ช่วยเราที ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ในที่ทำงาน?!

ล่านิทานให้ฟัง มาฟังจากฝั่งเราบ้าง เพราะเราไม่ใช่คนร้ายและไม่ยอมที่จะถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเพียงเพราะเราเพิ่งเข้ามา 

     เราเข้ามาทำงานที่หนึ่ง ด้วยความที่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรยังไง ก็มามีเพื่อนชื่อว่าพี พีตอนแรกเราคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่ดุ เลยไม่อยากคุยด้วยแต่ไปๆมาๆก็สนิทกันเฉย จนกระทั่ง พีตัดสินใจอยากที่จะจากไปจากที่ตรงนี้ไปอีกที่ใกล้ๆกับเรา ด้วยเหตุผลส่วนตัวซึ่งเราก็ยังคงไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่ดี วันแล้ววันเล่า เรามีคนใหม่ๆ ที่มาเพิ่ม เราพร้อมจะผูกมิตรด้วย 

… คนเก่าไปคนใหม่ออก … 

เราได้มีหัวหน้าและเพื่อนที่น่ารัก เรื่องมันดูเหมือนมันกำลังจะไปได้ดีใช่มั้ยล่ะ ?
วันนึงหลังงานกีฬาสี เรากับพีก็ไม่มาไหนไปไหนด้วยกันอีก ไม่คุยกันอีก เพราะอะไรหรอ..?
เพื่อนที่อยู่ในที่ทำงานแห่งนั้นคนนึง ชื่อว่า ซอร์ท เขามาบอกเราว่าพี เอาเรื่องของเราไปพูดให้คนนู่นคนนี้ฟังแล้วมีคนมาถามกับซอร์ทว่าเราเป็นแบบนั้น...

จริงมั้ย เราไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริงหรอก แต่เราก็ไปเลือกฟังซอร์ทแล้วเลือกที่จะไม่คุยกับพีอีกเลย เพราะตัดปัญหาว่าจะไม่มีเรื่องของที่เราทำงานไปหลุดที่ไหนอีกด้วย … 

เราเริ่มทำงานหนักมีอะไรให้คิดแล้วทำตลอดแบบไม่ได้หยุดเลย เราตั้งใจทำมาก เพื่อนร่วมงานทุกคนก็ดี 
จนกระทั่งเริ่มรู้สึกถึงความแปลกไป ได้ยินแต่ไม่ได้ตัดสินว่าเรื่องจริงหรือป่าว ผู้คนเริ่มไม่ชอบทีมของเรา เพราะเหตุผลไร้สาระ
อีกอย่างเรามั่นใจว่าเราปฏิบัติตัวดีกับทุกคน เราให้ความเคารพ กับทุกคน ทุกคนจริงๆ 

(จนถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาเกลียดทีมเราเพราะปากคนอื่นหรือเพราะเราปฎิบัติกับเขาแย่หรอ?)

หลังจากนี้ที่จะเล่า… ไปตัดสินและใช้วิจารณญาณในการอ่านและกันนะคะ เพราะเราก็งง มาก!
เรื่อมมันดำเนินมาถึง มีวันนึง เราขึ้นประชุมแทนหัวหน้า เราก้มหน้าก้มตาจดฟังคนนู่น คนนี้ชี้แจ้งเรื่องส่วนของตัวเอง ระหว่างที่จด เราได้ยิน เสียงคน2 คนคุยกันว่า
‘ไม่รู้จะรับมาทำไมถ้ามันไม่ทัน วุ่นว่ายไปหมด’
‘เออก็ไม่เข้าใจเหมือน กันนะคะ’ เราก็ฟังเงียบ เก็บเอาไว้ไม่เคยบอกใครเลย แม้กระทั่งตอนนี้ 😅 
แล้วเราก็พูดเรื่องของเราจบ ประธานที่ประชุมถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมมีเรื่อง เร่งรีบนี่นั่นบ่อยจัง เขาก็หาต้น หาตอกันไปจนไปสรุปว่าทาง
ฝั่งเราส่งงานช้า 

เขาขอให้ส่งงานก่อนหนึ่งอาทิตย์ เราก็รับสารนั้นไปบอกต่อ ทำให้คนร่วมงาน ที่ชื่อซอร์ทเสียใจว่าเขาส่งงานเร็วนะ ฟูมฟายร้องไห้ ณ ตอนนั้นเรารู้สึกแย่มากเราคิดแล้วคิดอีกเราบอกอะไรผิดหรือเปล่า จนซอร์ทตัดสินใจจะออก เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยร้องไห้ด้วยเลย เราไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดไป 
เราบอกกับเขาไปแล้วว่าเเธอทำดีแล้ว แค่มันมีแค่งานนี้หรือเปล่า ที่มันเร่งด่วน 
ช่วงบ่ายพี่คนนึงกับซอร์ทก็เรียกไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น 

เราก็เล่าให้ฟังไป เขาก็บอกว่าอย่างคิดมาก เอาตรงๆ เราคิดว่าซอร์ทเนี้ยะเป็นเพื่อนเลยนะ 
เราก็เสียใจนะถ้าการที่เราพูดแบบนั้นทำให้ซอร์ทเสียใจมาก จนขนาดตัดสินใจออกอ่ะ ซอร์ทก็เย็นลง แล้วก็ปกติดี 
เราก็โอเครเรื่องมันคงโอเคแล้วล่ะ
แต่มีเรื่องเอ้ะมาก..

…. ไอ้เสียงที่เราได้ยินในห้องตอนประชุมที่บอกว่า รับมาทำไม มันช่างคุ้นเหลือเกิน … แต่ขอข้ามไปก่อน

วันนึง ประธานมีมติว่าจะ เปลี่ยนกฏบางอย่างใหม่ ซึ่งมันกระทบกับซอร์ทโดยตรง โดยในที่แระชุมเราตกลงกันแบบตรงไปตรงมาแม้กระทั่งเรามองหน้าซอร์ท ด้วยความแคร์ตลอด ว่าโอเคหรือเปล่าถ้าไม่โอเค กฏนั้นเราจะค้านให้เพื่อนเราเต็มที่ ถ้าทุกคนตกลงกันโอเคก็โอเค 
ขอพูดถึงซอร์ทหน่อยตอนแรกเราอึดอัดนะที่ต้องทำงานร่วมกัน แต่ก็ชินแล้วเราพยายามมากที่จะเข้าหา เรายอมทุกอย่างอะไรที่เราไม่โอเรายอม 
เราอยากให้เขาไม่เครียดเพราะรู้ว่างานเขาเยอะ เราอยากให้ขาเปิดใจให้บ้าง วันนึงมันประทับใจเรากับทีมมากว่าเขาเก็บเข้าให้พวกเราที่ประชุมจนไม่ได้ทานข้าว เขาซื้อลูกชิ้นหรืออะไรต่างๆ ให้เราเพราะรู้ว่าเราเหนื่อย เราประทับใจมากเราบอกทุกคนว่าแบบ ซอร์ทดีนะเนี้ยะใจดดีขึ้นมาก รู้สึกดีใจว่าเออ เขาเปิดใจให้พวกเราแลเว ทีมเรากำลังจะดีขึ้น เราได้ทานอาหารเย็นร่วมกัน เราก็บอกซอร์ท ต่อหน้าว่าแบบ ‘ทำไมเธอใจดีจับเดี๋ยวนี้’ เขาก็คงอึ้งๆแหละ แต่เราก็ทำงานแยกย้าย

 จนกระทั่งวันนึง 

หัวหน้าให้เราลองทำงานที่เป็นกฏใหม่ ซอร์ทเกิดอาการ ไม่พอใจ แล้วเดินออกจากห้องไป จนวันรุ่งขึ้น หัวหน้าแจ้งข่าวว่าซอร์ทออก เพราะไม่พอใจกฏที่ตกลง ณ วันนั้น
เขาไม่โอเค เราได้โทรหาซอร์ทหลายสายมาก .. เขาตัดสายทิ้ง เราส่งข้อความไปว่าเรื่องนี้ถ้าเธอไม่โอเคอ่ะ เราคุยกันได้ มาคุยกันก่อน 
สักพักซอร์ทเดินเข้ามาแล้วประกาศว่าเขาจะอยู่อีกไม่กี่วัน เขาคุยกับประธานแล้ว เขาไม่มีอะไรจะคุยกับเราอีก น้องในทีมนึงคนถามด้วยความเป็นห่วงมากว่า พี่จะไปไหน พี่เป็นยังไง เขาก็ไม่บอกอะไร เราก็เสียใจแล้วก็ เสียใจมากว่าทำไมซอร์ทไม่คุยไม่ฟังเลย เลยอยากที่จะระบาย เลยเดินไปคุยกับพี 
เราบอกพีว่า ทำไมเราไม่มาหาพี ไม่มาคุย จนกระทั่งมาประติดประต่อจุดพีคว่า ซอร์ท เอาเรื่องของเราและทีมของเราชอบไปเล่าให้คนอื่นฟังและทำให้คนอื่นที่สนิทกับเขาอยู่แล้วที่ไม่ค่อยมีสมองคิดก็ตามเชื่อไปด้วย ว่าทีมของเราร้ายกับเขาและอย่างที่จะได้ส่วนแบ่งตอบแทนกับงานของเขาที่เขาเหนื่อยคนเดียว( น่าสงสารมะ? ซึ่งเราเป็นคนร้ายไปเลย ทั้งที่เรื่องงาน เราไม่ได้อยากที่จะได้ส่วนแบ่งที่ทำเลยสักนิด.. นี่ฉันร้อนเงินขนาดนั้นเลยใช่มั้ย?)
เรามาต่อเรื่องเข้าด้วยกันว่าเขาไม่ให้เราคุยกับพี เพราะเขาเองก็เอาเรื่องของเราไปบอกพีเหมือนกัน ให้ความที่เขาเป็นคนสองหน้าไม่แตก และยังมีพีคกว่า ซอร์เดินเอาเรื่องของน้องที่แคร์ซอร์ทและถามซอร์ทด้วยความเป็นห่วงและเสียใจไม่แพ้กันไปบอกทางเพื่อนร่วมงานทางฝั่งพีว่า ‘ซอร์ทไม่พอใจที่ได้เงินเดือนเท่ากันกับคนเรียนไม่จบป. ตรี…’ เราไม่รอช้าด้วยความที่เริ่มรู้ตัวว่า ซอร์ทนั้นไม่เคยหวังดีกับใครเลย ไปบอกให้ทุกคนในทีมรู้ตัวว่า ที่คนอื่นเกลียดและส่ายหัวให้พวกเราและเป็นแบบนี้ต้นตอ มันมาจากซอร์ท ที่ไปบอกทุกคนว่าเราไม่ดี ไปทำให้คนอื่นทะเลาะกัน! น้องที่โดนไปสาธยายว่าใช้วุฒิม.6 ทำงาน ทั้งที่เข้ามาถูกต้องไม่ได้ปกปิดอะไร เสียใจมาก ว่าพี่ซอร์ท ทำให้คนเข้าใจน้องผิด ร้องไห้ ซึมเศร้าจากที่หายไปเป็นปีๆ กลับมาซึมเศร้าร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน เราก็หมดความเห็นใจ ความรักความหวังดีทุกอย่าง 

จนวันนี้ทำงานปกติ เจอหน้าซอร์ทแต่คิดว่าช่างเขา เราจะมูฟออน แน่ความมันก็มาแดงเรื่อยๆจนเราต้องมานั่งพิมพ์ ตอนนี้ 
ก่อนกลับบ้าน เราพูดดับน้องในทีมว่า พอเถอะ ให้อภัยเขา ทุกคนจะได้รับผลการกระทำของตัวเอง เพราะแพตเชื่อว่าเวร และกรรมมีจริง ใครทำอะไรจะได้อย่างนั้น เราปล่อยให้ God Timing ทำงาน เวลาไม่นานหรอก ตอนนี้ขาก็ได้รับผลเขา เขาได้ออกจากงานไง แล้วรวามจริงจะปรากฏเอง ทุกคนณ ตอนนั้น โอเค เราเก็บของเตรียมกลับบ้าน เราเอากุญแจไปคืนที่ส่วนของพีอยู่ แล้วเราก็เดินก้มหน้าก้มตากับน้ิงไม่อยากที่จะเห็นซอร์ท ที่อยู่ตรงนั้น เดินมาสักพักน้องในทีมหันมาถามว่า ‘ได้ยินป้ะเมื่อกี้เขาพูดกระแทกเสียงไม่รู้ว่าแขวะหรือป่าวว่สแสดงเก่ง เขาจะหมายถึงว่าเราาแสดงหรือเปล่า?’
เรา ที่จะให้อภัยขึ้นเลยเดือดอีกครั้งว่าทำไมคนๆนึงโตมาแบบไหนถึงได้มีการกระทำและพฤติกรรมที่ ก้าวร้าวและรุนแรงทางจิตใจและเก่งที่จะทำให้คนทะเลาะกันและเกลียดกันขนาดนี้ ได้!
ระหว่างจะขับรถกลับบ้านเจอพี เลยได้คุยกันเปิดอกอีกครั้ง รู้สึกเอือมมาก และอึ้ง และโมโห จนกลับมาบ้านสงบสติอารมณ์เอาโทรศัพท์ของบริษัทมาดูว่ามีคนโทรมาหรือเปล่า จนกระทั่งไปเจอข้อความเสียงที่ถูกบันทึก 2 ไฟล์ อัดเสียบุคคลๆนึงกำลังสืบและด่าคนๆนึงเมื่อปีที่แล้ว เลยคิดในใจ เห้ย ทำไมคนที่ชื่อซอร์ทนี้เป็นคนนิสัยแบบนี้ชอบอัดเสียงเอาเรื่องคนอื่นไปด่าไปว่าไปเม้าให้ตัวเองมีตัวตนในสังคมสังคมหนึ่งที้ขาก็ไม่รู้ด้วยว่าคนพวกนั้นที่พูดในห้องประชุมวันนั้นก็ไม่ได้ดีกับเขาเลย และทั้งที่เราใช้ใจแลกและดีกับเขาด้วยมากๆกับไม่เห้นคุณค่า พีคกว่าบุคคลที่ถูกอัดเสียงเป็นเพื่อนสนิทที่ซอร์ทโทรหาให้มารับกลีบบ้านอีกด้วย.. ตลกดีน้อ สังคมจอมปลอม … เราปลงอยู่สักพักนึง เราก็บอกในกลุ่มทีมว่า เราจะไม่ให้ค่าแล้วเลิกพูดเรื่องซอร์ท แล้วมูฟออน … เราไปอาบน้ำกินข้าว สักพักมีคนให้ข่าว ว่าแบบ เกิดอะไรขึ้น เมื่อวานซอร์ทมานั่งร้องไห้ แล้วบอกทุกคนตรงนั้นว่า … เพื่อนๆในทีมไม่ทำโอ… เ
ราโคตรขึ้นเลย ว่าคนแบบนี้ต้องขาดความอบอุ่นในชีวิตมากแค่ไหนหรอ ทำไมถึงดำ่ดิ่งในความดำมืดมนใช้สันดานดิบของความเป็นสัตว์ที่ไม่ใช่มนุษย์ให้คนเข้าใจผิดแล้วทะเลาะกันได้ขนาดนี้ ทั้งที่เรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริงสักนิดนึง แต่ไปเล่าให้คนอื่นฟังหมดแบบหน้าไม่อาย โกหกแบบไม่มีความยั้งรวามคิดตัวเองจนเป็นนิสัยแบบนี้ เราจะให้อภัยตอนที่เขาได้รับผลกรรมที่ทำกับเรากับคนที่เรารักอย่างสาสม แล้วเราก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ถ้าจะเอากับคนที่ไม่มีอะไรจะเสียอย่างเราก็ได้นะ อยากรู้เหมือนกันว่าสู้เธอได้มั้ย เพราะซอร์ทชอบทำตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง กดคนจมดินคนที่ไม่มียศไม่ดังไม่มีประโยชน์เขาไม่ค่อยคบหรอก แต่ถ้าจะล่นกับเรา ก็ไปสืบวงศคนาญาติพี่น้อง เชื้อสายของเราก่อน.. 55555 ล้อเล่น เราแค่ Nobody 😂

ปล. เรื่องมันยิ่งแย่ลงๆ ทั้งๆที่ซอร์ทกำลังจะออกไป แต่กลายเป็นว่าตอนนี้คนอื่นๆคิดว่าเราเป็นตัวร้าย ทำให้การทำงานที่มันต้องร่วมกับคนอื่นๆ มันยากมากๆ แล้วเราตัดสินใจว่าเราจะไปหางานที่ใหม่ ที่ๆดีกว่า จริงๆไม่ได้อยากจะสนหรอก  แต่การทำงานที่มันควรจะดี มันทำให้แย่ลงและหมดกำลังใจ

 ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะทำยังไงดีคะ หรือมีวิธ๊จัดการคนตอหลดยิ้ม โกหกเล่นละครยังไงคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่