แม่ติดหนี้การพนันหลักล้าน

ตั้งแต่จำความได้ ก็เห็นครอบครัวฝ่ายแม่ชอบเล่นการพนันในช่วงเทศกาล ตอนเด็กๆเราชอบดู มันดูเหมือนจะสนุกในกลุ่มวงญาติ 
แต่พอโตขึ้นมาอีกหน่อย ก็เห็นแม่ชอบตั้งวงเล่นไพ่ในบ้านตัวเอง ตอนที่พ่อไปทำงานใช้แรงงานอยู่ที่ต่างประเทศ เพราะเลี้ยงลูกสามคนไม่ไหว
ส่วนแม่ตั้งวงเล่นไพ่กับเพื่อนในบ้านทุกวัน
สิ้นเดือนพ่อก็ส่งเงินมาให้เก็บ  ตอนนั้นแปด เก้าขวบ ตอนนั้นพ่อไม่รู้ แต่ตอนพ่อกลับมา ก็ทะเลาะกันเรื่องแม่ออกนอกบ้านไปเล่นไพ่อีก เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ 
ตั้งแต่เรายังเด็ก พ่อเคยห้ามเราไม่ไห้ไปดูวงไพ่ วงไฮโล แต่แม่ก็แอบไปเล่นตามงานศพต่างๆ 
 
พ่อกลับจากเมืองนอกมาสร้างบ้าน แต่ก็จะไปต่างประเทศอีกรอบ แต่รอบนี้โดนส่งตัวกลับ ทำให้ต้องขายที่ดินผืนสุดท้ายใช้หนี้ ช่วงนั้นลำบากมากไม่มีเงินสักบาท พ่ออยากฆ่าตัวตายทุกวัน แต่แม่ห้ามไว้ แล้วสองคนผัวเมียก็ทิ้งลูก 3 คนไว้กับย่ากับยาย แล้วตัวเองก็ไปทำงานรับจ้างเก็บเมล็ดกาแฟที่ภาคใต้ มันเป็นงานที่หนักมาก แม่ทั้งต้องทำงาน แล้วก็คอยปลอบพ่อทุกวัน ผู้คนที่เคยรักเคยใกล้ก็หนีหาย คนที่เคยทำดี พูดเพราะๆ กับเราก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน วัยเด็กของเราถูกทำลายด้วยคนใกล้ตัวเหยียบย่ำ ตอนที่ครอบครัวตกต่ำที่สุด คนที่เคยเรียกเราว่า หนูโน่น หนูนี่ กลับใช้คำว่า  และ อี มาแทนคำที่เรียกเรา
 
ช่วงเราสิบสอง ชีวิตดีขึ้นมาหน่อย พ่อได้งานประจำ ไปเช้ากลับเย็น หลังจากพ่อออกไปทำงาน แม่ก็แอบออกไปหลังพ่อไปไม่นาน จนเที่ยงแม่ก็กลับมาหาข้าวให้ลูกกิน แล้วก็ออกไปอีกจนค่ำ ใกล้ๆเวลาเลิกงานพ่อ แม่ก็กลับมาบ้าน มีหลายนึงแม่กลับช้า พ่อโกรธมาก ตามหาไปทั่ว แต่ไม่เจอ ก็กลับมานั่งหน้าบ้านพร้อมมีดอีโต้เล่มโตวางข้างตัว นั่งในความมืดแบบไม่เปิดไฟ กะว่าจะฆ่าแม่ให้ตาย แต่แม่พูดโดยแปปเดียวก็ใจอ่อน 
 
ช่วง 13 แม่ติดหนี้การพนัน 5 หมื่น คิดดูว่า 5 หมื่น 20 ปีที่แล้ว เงินจะประมาณเเท่าไหร่พ่แก็ว่าจะฆ่าแม่อีก แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี
 
แล้วก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ ไม่เคยหยุด มีหนี้บ้าง กลับบ้านไม่ตรงบ้าง พ่อจะฆ่าบ้าง จะเลิกกันบ้าง แม่ก็หยุดไปพักๆ สองสามเดือนแล้วก็ไปเล่นใหม่
 
ตอน ปวช เรากู้ กยศ ได้ แม่ก็มายืมเราครั้งล่ะสองสามพัน สรุปหมดเป็นหมื่น แล้วก็ไม่ได้คืน แม่ก็ยังแอบพ่อเล่นการพนันเรื่อยๆ แบบสม่ำเสมอ แต่ข้อดีคือ แม่มักซื้อของกินกลับบ้านด้วยเงินที่แม่ไปเล่นมา บางที่ก็เอาเงินพวกนั้นมาหยอดกระปุกให้น้องทั้งสองคน เป็นเงินเก็บน้อง เปิดออกมาก็ได้หลายพัน แล้วแม่ก็ไม่เคยด่าลูกแบบหยาบๆ แม่ด่าทุกคนในโลกได้ แต่พูดกับลูกๆเพราะมาก หาข้าวหาน้ำให้ทุกคนกินในบ้านกินแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ลูกอยากกินอะไรก็จะซื้อมาให้ กับข้าวที่ลูกไม่กิน ก็จะออกไปซื้อแบบใหม่มาให้ เงินที่ใช้ แม่บอกว่า เป็นเงินจากการพนันที่แม่เล่นได้ เพราะเงินเดือนพ่อ หลังจ่ายค่างวดรถแล้ว เหลือไม่ถึง 3 พัน ที่ใช้จ่าย 5 คน เป็นลูกๆวัยรุ่น 3 คน พ่อกับแม่อีก 2 คน นั่นคือเหตุผลของแม่ที่แม่เรียกว่า แม่ไปหาเงิน เหมือนกัน
 
เราไม้ขาดตกบกพร่องอะไรในฐานะลูกวัยรุ่นในตอนนั้น แม่เล่นการพนันไม่ใช่ปัญหาของเรา เป็นปัญหาของพ่อกับแม่ที่ต้องจัดการกันแบบผู้ใหญ่
 
แต่พอเรามีงานทำเป็นหลักแหล่ง เราเริ่มเข้าไปมีบทบาทในเรื่อง คชจ ในบ้าน ทั้งๆที่เราแยกตัวออกมาข้างนอกแล้ว พ่อก็ยังทำงานที่เดิม แม่ก็หายไปจากสารระบบรับรู้ของเราในช่วงปีต้นๆของการทำงาน เราพอมีเงินเก็บบ้างหลังจากทำงาน 
 
พอเราลงตัว มีเงินเก็บบ้างก้อนแรก เราก็อยากพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวบ้าง เราก็จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวทางใต้ด้วยกัน แต่ก็มีเสียงโทรศัพท์ของแม่ดังมากเรื่อยๆ แต่แม่ไม่รับ หรือพิมพ์ข้อความส่งกลับจากวันแรกที่อยู่ด้วยกัน จนวันที่สาม ไปสนามบินกำลังจะกลับ เราไปเข้าห้องน้ำหลังแม่ แม่ไม่รู้ แม่คุยโทรศัพท์กับปลายสายบอกว่า ตอนนี้ยังไม่มี เดี๋ยวกลับไปค่อยคุยกัน ตอนนี้อยู่ข้างนอกอยู่ เราได้ยินแล้วความสุขทั้งสามวันที่สะสมมาหายไปกับตา เหลือแต่ความสงสัย และอัดอั้นเข้ามาแทน
 
ต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้เรากู้เงินได้ แล้วมาทำกิจการบางอย่าง ให้พ่อกับแม่เป็นคนดูแล ได้กำไรเดือนละหลายหมื่น พร้อมมีเงินใช้งวดรถเราเอง โดยที่พ่อกับแม่บริหารเงินเราให้มันงอกเงย เราจึงมีเงินเก็บ
ช่วงนั้นเรา 25  เราก็นั่งจับเข่าถามกันสามคน กับแม่กับพ่อ ว่าแม่เป็นหนี้อะไร กับใคร จนแม่สารภาพว่าเป็นหนี้ 550,000 แล้วเค้าก็ทวงทุกวัน เจ้าหนี้บอกว่าถ้าไม่มีดอกก็จ่ายแต่ต้นมาเลยก็ได้ เพราะก่อนหน้านี้ แม่จ่ายดอกไปมากโขแล้ว ก่อนหน้านั้นก็แสนกว่าบาท

แล้วเราก็ต้องรีบกู้เงิน ไปโป๊ะให้เจ้าหนี้เขาก่อน แล้วขอเจ้าหนี้ว่า ทยอยจ่ายเดือนละ สองหมื่น เพราะมีหลายเจ้า โดยเอาเงินที่เราเอามาลงทุน แล้วสองคนผัวเมียทำงานทำกำไรทุกเดือน เอาไปใช้หนี้เขา จนล่วงไป 3 ปี หนี้ก็หมด ลืมตาอ้าปากได้อีกรอบ 
แม่ยังคงใช้เงินเราทำงานแล้วแบ่งให้เราบางส่วน เพราะเงินที่ต้องจ่ายคือ หนี้งวดรถ หนี้เงินกู้ธนาคารของเราที่กู้มาจ่ายก่อน รายจ่ายรวม 4 หมื่น แต่พ่อกับแม่ก็ใช้กำไรจากเงินเรามาหักยอดใช้หนี้ จนจนหมด
หลังจากนั้นคิดว่าจะพื้นทุกข์ รายรับที่ควรได้ในแต่ล่ะเดือนกลับลดลงตามยอดหนี้ที่หายไป เช่น งวดรถหมด เงินในส่วนของงวดรถที่ควรจะเป็นเงินสด ก็หายไปด้วย หนี้ธนาคารหมด กำไรที่ควรจะเหลือหลังจากหนี้ธนาคารหมด ก็หายไปพร้อมกัน
แล้วแม่ก็เริ่มทำตัวรวย มีเงินใช้แบบฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายไม่อั้น เราสังเกตเงินในธนาคารแม่แว๊บๆ คือมีสี่แสน
เราก็ได้แต่ถามว่า ดำเนินกิจการยังไง เวลาหนี้หมดไป กำไรในส่วนนั้นทำไมมันหายไปด้วย แม่ก็บอกว่า ช่วงนี้ลำบาก มีกำไรแค่นี้ แม่เป็นคนจัดการลูกค้า พ่อมีหน้าที่แค่ทำบัญชี ถ้าแม่บอกพ่อว่าเงินไม่เข้า พ่อก็เข้าใจตามนั้น

หลังจากแอบรู้ว่าแม่มีเงินหลายแสน แม่ก็อยากซื้อที่ดิน อยากเล่นหุ้นเป็น สอบถามเราเรื่องการลงทุน แต่เราไม่ค่อยกลับบ้านช่วงนั้น แว่วๆ ว่าถูกหวยหลายหมื่น ถึงเป็นแสน กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เวลาหวยออก แต่เราก็ไม่ค่อยว่างกลับไปดู
กำไรก็เข้าทุกเดือน แต่มีความผิดปกติอย่างอย่างให้เห็น แต่เราก็เลือกที่จะปล่อยๆไป เพราะวางใจได้ เพราะเห็นเงินแม่ในบัญชี แต่อันที่จริง คือเงินที่แม่แอบจิ๊กของกำไรส่วนกลางไปลงทุนเอง สร้างกำไรเอง แล้วเอาเข้าของตัวเอง เงินส่วนของกำไรครอบครัว ก็ให้ยอดลงลดเรื่อยๆ 

จนช่วงนึงเราเห็นหน้าแม่เครียดเป็นเดือนๆ ทุกคนดูออก ถอนหายใจบ่อยๆ ไม่ยิ้ม ไม่เฮฮา แม่เหมือนมีอะไรจะพูดกับเราหลายครั้งแต่ไม่พูด มีช่วงนึงที่เราถามว่ากำไรทำไมเหลือน้อยทั้งๆที่หนี้ก็หายไปหมดแล้ว แม่บอกว่าช่วงโควิด มีปัญหากันทุกคนแหละ ทำงานยากลูกค้าน้อย ลูกค้าหนี พ่อก็เชื่อแล้วเข้าข้างแม่สุดใจขาดดิ้น เพราะทำงานกันสองคน
แล้วที่สุดแม่ก็ทนไม่ไหว หลังจากเครียดหนักหลายเดือน ออกปากขอยืมเงินจากเราหมื่นกว่า เพราะแม่แอบจิ๊กเงินบนหัวนอนพ่อ แล้ววันนี้พ่อก็จะกลับมาเช็คยอดเงิน กลัวพ่อเอาปืนยิงตัวเอง เพราะพ่อซื้อปืนไว้ เราเลยบอกว่า เรามีเรื่องต้องคุยกัน แม่บอก คุยได้อยู่ แต่เอาเงินมาก่อน พ่อจะยิงแม่ตาย 
เราก็บอกว่า ถ้ายิงจริงก็ต้องรับกรรมตัวเองแหละ 
หลังจากนั้นเราก็ไปหาพ่อ ยังไม่คุยอะไรกับพ่อเรื่องแม่ แต่พ่อโทรหาแม่ให้มาหา แม่บอกว่า ไม่กล้ามาหาพ่อ กลัวโดนยิง พ่อเลยถามว่าเป็นอะไร หลังจากวางสาย เราเลยพูดให้พ่อฟัง ว่า งวดนี้อย่างน้อยห้าแสน 

พ่อเงียบ แบบอึ้ง แล้วก็พรรณาไปเรื่อยว่า ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ตลอด ตั้งแต่ลูกเล็กๆ จนลูก 30 กว่า ก็ไม่คิดจะเลิกเล่น มีแต่ดึงครอบครัวลงต่ำ พอมีหน้ามีตามีเงินซื้อทุกอย่างที่อยากกิน อยากมี ก็ดึงให้ลงต่ำนับครั้งไม่ถ้วน เราก็คุยกับพ่อเป็นชั่วโมงๆ จนพ่อใจเย็น แล้วพ่อก็ถามแบบหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ว่าแล้วจะทำยังไงดีล่ะลูก พ่อถาม

 เราก็บอกว่า งั้นก็ต้องขายบ้านขายรถหล่ะ เล่นจนดิ่งขนาดนี้ มันต้องรู้จักการสูญเสียบ้าง

หลังจากนั้นก็โทรให้แม่มาคุยทั้งครอบครัว โดยที่น้องก็อยู่ต่างจังหวัดไม่รู้เรื่องด้วย คุยไปคุยมา เราจากคนประณีประนอม เป็นฝ่ายโมโห จากพ่อที่โมโห เป็นฝ่ายปกป้องแม่ เพราะหลังจากที่เค้นข้อมูลจากจำเลยแล้วพบว่า เงินสี่แสนไม่เหลือนานแล้ว เล่นหวยฮานอย  ซื้องวดล่ะหลายพันจนเกือบหมื่น มีไพ่ และไฮโลตามวงอีก แถมยังยืมน้องสองคน แสนกว่า เงินที่เราโอนมาให้รอซื้อที่ ก็ขอแบ่งพ่อไป 1 แสน บอกว่าขอเอามาเก็บไว้ในบัญชีตัวเองเฉยๆ แต่ผ่านไปสองเดือน เราขอเงินคืนทั้งหมดเพราะไม่ได้ซื้อแล้ว พ่อก็โอนกลับมาขาด 1 แสน แล้วบอกว่า พรุ่งนี้แม่บอกว่า จะโอนให้ เราก็ถามแล้วแบ่งเงินกันทำไม ทำเหมือนเงินตัวเอง นี่เงินซื้อซื้อที่ดิน ไม่ได้ซื้อก็ต้องคืน 
แต่เงินที่แม่โอนคืน เราไม่เฉลียวใจว่าเป็นเงินน้องของตัวเองให้แม่ยืม โดยจ่ายดอก แล้วก็ช่วยกันปิดบังเรื่องนี้จนผ่านไปหลายเดือน 
แม่หมุนเงินโดยไปยืมคนอื่น มาทดแทนกำไรของครอบครัว แล้วตัวเองก็เอาเงินบางส่วนไปสร้างกำไรต่อ แต่ก็ไม่พอจ่ายหนี้รายวัน รายเดือนอยู่ดีๆ ถ้าได้มาก็ดอาไปต่อยอดโดยการเล่นหวย กับการพนัน  ไปๆมาๆ ทุนหดลงเรื่อยๆ กำไรหดลงเรื่อยๆ แต่ต้องซ่อนข้อมูลจากที่บ้าน ก็ไปยืมคนอื่นมาใส่เป็นกำไรที่บ้าน จนตัวเองไม่ไหว ถึงเอ่ยปากขอยืมจากเรา ถึงได้มีการสังฆยนากันอีกรอบ โดยที่พ่อก็ซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรสักอย่างทั้งๆที่อยู่ด้วยกันตลอด

วันพิจารณาคดี เราโมโหมาก ที่รู้ว่าเงินทั้งหมดที่แม่เอาไปเล่นการพนัน คือเงินเราก็ควรได้ ควรได้เก็บได้แบ่งกันในครอบครัว สรุปคือแม่โกงเงินเราเข้ากระเป๋าตัวเอง สรุปแม่ติดหนี้ 6 แสน แถมหนี้ ธสก อีกหลายแสน ไม่ระบุจำนวน 
แม่บอกแค่ว่า เยอะ มีจองน้องรวมในนั้นด้วย  ถ้าไม่จ่ายหนี้ภายใน 3 วันก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยอีก เดือนละ 3 หมื่น เราก็ต้องจำใจหาเงินมาจ่ายหนี้ดอกโหดไปก่อน แล้วก็เพิ่มเงินลงทุนให้สองคนผัวเมีย ทำงานหาเงินเอากำไรฝนส่วนของเรามาใช้หนี้อีก เคราะห์ซ้ำพ่อตกงาน รายได้เป็นศูนย์ ที่บ้านมีรายจ่ายทั้งหมดที่ต้องจ่าย ทั้งสองผัวเมีย ไม่มีงานเป็นของตัวเอง รอใช้เงินกำไรของธุรกิจในแต่ล่ะเดือนที่เราแบ่งให้เท่านั้น ตอนนี้คือพ่อกับแม่อาศัยเงินก้อนนั้นสร้างกำไร ได้ส่วนแบ่งที่ควรเป็นของเรามากว่า 70% เพราะต้องจ่ายหนี้อีกทุกเดือน 
เราสรุปว่า พ่อกับแม่ต้องทำงานหาเงิน โดยต้นทุนเป็นของเรา สองคนนี้เอาไปดำเนินงานแล้ว จ่าย 30% ให้เรา ที่เหลือเอาไปจ่ายหนี้พร้อมใช้จ่ายประจำวัน

น้องต้องรับความผิดที่ช่วยกันปกปิดความจริงจนเรื่องใหญ่จนคุมไม่อยู่ ก็งดกำไรในส่วนของตัวเองไป แล้วรับเงินที่แม่ใช้หนี้เป็นเดือนๆ ส่วนน้องอีกคนที่ช่วยแม่ซื้อหวยบางที ก็เป็นซึมเศร้าไปเพราะเห็นครอบครัวกำลังจะแตก 
เราก็ยื่นข้อเสนอให้ยกบ้านพร้อมที่ดินมาเป็นของเรา แล้วรถถ้าหมดงวด ก็โอนเป็นชื่อเรา(เรื่อง 1 ปีที่แล้ว ) งวดรถยังไม่หมด เราให้ไปปิดบัญชีทุกธนาคาร เซ็นต์สัญญาเป็นเรื่องเป็นราว ว่าหลังจากเดือน พค 66 ถ้ามีหนี้อีก ใครก็ตามที่ช่วยปกปิด ซ่อนเร้น เห็นดีเห็นงาม ก็ต้องชดใช้หนี้ให้แม่อันเป็นสุดที่รักของพวกแกเอง แล้วให้เซ็นรับรองว่าจะไม่ทำอีก ถ้าทำอีก พ่อกับแม่ต้องหย่ากันอย่างเป็นทางการ แล้วเราก็ก็จะตัดขาดความช่วยเหลือใดๆจากแม่อีก ทุกคนในบ้านเซ็นต์รับทราบ และข้อสำคัญ แม่ต้องไปหาหมอจิตเวช ดูเหมือนว่า แม่จะขาดสมองส่วนยับยั้งชั่งใจ เสพติดสารอลินนลินเวลาชนะพนัน แต่ก็ไม่ได้ขายรถโอนบ้านแต่อย่างใด พ่อกับแม่ก็ทำหน้าหง่อยๆ รับสภาพโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ต่อ....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่