำเจ็บแสบ แต่ยังหน้าสื่อใจคดมาหลอกได้ หลังจากนั้นลูกค้าคนนี้ก็แทบจะไม่มาอีกเลย
เรื่องนี้คงสอนอะไรแม่เราไม่ได้มากนัก เขาก็ยังมีความเชื่อชุดเดิม ก็แล้วแต่คราวนี้อะไรก็ช่วยไม่ได้นะถ้าไม่เปลี่ยน แต่สิ่งที่ทำให้เขาเปลี่ยนได้ก็คือถ้าบูชาอะไรสูงกว่าพระประธานและอย่าให้พระประธานไปอยู่ต่ำกว่าสิ่งอื่นนั่นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากเรื่องนี้ แต่ก็ยังเชื่อคนปฏิบัติธรรมเหมือนเดิมและพระ ก็ยังไม่เข็ดสักเท่าไหร่หรอก😩

ปล.หลังจากเรื่องนี้ก็เป็นที่กระฉอดฮือฮาพอสมควรในหมู่บ้านเรา ถึงขนาดได้ยอมรับจากปากแม่ว่าเขาแม่นถึงแม้จะดูพูดไม่เต็มปากเพราะว่าตัวเองอคติไปเอง คนในหมู่บ้านคนนึงก็เลยไปถามเพราะว่าอยากให้ชีวิตดีขึ้นแต่ก็แปลกหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ  และไม่นานนี้เขาก็เสียไปแล้วนั่นเอง

ปล.2 เรื่องนี้เราอยากเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ เราก็ไม่รู้ว่าควรจะเชื่ออะไรขนาดไหนแต่ต้องมีลิมิต อย่าให้ความเชื่อหรือบางอย่างมากัดกินจนทำให้ชีวิตพัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่