'ก้าวไกล' เตรียมจัดใหญ่ มหกรรม Policy Fest ครั้งที่ 1 จัดบูธรับฟังนโยบายพาไทยไปข้างหน้า
https://ch3plus.com/news/political/ruangden/398361
 
 
ด้อมส้มเตรียมตัว “ก้าวไกล” จัด Policy Fest ครั้งที่ 1 “ก้าวไกล Big Bang” จัด 6 บูธรับฟังนโยบายใช้ในการนำพาประเทศไทยไปข้างหน้า 19 พ.ค.นี้ ที่ไบเทคบางนา

วันที่ 3 พ.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊กของพรรคก้าวไกล โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า ไม่ว่าเราจะหมุนเข็มนาฬิกากลับไปกี่ครั้ง เวลาก็ยังเดินไปข้างหน้าเสมอ ทุกวินาทีที่ประเทศไทยถูกฉุดรั้งจากการเปลี่ยนแปลงตามเสียงเรียกร้องของประชาชน คือทุกวินาทีที่เราเสียโอกาส ในวันที่โลกกำลังรับมือปัญหาของศตวรรษที่ 21 ประเทศไทยยังคงจมอยู่กับปัญหาน้ำประปาไม่สะอาด ระบบขนส่งมวลชนไม่ทั่วถึง บังคับเกณฑ์ทหาร ทุจริตคอรัปชั่น และการรัฐประหารซ้ำซาก

วันนี้ ไม่เหลือเวลาให้เสียอีกแล้ว ขอเชิญประชาชนทุกท่าน ร่วมมหกรรมนโยบายพรรคก้าวไกล Policy Fest ครั้งที่ 1 “ก้าวไกล Big Bang” รับฟังนโยบายที่พรรคก้าวไกลจะใช้ในการนำพาประเทศไทยไปข้างหน้า ในวันที่เราได้เข้าบริหารประเทศ ร่วมกิจกรรมกับผู้แทนราษฎรก้าวไกล ใน 6 บูธ Big Bang

1. เศรษฐกิจปิดโอกาส: ชอปปิ้งใน “ก้าวไกลสะดวกซื้อ” ในวงเงิน 5 แสนล้าน เพื่อเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเท่าเทียม
2. คุณภาพชีวิตโลกที่สาม: เล่น “เซียมซีเสี่ยงตาย” เมื่อเกิดเป็นคนไทย คุณอาจตายได้หลากหลายวิธีจากสารเคมี ฝุ่น หรืออุบัติเหตุบนถนน พร้อมร่วมหาทางออกจากคุณภาพชีวิตย่ำแย่ด้วยชุดกฎหมายที่ก้าวไกลได้ยื่นต่อสภา
3. การศึกษาตกยุค: นั่งเรียนในห้องเรียนสองบรรยากาศ ระหว่างการศึกษาตกยุค กับการศึกษาก้าวไกล ที่เปิดต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ตอบโจทย์สร้างประชากรคุณภาพ
4. ภาคเกษตรแช่แข็ง: จากนาหนี้ สู่วิถีสมาร์ทฟาร์ม การทำเกษตรที่พาชาวนารวยได้ แข่งขันได้ในเวทีโลก
5. รัฐล้าหลัง: ร่วมสร้าง “ประชาบุรี” จังหวัดก้าวไกล บริหารงบประมาณโปร่งใส ตอบโจทย์ประชาชน
6. เผด็จการซ่อนรูป: อยู่ประเทศไทย ติดคุกง่ายนิดเดียว แต่ออกยาก และนิรโทษกรรมก็ยากยิ่งกว่า

19 พฤษภาคมนี้ ที่ไบเทคบางนา 8.00-18.00 น. ถอดชนวน 6 ระเบิดเวลา ระเบิดศักยภาพใหม่ พาประเทศไทยก้าวไกลกว่าเดิม

https://youtu.be/wn3NilYVK0o

---

“โอฬาร” ชี้ครม.ใหม่เศรษฐา ไม่เป็นผลบวก เพื่อไทยนำคนใกล้ชิดคุม ขณะมีเพียง1กระทรวงสามารถตั้งความหวังได้
https://www.innnews.co.th/news/local/news_712618/

“โอฬาร” ชี้ครม.ใหม่เศรษฐา ไม่เป็นผลบวก เพื่อไทยนำคนใกล้ชิดคุม ขณะมีเพียง1กระทรวงสามารถตั้งความหวังได้
 
รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่าภายหลังจากปรับครม.เศรษฐา ชุดใหม่นั้น พบว่าผลพวงไม่ได้เป็นผลบวกแบบที่คิดทำให้เกิดการแตกแยก คะแนนนิยมลดต่ำลง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยนำคนใกล้ชิดจากบ้านจันทร์ส่องหล้าเข้ามาควบคุมและกำจัดคนที่หมดความหมายทางการเมือง
 
โดยขณะนี้คาดว่าเพียงแค่กระทรวงการคลังเท่านั้นที่ประชาชนสามารถตั้งความหวังได้บ้างเล็กน้อยเพราะดูแล้วน่าจะเป็นการทำงานที่จริงจังและเอาจริง ทั้งนี้ถึงแม้ในอนาคตรัฐบาลจะมีการปรับครม.ไปในทิศทางใด ก็มั่นใจว่ารัฐบาลจะยังคงอยู่ได้ ตราบใดที่กลุ่มอำนาจเก่ายังต้องพึ่งพาลมหายใจของพรรคเพื่อไทยต่อไป

---

 
พิษภัยแล้ง พริกขี้หนูสวนแพงลิ่ว กิโลกรัมละ 500 บาท ผักพาเหรดขึ้นราคาเท่าตัว
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/398406

แพงทั้งแผ่นดิน พริกขี้หนูสวนเจอพิษภัยแล้งอากาศร้อนจัด ผลผลิตไม่พียงพอขยับราคาขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 500 บาท แม่ค้าที่ต้องใช้พริกขี้หนูสวนเป็นวัตถุดิบ สายกินเผ็ดต้องสะท้าน ขณะที่มะเขือพวงราคาขึ้นเท่าตัวรวมถึงผักสดอื่นๆ ก็ขึ้นราคาทุกอย่างเช่นกัน
 
ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตลาดสดเทศบาล 2 เทศบาลเมืองอุทัยธานี หลังจากที่มีเสียงบ่นว่าพริกมีราคาแพงมากเกือบเท่าตัว รวมทั้งผักสดอื่นๆ ก็ปรับราคาสูงขึ้นไปก่อนหน้านี้ และส่งผลให้ลูกค้าลดลง
 
จากการสอบถาม นางสมควร สุราฤทธิ์ เจ้าของแผงผักสดในตลาดสดแห่งนี้ เปิดเผยว่าในตอนนี้ราคาพริกขี้หนูสวนราคาขึ้นมาจนน่ากลัวมาก จากเดิมกิโลกรัมละ 250 บาท ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 500 บาท และผู้ที่รับผลกระทบมากที่สุดคือร้านขายส้มตำ และอาหารตามสั่งที่ใช้พริกเป็นส่วนประกอบหลักอย่างแน่นอน หรือผู้ที่ชื่นชอบกินเผ็ด ที่เป็นสายกินเผ็ด
 
ขณะเดียวกันนางสาวสายชล สุขพงษ์ อีกหนึ่งในแม่ค้าแผงพักที่ขายมานานกว่า 10 ปีที่ตลาดสดเดียวกัน จนเป็นที่รู้จักของคนในอำเภอเมืองอุทัยธานีและบรรดาแม่ค้าขายอาหารตามสั่งเพราะมาซื้อกันเป็นประจำก็บอกว่าพริกขี้หนูสวนราคาสูงมากในตอนนี้ ซึ่งสาเหตุของการขึ้นนั้นก็มาจากชาวสวนที่ปลูกพริกส่งขายตลาดต่างๆ เจอภัยแล้งและอากาศที่ร้อนคุกคามอย่างรุนแรง จนพริกขี้หนูสวนไม่ออกผลผลิตเท่าที่ควร
 
แต่ความต้องการของตลาดนั้นมีมากกว่า ก็หันไปซื้อพริกอย่างอื่นแทนเช่น พริกจินดาที่มีราคาถูกกว่ากิโลกรัมละ 130 บาท ก็ยังถือว่าแพงเช่นกัน แต่ก็ยังพอรับได้แต่ความเผ็ดและความหอมจะแตกต่างกัน
 
ส่วนผักสดอื่นๆ ก็แพงกว่าปกติและขยับราคาไปก่อนหน้านี้ เช่น มะเขือเจ้าพระยาจากเดิมราคากิโลกรัมละ 35 บาท ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 50 บาท ส่วนมะเขือพวงจากเดิมราคากิโลกรัมละ 100 บาท ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 200 ส่งผลให้ประชาชนมีรายจ่ายโดยเฉพาะบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ร้านอาหารและร้านส้มตำมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถขึ้นราคาได้ตาม
 
บรรดาแม่ค้าแผงผักยอมรับว่าราคาผักในแผงผักแพงทุกชนิดและมีต้นทุนสูงกำไรไม่มากแต่ต้องอยู่ในภาวะจำยอมที่เป็นระยะที่ไม่นานมากนัก เมื่อเข้าสู่หน้าฝนราคาจะเป็นปกติซึ่งเป็นกลไกลของตลาด