ก้าวไกล ดิ้นสู้ แก้ต่างคดีล้มล้างปกครอง ‘ชัยธวัช’ เรียกถกนัดพิเศษ ลุ้นศาล รธน. ขยายเวลาคดียุบพรรคหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4553715
ก้าวไกล ดิ้นสู้ แก้ต่างคดีล้มล้างการปกครอง ‘ชัยธวัช’ เรียกประชุมนัดพิเศษ ลุ้นศาล รธน. ขยายเวลาคดียุบพรรคหรือไม่
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากพรรคก้าวไกลว่าเมื่อวานนี้ (30 พฤษภาคม) มีการประชุม ส.ส.ประจำสัปดาห์ครั้งแรก หลังจากปิดสมัยประชุมสภาฯ โดยนาย
ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เรียก ส.ส.ทั้งหมดมาประชุมเฉพาะกิจ เพื่อหาแนวทางในการสู้คดีล้มล้างการปกครองที่กำลังอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งท่าทีในพรรคค่อนข้างเป็นกังวล เพราะหากมีความผิดจะได้รับโทษถึงขั้นยุบพรรค
แหล่งข่าวภายในพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า คดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้พรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง ซึ่งเท่ากับครบกำหนดในวันที่ 17 เมษายน โดยช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการคาบเกี่ยวกับช่วงวันหยุดสงกรานต์ถึง 5 วัน (ตั้งแต่ 12-16 เมษายน)
แหล่งข่าวระบุว่า กระบวนการติดต่อขอสำนวนเอกสารจากหน่วยงานราชการของพรรคก้าวไกล เพื่อนำมาประกอบคำชี้แจงเป็นไปอย่างติดขัดล่าช้า พรรคจึงได้ขอศาลฯ ขยายเวลาส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาครั้งที่ 1 จำนวน 30 วัน แต่ศาลฯ อนุมัติให้ 15 วัน ครบกำหนดวันที่ 3 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ ในวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำขอขยายเวลาครั้งที่ 2 ของพรรคก้าวไกลอีก 30 วัน ซึ่งสมาชิกและแกนนำพรรคกำลังติดตามว่าจะได้รับอนุมัติหรือไม่
นุ่งโสร่ง พุ่งทำเนียบ ‘แรงงานข้ามชาติ’ สหภาพรังสิตฯ บุกทวงคำหาเสียง ลั่น ไหนว่า ‘มีกินมีใช้’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4553796
นุ่งโสร่ง พุ่งทำเนียบ ‘แรงงานข้ามชาติ’ สหภาพรังสิตฯ บุกทวงคำหาเสียง ลั่น ไหนว่า ‘มีกินมีใช้’
เนื่องด้วยวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันแรงงานสากล หรือ MAY DAY ซึ่งประเพณีนับร้อยปีที่ผู้ใช้แรงงานจากทุกสาขาอาชีพ เพศสภาพ สัญชาติ จะออกมาร่วมเดินขบวนเฉลิมฉลอง เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงคงสมสมานฉันท์กับขบวนการแรงงานสากล และเรียกร้องความเป็นธรรมที่ยังคงขาดหายในสังคมปัจจุบันนั้น
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ถนนพิษณุโลก เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ร่วมกับ กลุ่มไรเดอร์และคนโรงงาน, กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง, กลุ่ม Bright Future (แรงงานชาวเมียนมา) และกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชา จัดกิจกรรม ‘มหาสงกรานต์ แรงงานสากล‘ เดินขบวนกลางกทม. จากถนนพิษณุโลก ซอย 7 ไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อส่งเสียงของแรงงงานในไทย
บรรยากาศเวลา 09.00 น. ที่ถนนพิษณุโลก ซอย 7 คนทำงาน ทยอยเดินทางมาต้งขบวน บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสัน มวลชนกรรมกร ตั้งแถวพร้อมถือป้ายจองกลุ่ม เริ่มจากกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง โดยมี นางศรีไพร นนทรีย์ กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคีย, น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, นายเจษฎา ศรีปลั่ง หรือ เจมส์ แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ร่วมด้วย
เวลา 09.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมต่างถือป้ายข้อเรียกร้องเป็นภาษาต่างๆ ทั้งภาษาไทย พม่า และเขมร โดยผู้ส่วนมากแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะท้อนอัตลักษณ์ของชนชาติ อาทิ ชุดชนเผ่าพื้นเมือง โดยผู้ชายนั่งโสร่ง ส่วนผู้หญิบนุ่งผ้าซิ่น พร้อมร่วมเปล่งเสียงเป็นภาษาพม่า ก่อนเริ่มเดินหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล
เวลา 09.25 น. ขบวนแรงงาน เคลื่อนสู่ทำเนียบ บนถนนพิษณุโลก ผ่านโรงเรียนราชวินิตมัธยม
จากนั้น นาย
เจษฎา ศรีปลั่ง หรือ เจมส์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่ นนทบุรี
นายเจษฎากล่าวว่า เรามุ่งหน้าสู่ทำเนียบ เพื่อยืนยัน ว่าเป็นวันสำคัญของกรรมกรไทย วันนี้เป็นวันแรงงาน หวังว่ารัฐบาลจะรับฟังปัญหาของพี่น้องแรงงาน มากกว่านี้
“
ผ่านมาแล้ว 6 เดือน ไม่มีแม่แต่ข้อเรียกร้องเดียว ที่จะยืนยันว่า ประชาชนจะอยู่ดีกินดี มีกินมีใช้ แต่ทุกวันนี้เป็นอย่างไร ทุกคนคงทราบดี ไม่ว่าจะค่าไฟก็ดี มิหนำซ้ำ รัฐก็ยับเพิกเฉย วันนี้เราจะมาฟังข้อเรียกร้องของพี่น้องแรงงาน”
“
เราได้เตรียมปืนมาแล้ว ปืนฉีดน้ำ หวังว่าท่านจะไม่มีความรุนแรง เพราะเรามาด้วยความสงบ เรามาเพื่อให้รับฟังปัญหา ที่ผ่านมาได้ทำตามสัญญาหรือไม่ เราไม่ได้มาต่อต้าน แต่ทวงถามไปยังรัฐบาล“ นาย
เจษฎากล่าว
เวลา 09.35 น. น. เมื่อขบวนมาถึงสะพานชมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.
ธนพร กล่าวบนรถโมบาย ตอกย้ำถึงปัญหาของแรงงานข้ามชาติ ทั้งเรื่องสิทธิการลาตลอด รวมไปถึงเรื่องการออกใบอนุญาตทำงาน ( work permit) ที่เรียกร้องไปยังกระทรวงแรงงาน และรัฐบาล โดยยืนยันว่า หากไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียง ขอให้ลาออก ระหว่างนี้ นายเจษฎา เตรียมปืนฉีดน้ำและขัน
ทุเรียนราคาดิ่งเวียดนามเบียดชิง ล้งซื้อเหมายกสวนหนีร้อนขาดน้ำ
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1553918
ทุเรียนตะวันออกราคาดิ่งหนัก จาก 200-210 บาท ปรับลงมาเหลือกิโลละ 145-150 บาท วิเคราะห์เหตุ 4 เด้ง ปริมาณผลผลิตออกมาก ร้อนแล้งขาดน้ำ เจอซื้อเหมายกสวนตัดรวดเดียวทั้งต้นไม่แยกอ่อน-แก่ ไม่แยกเกรด-แยกรุ่น พัวพันราคาตกขาดทุน ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ส่งออกไปจีนช้าถึง 6 วัน วิกฤตซ้อนปัญหาทุเรียนเวียดนามคูแข่งทั้งดี ทั้งถูก คาดเดือน พ.ค.ราคาดิ่งอีก 30 บาท/กก. ลุ้น 15 วันอันตรายหวั่นทุเรียนแล้งน้ำยืนต้นตาย
แหล่งข่าวจากแผงรับซื้อ-แพ็กทุเรียนส่งออก จ.จันทบุรี เปิดเผย “
ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ราคาทุเรียนดิ่งลงทุกวัน เฉพาะช่วง 10 วันของปลายเดือนเมษายน (22-30 เม.ย. 67) พันธุ์หมอนทองเกรด AB จากราคา 200-210 บาท ปรับลงมา กก.ละ 170-175 บาท และล่าสุด กก.ละ 145-150 บาท ส่วนราคา “
เหมาคว่ำหนาม” หรือแบบที่ซื้อเหมายกสวน ตัดทุเรียนรุ่นเดียวกันที่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวได้โดยไม่แยกเกรดในราคาเดียว จากราคา 160 บาท ลงมาเหลือ กก.ละ 130 บาท
เปิด 4 สาเหตุทุเรียนราคาตก
ผู้สื่อข่าวรายงานสาเหตุที่ราคาทุเรียนปรับลดลงมาในช่วงนี้ ได้แก่ 1.ปริมาณผลผลิตที่เริ่มออกมากแล้ว 2.มีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะภัยแล้ง ไม่มีน้ำ ทำให้ชาวสวนบางส่วนเร่ง “
ตัดรูดข้ามรุ่น” หรือเป็นการตัดทุเรียนทั้งต้น โดยไม่สนใจว่าทุเรียนอ่อน หรือแก่ ขณะที่ล้งที่รับเหมาซื้อไม่ได้คัดคุณภาพ แต่จัดบรรจุตู้ส่งออกไปขาย
ส่งผลให้ทุเรียนอ่อนเริ่มหลุดเข้าไปในตลาดจีน ทำให้ตลาดจีนต้องเทขาย ขาดทุน ราคาดิ่งลง ที่สำคัญตอนนี้ทุเรียนอ่อนลอตที่สองกำลังเดินทางไปตลาดจีนอีก ถ้าตลาดจีนพบทุเรียนไม่ได้คุณภาพ ทุเรียนอ่อนอีกครั้ง จะกระทบราคาทุเรียนต้นทางซ้ำลงอีกแน่นอน
ตอนนี้ล้งบางแห่งจึงเลือกซื้อเฉพาะพ่อค้าและสวนขาประจำ ยกเว้นทุเรียนไม่เต็มตู้ จะต้องซื้อทั่วไป แต่จะคัดคุณภาพเข้มมากขึ้น รับซื้อเฉพาะเกรด AB ทำให้ทุเรียนอ่อนที่ถูกล้งส่งออกคัดทิ้งไหลเข้ามาสู่ตลาดภายในประเทศจำนวนมาก
สาเหตุที่ 3 ที่ทำให้ราคาตก คือ จำนวนล้งจีนที่เข้ามาในภาคตะวันออกกว่าพันรายในปีนี้ รวมกับล้งไทยที่มีอยู่ ทำให้เกิดปัญหาการขาดตู้คอนเทนเนอร์บรรจุทุเรียน เพราะตู้คอนเทนเนอร์ถูกกระจายออกไปตามล้งต่าง ๆ และปีนี้คนจีนเริ่มซื้อทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้มีการใช้ตู้บรรจุทุเรียนเบญจพรรณเพิ่มขึ้น ถ้าล้งไม่สั่งจองตู้ล่วงหน้า ต้องหยุดรอจนกว่าตู้ที่ส่งไปจีนจะตีกลับมา
ขณะที่ล้งใหญ่ ๆ จะแก้ปัญหาโดยมีการดีลไว้กับชิปปิ้ง ส่วนล้งรายย่อยที่ไม่ได้จองตู้ต้องหยุดซื้อทุเรียน และล่าสุดปริมาณทุเรียนที่เริ่มออกมาก ทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งออกเริ่มการจราจรติดขัดที่หน้าด่านโหย่วอี้กวาน ซึ่งเป็นชายแดนเวียดนาม-จีน ทำให้ต้องใช้เวลา 5-6 วัน กว่าจะไปถึงปลายทางตลาดจีนล่าช้า
สาเหตุที่ 4 ที่ทำให้ทุเรียนไทยราคาตก คือ ทุเรียนเวียดนามกำลังจะออกมาชนกับทุเรียนไทยช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 อาจทำให้ราคาลงอีก
พ.ค.ราคาดิ่งต่อ 20-30 บาท/กก.
นาย
นครินทร์ วนิชย์ถนอม เจ้าของแผงส่งออก แผงทุเรียนคุณนนท์ จ.จันทบุรี กล่าวกับ “
ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้เป็นสภาพอากาศร้อนทำให้ทุเรียนสุกเร็ว มีการตัดทุเรียนทั้งต้น รวมกันทั้งทุเรียนอ่อน-แก่ หรือ “
ตัดรูด” เพื่อหนีส่งไปตลาดจีน
แต่หากจีนตรวจพบทุเรียนอ่อน ทุเรียนด้อยคุณภาพของไทย จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ทุเรียนเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งขันของไทยชิงความได้เปรียบเรื่องราคาที่ถูกกว่าทุเรียนไทย ประกอบกับขณะนี้ศรษฐกิจจีนเองยังไม่ดีนัก คนจีนจึงต้องเลือกของดีและถูกที่มาจากเวียดนามแทน
ทั้งนี้ แนวโน้มราคาในช่วงพีกเดือนพฤษภาคม คิดว่าราคาทุเรียนน่าจะลดลงอีก หมอนทอง เกรด AB กก.ละ 150 บาท น่าจะปรับลดอยู่ที่ประมาณ กก.ละ 130 บาท หรือลดลงประมาณ 20 บาท แต่ยังต้องระวังเรื่องของปริมาณผลผลิตที่สัมพันธ์กับสภาพอากาศ ภัยแล้ง อากาศร้อน
ทำให้ผลผลิตทุเรียนหลั่งไหลออกมามากในช่วงนี้ ส่งผลให้ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ประเมินว่าเป็นช่วงพีก จะมีผลผลิตเหลือเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นไปตามคาดการณ์ของหน่วยงาน 53% หรือไม่
ด้านนาย
ทรงธรรม ชำนาญ ประธานคณะทำงานด้านไม้ผล สภาเกษตร จ.ระยอง กล่าวว่า จ.ระยองเริ่มได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง อากาศร้อนจัด ต้นไม้ที่กินน้ำทำให้ผลผลิตเริ่มขาดน้ำและคุณภาพไม่ดีนัก ต้นเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่ผลผลิตเริ่มออก
ปกติช่วงผลผลิตออกน้อยราคาสูงมีการแข่งขันกันซื้อเพื่อเปิดตลาด เมื่อผลผลิตเริ่มออกมากราคาจะลงเป็นปกติทุกปีตามกลไกตลาด แต่ช่วงพีกเดือนพฤษภาคมปีนี้ ราคาอาจปรับลงไม่มาก ประมาณ กก.ละ 100-120 บาท เพราะล้งมีจำนวนมาก ความต้องการสูง
วิเคราะห์จุดแข็งทุเรียนเวียดนาม
ด้าน นาย
สิระวิชญ์ จิระวัฒนเมธากุล ผู้รับซื้อทุเรียนหน้าสวนส่งโรงคัดบรรจุส่งออก จ.จันทบุรี เปิดเผยกับ “
ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปกติช่วงนี้ทุเรียนขายดี แต่ปีนี้เวียดนามมีทุเรียนพันธุ์หมอนทองออกมาชนกับไทย คุณภาพดี สีเข้มข้น รสชาติอร่อย ไม่มีปัญหาเรื่องภัยแล้ง
แต่ปริมาณยังน้อย 30% ส่วนใหญ่เป็นรีเสา (R6) หรือก้านยาวเวียดนาม และราคาถูกกว่าทุเรียนไทย ทำให้จีนเลือกนำเข้าทุเรียนเวียดนามมากกว่า เพราะทำกำไรระยะสั้นได้มากกว่าทุเรียนไทย ทุเรียนไทยต้องตั้งรับด้วยคุณภาพ เพราะไทยเสียเปรียบต้นทุนแพงกว่าและการขนส่งที่ล่าช้า ราคาจะปรับลงมาตามคุณภาพ
ในขณะที่ปัจจุบัน จำนวนล้งหน้าใหม่ที่ไม่มีความชำนาญ ส่งของที่ไม่มีคุณภาพเข้าไปในตลาดจีน ถ้าคุณภาพต่ำการระบายของยาก แต่หากคุณภาพดี ถ้าขายดี ขายได้เร็ว ราคาจะถูกหรือแพงจะไม่มีผลกับพ่อค้า จะเป็นปัญหาการซื้อราคาต้นทางเพื่อขายปลายทาง เชื่อว่าผู้บริโภคยังติดใจทุเรียนไทยอยู่ โดยเฉพาะทุเรียนภาคตะวันออก
ทุเรียนภาคตะวันออกมีปัญหาเรื่องน้ำ ทำให้มีการตัดหนีน้ำแล้ง ตลาดขายได้เพียง 40-50% ผู้บริโภคไม่กล้าซื้อ ตลาดจีนผู้บริโภคจะเลือกของถูกและดี สินค้าที่มีคุณภาพ ดังนั้น พ่อค้าจีนบริษัทใหญ่ ๆ จึงต้องเช็กทุเรียน เช็กปริมาณน้ำตาลในทุเรียน ก่อนขายทุกตู้เพื่อทำตลาดพรีเมี่ยม และป้องกันการเคลมสินค้าเสียหายภายหลัง
เชื่อว่าปัญหาภัยแล้งจะทำลายคุณภาพทุเรียนไทย และยิ่งทำให้มีต้นทุนสูง ขายยาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งขันกับทุเรียนเวียดนามที่เนื้อดี ทรงสวย ราคาถูกกว่า” นาย
สิระวิชญ์กล่าวและว่า ตอนนี้ล้งเตรียมจะไปซื้อทุเรียนหมอนทองเวียดนามที่จะออกช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2567 เพราะจะทำกำไรได้สูง เทียบกับราคาทุเรียนไทยถูกกว่าประมาณ 40-50 บาท/กิโลกรัม
JJNY : ‘ชัยธวัช’ เรียกถก│บุกทวงคำหาเสียงลั่นไหนว่า‘มีกินมีใช้’│ทุเรียนราคาดิ่งเวียดนามเบียดชิง│ปากีสถานพายุฝนหนักผิดปกติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4553715
ก้าวไกล ดิ้นสู้ แก้ต่างคดีล้มล้างการปกครอง ‘ชัยธวัช’ เรียกประชุมนัดพิเศษ ลุ้นศาล รธน. ขยายเวลาคดียุบพรรคหรือไม่
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากพรรคก้าวไกลว่าเมื่อวานนี้ (30 พฤษภาคม) มีการประชุม ส.ส.ประจำสัปดาห์ครั้งแรก หลังจากปิดสมัยประชุมสภาฯ โดยนายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เรียก ส.ส.ทั้งหมดมาประชุมเฉพาะกิจ เพื่อหาแนวทางในการสู้คดีล้มล้างการปกครองที่กำลังอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งท่าทีในพรรคค่อนข้างเป็นกังวล เพราะหากมีความผิดจะได้รับโทษถึงขั้นยุบพรรค
แหล่งข่าวภายในพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า คดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้พรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง ซึ่งเท่ากับครบกำหนดในวันที่ 17 เมษายน โดยช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการคาบเกี่ยวกับช่วงวันหยุดสงกรานต์ถึง 5 วัน (ตั้งแต่ 12-16 เมษายน)
แหล่งข่าวระบุว่า กระบวนการติดต่อขอสำนวนเอกสารจากหน่วยงานราชการของพรรคก้าวไกล เพื่อนำมาประกอบคำชี้แจงเป็นไปอย่างติดขัดล่าช้า พรรคจึงได้ขอศาลฯ ขยายเวลาส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาครั้งที่ 1 จำนวน 30 วัน แต่ศาลฯ อนุมัติให้ 15 วัน ครบกำหนดวันที่ 3 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ ในวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำขอขยายเวลาครั้งที่ 2 ของพรรคก้าวไกลอีก 30 วัน ซึ่งสมาชิกและแกนนำพรรคกำลังติดตามว่าจะได้รับอนุมัติหรือไม่
นุ่งโสร่ง พุ่งทำเนียบ ‘แรงงานข้ามชาติ’ สหภาพรังสิตฯ บุกทวงคำหาเสียง ลั่น ไหนว่า ‘มีกินมีใช้’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4553796
นุ่งโสร่ง พุ่งทำเนียบ ‘แรงงานข้ามชาติ’ สหภาพรังสิตฯ บุกทวงคำหาเสียง ลั่น ไหนว่า ‘มีกินมีใช้’
เนื่องด้วยวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันแรงงานสากล หรือ MAY DAY ซึ่งประเพณีนับร้อยปีที่ผู้ใช้แรงงานจากทุกสาขาอาชีพ เพศสภาพ สัญชาติ จะออกมาร่วมเดินขบวนเฉลิมฉลอง เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงคงสมสมานฉันท์กับขบวนการแรงงานสากล และเรียกร้องความเป็นธรรมที่ยังคงขาดหายในสังคมปัจจุบันนั้น
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ถนนพิษณุโลก เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ร่วมกับ กลุ่มไรเดอร์และคนโรงงาน, กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง, กลุ่ม Bright Future (แรงงานชาวเมียนมา) และกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชา จัดกิจกรรม ‘มหาสงกรานต์ แรงงานสากล‘ เดินขบวนกลางกทม. จากถนนพิษณุโลก ซอย 7 ไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อส่งเสียงของแรงงงานในไทย
บรรยากาศเวลา 09.00 น. ที่ถนนพิษณุโลก ซอย 7 คนทำงาน ทยอยเดินทางมาต้งขบวน บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสัน มวลชนกรรมกร ตั้งแถวพร้อมถือป้ายจองกลุ่ม เริ่มจากกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง โดยมี นางศรีไพร นนทรีย์ กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคีย, น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, นายเจษฎา ศรีปลั่ง หรือ เจมส์ แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ร่วมด้วย
เวลา 09.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมต่างถือป้ายข้อเรียกร้องเป็นภาษาต่างๆ ทั้งภาษาไทย พม่า และเขมร โดยผู้ส่วนมากแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะท้อนอัตลักษณ์ของชนชาติ อาทิ ชุดชนเผ่าพื้นเมือง โดยผู้ชายนั่งโสร่ง ส่วนผู้หญิบนุ่งผ้าซิ่น พร้อมร่วมเปล่งเสียงเป็นภาษาพม่า ก่อนเริ่มเดินหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล
เวลา 09.25 น. ขบวนแรงงาน เคลื่อนสู่ทำเนียบ บนถนนพิษณุโลก ผ่านโรงเรียนราชวินิตมัธยม
จากนั้น นายเจษฎา ศรีปลั่ง หรือ เจมส์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่ นนทบุรี
นายเจษฎากล่าวว่า เรามุ่งหน้าสู่ทำเนียบ เพื่อยืนยัน ว่าเป็นวันสำคัญของกรรมกรไทย วันนี้เป็นวันแรงงาน หวังว่ารัฐบาลจะรับฟังปัญหาของพี่น้องแรงงาน มากกว่านี้
“ผ่านมาแล้ว 6 เดือน ไม่มีแม่แต่ข้อเรียกร้องเดียว ที่จะยืนยันว่า ประชาชนจะอยู่ดีกินดี มีกินมีใช้ แต่ทุกวันนี้เป็นอย่างไร ทุกคนคงทราบดี ไม่ว่าจะค่าไฟก็ดี มิหนำซ้ำ รัฐก็ยับเพิกเฉย วันนี้เราจะมาฟังข้อเรียกร้องของพี่น้องแรงงาน”
“เราได้เตรียมปืนมาแล้ว ปืนฉีดน้ำ หวังว่าท่านจะไม่มีความรุนแรง เพราะเรามาด้วยความสงบ เรามาเพื่อให้รับฟังปัญหา ที่ผ่านมาได้ทำตามสัญญาหรือไม่ เราไม่ได้มาต่อต้าน แต่ทวงถามไปยังรัฐบาล“ นายเจษฎากล่าว
เวลา 09.35 น. น. เมื่อขบวนมาถึงสะพานชมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ธนพร กล่าวบนรถโมบาย ตอกย้ำถึงปัญหาของแรงงานข้ามชาติ ทั้งเรื่องสิทธิการลาตลอด รวมไปถึงเรื่องการออกใบอนุญาตทำงาน ( work permit) ที่เรียกร้องไปยังกระทรวงแรงงาน และรัฐบาล โดยยืนยันว่า หากไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียง ขอให้ลาออก ระหว่างนี้ นายเจษฎา เตรียมปืนฉีดน้ำและขัน
ทุเรียนราคาดิ่งเวียดนามเบียดชิง ล้งซื้อเหมายกสวนหนีร้อนขาดน้ำ
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1553918
ทุเรียนตะวันออกราคาดิ่งหนัก จาก 200-210 บาท ปรับลงมาเหลือกิโลละ 145-150 บาท วิเคราะห์เหตุ 4 เด้ง ปริมาณผลผลิตออกมาก ร้อนแล้งขาดน้ำ เจอซื้อเหมายกสวนตัดรวดเดียวทั้งต้นไม่แยกอ่อน-แก่ ไม่แยกเกรด-แยกรุ่น พัวพันราคาตกขาดทุน ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ส่งออกไปจีนช้าถึง 6 วัน วิกฤตซ้อนปัญหาทุเรียนเวียดนามคูแข่งทั้งดี ทั้งถูก คาดเดือน พ.ค.ราคาดิ่งอีก 30 บาท/กก. ลุ้น 15 วันอันตรายหวั่นทุเรียนแล้งน้ำยืนต้นตาย
แหล่งข่าวจากแผงรับซื้อ-แพ็กทุเรียนส่งออก จ.จันทบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ราคาทุเรียนดิ่งลงทุกวัน เฉพาะช่วง 10 วันของปลายเดือนเมษายน (22-30 เม.ย. 67) พันธุ์หมอนทองเกรด AB จากราคา 200-210 บาท ปรับลงมา กก.ละ 170-175 บาท และล่าสุด กก.ละ 145-150 บาท ส่วนราคา “เหมาคว่ำหนาม” หรือแบบที่ซื้อเหมายกสวน ตัดทุเรียนรุ่นเดียวกันที่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวได้โดยไม่แยกเกรดในราคาเดียว จากราคา 160 บาท ลงมาเหลือ กก.ละ 130 บาท
เปิด 4 สาเหตุทุเรียนราคาตก
ผู้สื่อข่าวรายงานสาเหตุที่ราคาทุเรียนปรับลดลงมาในช่วงนี้ ได้แก่ 1.ปริมาณผลผลิตที่เริ่มออกมากแล้ว 2.มีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะภัยแล้ง ไม่มีน้ำ ทำให้ชาวสวนบางส่วนเร่ง “ตัดรูดข้ามรุ่น” หรือเป็นการตัดทุเรียนทั้งต้น โดยไม่สนใจว่าทุเรียนอ่อน หรือแก่ ขณะที่ล้งที่รับเหมาซื้อไม่ได้คัดคุณภาพ แต่จัดบรรจุตู้ส่งออกไปขาย
ส่งผลให้ทุเรียนอ่อนเริ่มหลุดเข้าไปในตลาดจีน ทำให้ตลาดจีนต้องเทขาย ขาดทุน ราคาดิ่งลง ที่สำคัญตอนนี้ทุเรียนอ่อนลอตที่สองกำลังเดินทางไปตลาดจีนอีก ถ้าตลาดจีนพบทุเรียนไม่ได้คุณภาพ ทุเรียนอ่อนอีกครั้ง จะกระทบราคาทุเรียนต้นทางซ้ำลงอีกแน่นอน
ตอนนี้ล้งบางแห่งจึงเลือกซื้อเฉพาะพ่อค้าและสวนขาประจำ ยกเว้นทุเรียนไม่เต็มตู้ จะต้องซื้อทั่วไป แต่จะคัดคุณภาพเข้มมากขึ้น รับซื้อเฉพาะเกรด AB ทำให้ทุเรียนอ่อนที่ถูกล้งส่งออกคัดทิ้งไหลเข้ามาสู่ตลาดภายในประเทศจำนวนมาก
สาเหตุที่ 3 ที่ทำให้ราคาตก คือ จำนวนล้งจีนที่เข้ามาในภาคตะวันออกกว่าพันรายในปีนี้ รวมกับล้งไทยที่มีอยู่ ทำให้เกิดปัญหาการขาดตู้คอนเทนเนอร์บรรจุทุเรียน เพราะตู้คอนเทนเนอร์ถูกกระจายออกไปตามล้งต่าง ๆ และปีนี้คนจีนเริ่มซื้อทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้มีการใช้ตู้บรรจุทุเรียนเบญจพรรณเพิ่มขึ้น ถ้าล้งไม่สั่งจองตู้ล่วงหน้า ต้องหยุดรอจนกว่าตู้ที่ส่งไปจีนจะตีกลับมา
ขณะที่ล้งใหญ่ ๆ จะแก้ปัญหาโดยมีการดีลไว้กับชิปปิ้ง ส่วนล้งรายย่อยที่ไม่ได้จองตู้ต้องหยุดซื้อทุเรียน และล่าสุดปริมาณทุเรียนที่เริ่มออกมาก ทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งออกเริ่มการจราจรติดขัดที่หน้าด่านโหย่วอี้กวาน ซึ่งเป็นชายแดนเวียดนาม-จีน ทำให้ต้องใช้เวลา 5-6 วัน กว่าจะไปถึงปลายทางตลาดจีนล่าช้า
สาเหตุที่ 4 ที่ทำให้ทุเรียนไทยราคาตก คือ ทุเรียนเวียดนามกำลังจะออกมาชนกับทุเรียนไทยช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 อาจทำให้ราคาลงอีก
พ.ค.ราคาดิ่งต่อ 20-30 บาท/กก.
นายนครินทร์ วนิชย์ถนอม เจ้าของแผงส่งออก แผงทุเรียนคุณนนท์ จ.จันทบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้เป็นสภาพอากาศร้อนทำให้ทุเรียนสุกเร็ว มีการตัดทุเรียนทั้งต้น รวมกันทั้งทุเรียนอ่อน-แก่ หรือ “ตัดรูด” เพื่อหนีส่งไปตลาดจีน
แต่หากจีนตรวจพบทุเรียนอ่อน ทุเรียนด้อยคุณภาพของไทย จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ทุเรียนเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งขันของไทยชิงความได้เปรียบเรื่องราคาที่ถูกกว่าทุเรียนไทย ประกอบกับขณะนี้ศรษฐกิจจีนเองยังไม่ดีนัก คนจีนจึงต้องเลือกของดีและถูกที่มาจากเวียดนามแทน
ทั้งนี้ แนวโน้มราคาในช่วงพีกเดือนพฤษภาคม คิดว่าราคาทุเรียนน่าจะลดลงอีก หมอนทอง เกรด AB กก.ละ 150 บาท น่าจะปรับลดอยู่ที่ประมาณ กก.ละ 130 บาท หรือลดลงประมาณ 20 บาท แต่ยังต้องระวังเรื่องของปริมาณผลผลิตที่สัมพันธ์กับสภาพอากาศ ภัยแล้ง อากาศร้อน
ทำให้ผลผลิตทุเรียนหลั่งไหลออกมามากในช่วงนี้ ส่งผลให้ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ประเมินว่าเป็นช่วงพีก จะมีผลผลิตเหลือเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นไปตามคาดการณ์ของหน่วยงาน 53% หรือไม่
ด้านนายทรงธรรม ชำนาญ ประธานคณะทำงานด้านไม้ผล สภาเกษตร จ.ระยอง กล่าวว่า จ.ระยองเริ่มได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง อากาศร้อนจัด ต้นไม้ที่กินน้ำทำให้ผลผลิตเริ่มขาดน้ำและคุณภาพไม่ดีนัก ต้นเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่ผลผลิตเริ่มออก
ปกติช่วงผลผลิตออกน้อยราคาสูงมีการแข่งขันกันซื้อเพื่อเปิดตลาด เมื่อผลผลิตเริ่มออกมากราคาจะลงเป็นปกติทุกปีตามกลไกตลาด แต่ช่วงพีกเดือนพฤษภาคมปีนี้ ราคาอาจปรับลงไม่มาก ประมาณ กก.ละ 100-120 บาท เพราะล้งมีจำนวนมาก ความต้องการสูง
วิเคราะห์จุดแข็งทุเรียนเวียดนาม
ด้าน นายสิระวิชญ์ จิระวัฒนเมธากุล ผู้รับซื้อทุเรียนหน้าสวนส่งโรงคัดบรรจุส่งออก จ.จันทบุรี เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปกติช่วงนี้ทุเรียนขายดี แต่ปีนี้เวียดนามมีทุเรียนพันธุ์หมอนทองออกมาชนกับไทย คุณภาพดี สีเข้มข้น รสชาติอร่อย ไม่มีปัญหาเรื่องภัยแล้ง
แต่ปริมาณยังน้อย 30% ส่วนใหญ่เป็นรีเสา (R6) หรือก้านยาวเวียดนาม และราคาถูกกว่าทุเรียนไทย ทำให้จีนเลือกนำเข้าทุเรียนเวียดนามมากกว่า เพราะทำกำไรระยะสั้นได้มากกว่าทุเรียนไทย ทุเรียนไทยต้องตั้งรับด้วยคุณภาพ เพราะไทยเสียเปรียบต้นทุนแพงกว่าและการขนส่งที่ล่าช้า ราคาจะปรับลงมาตามคุณภาพ
ในขณะที่ปัจจุบัน จำนวนล้งหน้าใหม่ที่ไม่มีความชำนาญ ส่งของที่ไม่มีคุณภาพเข้าไปในตลาดจีน ถ้าคุณภาพต่ำการระบายของยาก แต่หากคุณภาพดี ถ้าขายดี ขายได้เร็ว ราคาจะถูกหรือแพงจะไม่มีผลกับพ่อค้า จะเป็นปัญหาการซื้อราคาต้นทางเพื่อขายปลายทาง เชื่อว่าผู้บริโภคยังติดใจทุเรียนไทยอยู่ โดยเฉพาะทุเรียนภาคตะวันออก
ทุเรียนภาคตะวันออกมีปัญหาเรื่องน้ำ ทำให้มีการตัดหนีน้ำแล้ง ตลาดขายได้เพียง 40-50% ผู้บริโภคไม่กล้าซื้อ ตลาดจีนผู้บริโภคจะเลือกของถูกและดี สินค้าที่มีคุณภาพ ดังนั้น พ่อค้าจีนบริษัทใหญ่ ๆ จึงต้องเช็กทุเรียน เช็กปริมาณน้ำตาลในทุเรียน ก่อนขายทุกตู้เพื่อทำตลาดพรีเมี่ยม และป้องกันการเคลมสินค้าเสียหายภายหลัง
เชื่อว่าปัญหาภัยแล้งจะทำลายคุณภาพทุเรียนไทย และยิ่งทำให้มีต้นทุนสูง ขายยาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งขันกับทุเรียนเวียดนามที่เนื้อดี ทรงสวย ราคาถูกกว่า” นายสิระวิชญ์กล่าวและว่า ตอนนี้ล้งเตรียมจะไปซื้อทุเรียนหมอนทองเวียดนามที่จะออกช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2567 เพราะจะทำกำไรได้สูง เทียบกับราคาทุเรียนไทยถูกกว่าประมาณ 40-50 บาท/กิโลกรัม