นักวิชาการเผยภาพ "ปะการัง" หน้าตาประหลาด ระบุ คือภัยพิบัติครั้งใหญ่สุดของท้องทะเล ห่วง ถ้าอุณหภูมิน้ำยังไม่ลดลง อาจไม่เหลือ
30 เมษายน 2567 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า “นี่คือปะการังไทยในยุคทะเลเดือด เป็นปะการังหน้าตาประหลาด ทำงานในทะเลมาเกือบ 40 ปี ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน จนมาถึงยุคนี้แหละ”
“เดิมทีเป็นปะการังก้อนสีสันงดงาม เป็นที่อยู่ของกุ้งน้อยปูเล็ก หอยมือเสือและดอกไม้ทะเล ยังมีปลาพ่อปลาแม่และปลาน้อย อาศัยปะการังเป็นบ้าน เป็นที่คุ้มภัย” “เมื่อ 5-6 ปีก่อน ผลของโลกร้อนเริ่มรุนแรง น้ำทะเลอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำลดต่ำผิดปรกติ แดดแรง ปะการังเริ่มฟอกขาว แต่พวกเธอพยายามสู้ ฟื้นขึ้นมาได้ แต่บนหัวเริ่มตายเพราะโดนแดดเต็ม ๆ ที่พอมีชีวิตคือด้านข้าง หากเป็นทะเลภาวะปรกติ ฟอกขาวหนหนึ่งแล้วหายไป 7-8 ปี ปะการังด้านข้างจะลามขึ้นมาบนหัว ทำให้ทั้งก้อนกลับมามีชีวิต” “แล้วทะเล 5-6 ปีที่ผ่านมาปรกติไหม ?” “คำตอบคือไม่ น้ำร้อนแทบทุกปี ปะการังฟอกขาวเป็นประจำ มากบ้างน้อยบ้าง แต่พวกเธออ่อนแอลง
แทนที่ปะการังด้านข้างจะลามขึ้นมาด้านบน กลับกลายเป็นหดหายเสียพื้นที่ลงไปเรื่อย ๆ จนค่อนก้อนกลายเป็นปะการังตาย”
“ปะการังจิ๋วที่เพิ่งลงเกาะใหม่ เธอยังพยายามสู้ เติบโตเป็นปะการังก้อนน้อยบนซากของรุ่นก่อน แล้วก็มาถึงช่วงนี้ น้ำร้อนจี๋ 32-34 องศาติดต่อกันมา 3-4 สัปดาห์ ปะการังที่เหลือเพียงน้อยนิดฟอกจนขาวจั๊วะ โอกาสรอดแทบไม่มี เพราะน้ำยังไม่มีท่าทีว่าจะเย็นลง ฝนยังไม่มา”
“ปะหารังก้อนน้อยที่อยู่บนหัว สู้มาหลายปี มาบัดนี้เธอก็ฟอกขาวเช่นกัน จุดจบปะการังก้อนนี้คือตายทั้งก้อน ก้อนเก่าและก้อนใหม่ ไม่มีกุ้งน้อย ไม่มีปูเล็ก ไม่มีปลาพ่อแม่ลูก ไม่มีชีวิตสุขสันต์ใต้ทะเลไทย ไม่มีความสวยให้คนมาดู ไม่มีบ้านสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ท้องทะเลอีกต่อไป”
ตาย ๆ ๆ ไม่ใช่ก้อนเดียว แต่เป็นพันก้อน หมื่นก้อน แสนก้อน ล้านก้อน ตำนานหลายล้านปีของระบบนิเวศยิ่งใหญ่ที่สุดในท้องทะเล สวยและหลากหลายที่สุดในโลก มาถึงบทอวสาน”
“ภาพนี้เพื่อนธรณ์ส่งมาจากชุมพร วันนี้ แต่ยังมีอีกหลายที่ ชลบุรี ระยอง เรื่อยไปจนถึงตราด หรือเลยลงไปทางใต้ สมุย พะงัน เราพบปะการังประหลาดได้ทั่วไป ปะการังที่ร่อแร่ใกล้ตาย มาถึงจุดสุดท้ายในปีที่ทะเลเดือดสุด ตายทั้งก้อน ไม่มีโอกาสฟื้นคืนกลับมา”
“ที่แค้นสุด คือ เราได้แค่มองดูเธอตาย ไม่มีทางช่วย ไม่มีหนทางอื่นใด มันคือโลกร้อนทะเลเดือด มันคือภัยพิบัติครั้งใหญ่สุดของท้องทะเล และมันจะแรงยิ่งขึ้น ๆ ในอนาคต นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าปะการังในโลกจะพินาศเกือบหมดสิ้นในอีก 30 ปีข้างหน้า แต่ทะเลไทยอาจไม่นานขนาดนั้น โดยเฉพาะในอ่าวไทย แค่นี้ก็ตายไปเยอะแล้ว และจะยิ่งตายเยอะ ตราบใดที่อุณหภูมิน้ำยังไม่ลดลง ตาย ๆ ๆ จนหมดท้องทะเล”
“อ่านถึงประโยคนี้ ผมรู้ดีว่าเพื่อนธรณ์เศร้า แถมเป็นความเศร้าที่แทบไร้หวัง แต่พรุ่งนี้ยังมี แล้วเราจะเบือนหน้าหนีเธอไหม ? ไม่ต้องโทษคนอื่น ไม่ต้องเหลียวมองคนข้าง ๆ ว่าจะทำหรือไม่ ? ก็แค่ถามใจตัวเอง เราจะทำเช่นไร ? ก็แค่ถามใจตัวเอง…”
“หมายเหตุ – ทำอย่างไรเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก ทุกท่านทราบดี ลดขยะ ลดน้ำทิ้ง ไม่กินฉลาม ปลานกแก้ว สัตว์หายาก ไม่ให้อาหารปลา เก็บขยะ ฯลฯ เป็นเรื่องที่พวกเรารู้ดีอยู่แล้ว สนับสนุนผู้ประกอบการที่ดี ไม่สนับสนุนคนที่เอาเปรียบธรรมชาติ ช่วยคนที่พยายามสู้เพื่อรักษาป่าไม้ ทะเล และโลก ก็แค่ทำต่อไปและทำให้มากขึ้น มาก ๆ ๆ ”
ที่มาข้อมูล
https://www.fm91bkk.com/newsarticle/29128
ปะการัง" หน้าตาประหลาด ระบุ คือภัยพิบัติครั้งใหญ่สุดของท้องทะเล
30 เมษายน 2567 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า “นี่คือปะการังไทยในยุคทะเลเดือด เป็นปะการังหน้าตาประหลาด ทำงานในทะเลมาเกือบ 40 ปี ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน จนมาถึงยุคนี้แหละ”
“เดิมทีเป็นปะการังก้อนสีสันงดงาม เป็นที่อยู่ของกุ้งน้อยปูเล็ก หอยมือเสือและดอกไม้ทะเล ยังมีปลาพ่อปลาแม่และปลาน้อย อาศัยปะการังเป็นบ้าน เป็นที่คุ้มภัย” “เมื่อ 5-6 ปีก่อน ผลของโลกร้อนเริ่มรุนแรง น้ำทะเลอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำลดต่ำผิดปรกติ แดดแรง ปะการังเริ่มฟอกขาว แต่พวกเธอพยายามสู้ ฟื้นขึ้นมาได้ แต่บนหัวเริ่มตายเพราะโดนแดดเต็ม ๆ ที่พอมีชีวิตคือด้านข้าง หากเป็นทะเลภาวะปรกติ ฟอกขาวหนหนึ่งแล้วหายไป 7-8 ปี ปะการังด้านข้างจะลามขึ้นมาบนหัว ทำให้ทั้งก้อนกลับมามีชีวิต” “แล้วทะเล 5-6 ปีที่ผ่านมาปรกติไหม ?” “คำตอบคือไม่ น้ำร้อนแทบทุกปี ปะการังฟอกขาวเป็นประจำ มากบ้างน้อยบ้าง แต่พวกเธออ่อนแอลง
แทนที่ปะการังด้านข้างจะลามขึ้นมาด้านบน กลับกลายเป็นหดหายเสียพื้นที่ลงไปเรื่อย ๆ จนค่อนก้อนกลายเป็นปะการังตาย”
“ปะการังจิ๋วที่เพิ่งลงเกาะใหม่ เธอยังพยายามสู้ เติบโตเป็นปะการังก้อนน้อยบนซากของรุ่นก่อน แล้วก็มาถึงช่วงนี้ น้ำร้อนจี๋ 32-34 องศาติดต่อกันมา 3-4 สัปดาห์ ปะการังที่เหลือเพียงน้อยนิดฟอกจนขาวจั๊วะ โอกาสรอดแทบไม่มี เพราะน้ำยังไม่มีท่าทีว่าจะเย็นลง ฝนยังไม่มา”
“ปะหารังก้อนน้อยที่อยู่บนหัว สู้มาหลายปี มาบัดนี้เธอก็ฟอกขาวเช่นกัน จุดจบปะการังก้อนนี้คือตายทั้งก้อน ก้อนเก่าและก้อนใหม่ ไม่มีกุ้งน้อย ไม่มีปูเล็ก ไม่มีปลาพ่อแม่ลูก ไม่มีชีวิตสุขสันต์ใต้ทะเลไทย ไม่มีความสวยให้คนมาดู ไม่มีบ้านสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ท้องทะเลอีกต่อไป”
ตาย ๆ ๆ ไม่ใช่ก้อนเดียว แต่เป็นพันก้อน หมื่นก้อน แสนก้อน ล้านก้อน ตำนานหลายล้านปีของระบบนิเวศยิ่งใหญ่ที่สุดในท้องทะเล สวยและหลากหลายที่สุดในโลก มาถึงบทอวสาน”
“ภาพนี้เพื่อนธรณ์ส่งมาจากชุมพร วันนี้ แต่ยังมีอีกหลายที่ ชลบุรี ระยอง เรื่อยไปจนถึงตราด หรือเลยลงไปทางใต้ สมุย พะงัน เราพบปะการังประหลาดได้ทั่วไป ปะการังที่ร่อแร่ใกล้ตาย มาถึงจุดสุดท้ายในปีที่ทะเลเดือดสุด ตายทั้งก้อน ไม่มีโอกาสฟื้นคืนกลับมา”
“ที่แค้นสุด คือ เราได้แค่มองดูเธอตาย ไม่มีทางช่วย ไม่มีหนทางอื่นใด มันคือโลกร้อนทะเลเดือด มันคือภัยพิบัติครั้งใหญ่สุดของท้องทะเล และมันจะแรงยิ่งขึ้น ๆ ในอนาคต นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าปะการังในโลกจะพินาศเกือบหมดสิ้นในอีก 30 ปีข้างหน้า แต่ทะเลไทยอาจไม่นานขนาดนั้น โดยเฉพาะในอ่าวไทย แค่นี้ก็ตายไปเยอะแล้ว และจะยิ่งตายเยอะ ตราบใดที่อุณหภูมิน้ำยังไม่ลดลง ตาย ๆ ๆ จนหมดท้องทะเล”
“อ่านถึงประโยคนี้ ผมรู้ดีว่าเพื่อนธรณ์เศร้า แถมเป็นความเศร้าที่แทบไร้หวัง แต่พรุ่งนี้ยังมี แล้วเราจะเบือนหน้าหนีเธอไหม ? ไม่ต้องโทษคนอื่น ไม่ต้องเหลียวมองคนข้าง ๆ ว่าจะทำหรือไม่ ? ก็แค่ถามใจตัวเอง เราจะทำเช่นไร ? ก็แค่ถามใจตัวเอง…”
“หมายเหตุ – ทำอย่างไรเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก ทุกท่านทราบดี ลดขยะ ลดน้ำทิ้ง ไม่กินฉลาม ปลานกแก้ว สัตว์หายาก ไม่ให้อาหารปลา เก็บขยะ ฯลฯ เป็นเรื่องที่พวกเรารู้ดีอยู่แล้ว สนับสนุนผู้ประกอบการที่ดี ไม่สนับสนุนคนที่เอาเปรียบธรรมชาติ ช่วยคนที่พยายามสู้เพื่อรักษาป่าไม้ ทะเล และโลก ก็แค่ทำต่อไปและทำให้มากขึ้น มาก ๆ ๆ ”
ที่มาข้อมูล
https://www.fm91bkk.com/newsarticle/29128