โอเคทุกคน ก่อนที่จะพิมว่าด่าทอกระผม
คนคุย สำหรับผมในที่นี้ คือ
คนคุยที่กักความสัมพันธ์เอาไว้ ไม่ยอมให้ไปต่อ กัก ดอง หรือ ความสัมพันธ์ที่ไม่ยอมให้ความชัดเจนได้ครับผม
ก่อนที่จะเริ่มเข้าเรื่อง ผมขอเท้าความเรื่องที่เจอกับคนคุยล่าสุดก่อนนะครับ(เป็นตอนจบของเรื่องคนในกระทู้ก่อนนะครับ)
.
เมื่อวาน ผมได้มีโอกาสนัดเจอคนคุยผมครับ พวกเราไปเดินเล่นหาของกินกันที่ห้างดังแถวรามอินทรา ระหว่างที่เดินเล่นก็หาทางคุยต่างๆไปเรื่อยเปื่อย จนเข้าสู่หัวข้อสำคัญ เรื่อง
อนาคต และ การเลื่อนสถานะ ผมก็คุยกะนาง จนผมได้เข้าใจว่า ตัวผมนั้นถ้ายังอยู่ต่อ ผมก็จะติดอยู๋ตรงนั้นไม่ไปไหน แต่ถ้าผมเลือกที่จะปล่อยคนอย่างนางไป ผมอาจจะเจ็บจะฝังใจ แต่ชีวิตผมจะได้เดินหน้า ผมจะได้เจอคนใหม่ๆ และใช่เมื่อคิดได้ ผมด้วยความซื้อบื้อหรือจริงใจจนเกินไปก็แล้วแต่ ผมบอกนางไปตรงๆด้วยความคิดนี้ สุดท้ายความสัมพันธ์ของเราก็จบไปได้ด้วยดีครับ มีคำทิ้งท้ายไว้ว่า
ผม: ไว้เจอกันใหม่ใน
เวลาที่เหมาะสม
นาง: แกก็หัดดูแลตัวเองบ้าง บุหรี่ก็ดูดนานๆทีพอ หัดรักตัวเอง หรือเห็นแก่ตัวบ้าง
หลังจากนั้นก็ เราแยกย้าย นางกลับบ้าน ตัวผมเดินร้องไห้กลับไปที่รถและขับกลับบ้าน
โอเค คราวนี้มาดูความร็สึกของแต่ล่ะฝ่ายก่อน(จากมุมมองและความเข้าใจของผมนะ)
.
ตัวผม: ผมคุยกับนางมา3เดือน ผมรู้สึกผูกพันธ์ครับ เช้ามอนิ่ง หลับฝันดี ไปไหนก็บอกทั้งนางทั้งผม กินอะไรก็อวดใส่กัน แหงจะวันที่อ่อนแอผมก็มีเขา มันเป็นความรู้สึกดีครับ และนางจริงใจ ตัวผมเสียใจครับ และก็ได้บทเรียนและเรียนรู้
.
ตัวนาง: ผมได้แค่คิดครับ ว่า ตอนนั้นนางสับสน และนางได้เลือกทางของตัวเองได้ คือนางเลือกที่จะใช้ชีวิตเติมเต็มความสุขได้ด้วยตัวเอง นางมีเพื่อน นางมีเรื่องให้ทำ และนางเหงานางมีวิธีกำจัดมันได้ตามฉบับของนาง ตอนนี้ผมก็ยังเชื่อครับว่า นางก็กินอิ่มนอนหลับเหมือนเดิม
.
คำเดียวที่ผมเข้าใจมากที่สุดของเรื่องผมกะนางคือ ผมมาถูกเวลา แต่มาผิดจังหวะ ตามคำที่ผมเน้นไว้ในประโยคบอกลาครับ
ผมยังคิดในแง่ดีนะ เราอาจจะได้เจอกันในอนาคตก็ได้ถ้าคนมันจะใช่
มาเข้าเรื่องหัวข้อเถอะครับ
เหตุผมที่ผมพิมหัวเรื่องไว้อย่างงั้นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับที่ผมเจอ
ผมเจอความสัมพันธ์แบบนี้มา2รอบ แล้ว2รอบที่เจอนี่มีอิทธิพลกับ ความคิด และ เรื่องความรัก ของกระผมเป็นอย่างมาก
ผมว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้อาจจะมีความรู้สึกที่แบบ พออยู่ไปเรื่อยๆยิ่งนานยิ่งผูกพันธ์ยิ่งมีความร็สึก บางคนที่อดทนได้เรื่อยๆนานๆ เขาก็ทนไปได้ครับไม่ผิด แต่ตอนจบมันก็ไม่เหมือนที่เขาคิดไว้เสมอครับ ในรอบแรกผมทนไป1ปี ผมโดนบอกว่าเป็นแค่เพะื่อนครับไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่ยอมบอกอะไร ตอนถามกลางๆ รอบล่าสุดที่เล่าไปผมตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการจบคสพ.ลงครับ เพราะผมร็สึกมันเสียความร็สึกตลอดพอตะหนักได้ว่าเราเป็นแค่คนคุย เรามีเรื่องที่ทำได้ในขีดของมัน ถ้าทำมากไปกว่านั้นก็จะเป็นการขีดเส้นที่กำหนดเอาไว้ พอจบไป เราก็จี๊ดครับ ส่วนเขาอยู่ได้เราไม่ใช่ส่วนหนึ่ีงของชีวิตเขา แต่สำหรับเราไม่ใช่ เจ็บครับ ผมเกิดคำถามครับ แค่ว่า
.
สถานะแบบนี้มัน toxic ใช่ไหมครับ?
เพราะ คนที่เก็บเราไว้เขาทมีความสุขที่เราชอบ คนที่ชอบหรือผูกพันธ์อย่างเรา ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างให้รู้ ก็จะรอไปเรื่อยๆไม่รู้จบ
.
คนประเภทนี้ทำไมเขาไม่ยอมบอกตรงๆตั้งแต่ตอนที่เขาคิดว่ามันไม่ใช่ล่ะครับ?
.
แล้วจริงหรอที่เขามีความสุขที่เราชอบเขาเฉยๆ ?
.
ผมจะเลี่ยงความสัมพันธ์นี้ยังไง?
.
ขอจบบทความครับ พิมไปน้ำตาซึมไป ขอบคุณงับที่เข้ามาอ่าน
การค้างสถานะคนคุย = toxic หรือไม่?
ก่อนที่จะเริ่มเข้าเรื่อง ผมขอเท้าความเรื่องที่เจอกับคนคุยล่าสุดก่อนนะครับ(เป็นตอนจบของเรื่องคนในกระทู้ก่อนนะครับ)
.
เมื่อวาน ผมได้มีโอกาสนัดเจอคนคุยผมครับ พวกเราไปเดินเล่นหาของกินกันที่ห้างดังแถวรามอินทรา ระหว่างที่เดินเล่นก็หาทางคุยต่างๆไปเรื่อยเปื่อย จนเข้าสู่หัวข้อสำคัญ เรื่อง อนาคต และ การเลื่อนสถานะ ผมก็คุยกะนาง จนผมได้เข้าใจว่า ตัวผมนั้นถ้ายังอยู่ต่อ ผมก็จะติดอยู๋ตรงนั้นไม่ไปไหน แต่ถ้าผมเลือกที่จะปล่อยคนอย่างนางไป ผมอาจจะเจ็บจะฝังใจ แต่ชีวิตผมจะได้เดินหน้า ผมจะได้เจอคนใหม่ๆ และใช่เมื่อคิดได้ ผมด้วยความซื้อบื้อหรือจริงใจจนเกินไปก็แล้วแต่ ผมบอกนางไปตรงๆด้วยความคิดนี้ สุดท้ายความสัมพันธ์ของเราก็จบไปได้ด้วยดีครับ มีคำทิ้งท้ายไว้ว่า
ผม: ไว้เจอกันใหม่ในเวลาที่เหมาะสม
นาง: แกก็หัดดูแลตัวเองบ้าง บุหรี่ก็ดูดนานๆทีพอ หัดรักตัวเอง หรือเห็นแก่ตัวบ้าง
หลังจากนั้นก็ เราแยกย้าย นางกลับบ้าน ตัวผมเดินร้องไห้กลับไปที่รถและขับกลับบ้าน
โอเค คราวนี้มาดูความร็สึกของแต่ล่ะฝ่ายก่อน(จากมุมมองและความเข้าใจของผมนะ)
.
ตัวผม: ผมคุยกับนางมา3เดือน ผมรู้สึกผูกพันธ์ครับ เช้ามอนิ่ง หลับฝันดี ไปไหนก็บอกทั้งนางทั้งผม กินอะไรก็อวดใส่กัน แหงจะวันที่อ่อนแอผมก็มีเขา มันเป็นความรู้สึกดีครับ และนางจริงใจ ตัวผมเสียใจครับ และก็ได้บทเรียนและเรียนรู้
.
ตัวนาง: ผมได้แค่คิดครับ ว่า ตอนนั้นนางสับสน และนางได้เลือกทางของตัวเองได้ คือนางเลือกที่จะใช้ชีวิตเติมเต็มความสุขได้ด้วยตัวเอง นางมีเพื่อน นางมีเรื่องให้ทำ และนางเหงานางมีวิธีกำจัดมันได้ตามฉบับของนาง ตอนนี้ผมก็ยังเชื่อครับว่า นางก็กินอิ่มนอนหลับเหมือนเดิม
.
คำเดียวที่ผมเข้าใจมากที่สุดของเรื่องผมกะนางคือ ผมมาถูกเวลา แต่มาผิดจังหวะ ตามคำที่ผมเน้นไว้ในประโยคบอกลาครับ
ผมยังคิดในแง่ดีนะ เราอาจจะได้เจอกันในอนาคตก็ได้ถ้าคนมันจะใช่
มาเข้าเรื่องหัวข้อเถอะครับ
เหตุผมที่ผมพิมหัวเรื่องไว้อย่างงั้นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับที่ผมเจอ
ผมเจอความสัมพันธ์แบบนี้มา2รอบ แล้ว2รอบที่เจอนี่มีอิทธิพลกับ ความคิด และ เรื่องความรัก ของกระผมเป็นอย่างมาก
ผมว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้อาจจะมีความรู้สึกที่แบบ พออยู่ไปเรื่อยๆยิ่งนานยิ่งผูกพันธ์ยิ่งมีความร็สึก บางคนที่อดทนได้เรื่อยๆนานๆ เขาก็ทนไปได้ครับไม่ผิด แต่ตอนจบมันก็ไม่เหมือนที่เขาคิดไว้เสมอครับ ในรอบแรกผมทนไป1ปี ผมโดนบอกว่าเป็นแค่เพะื่อนครับไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่ยอมบอกอะไร ตอนถามกลางๆ รอบล่าสุดที่เล่าไปผมตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการจบคสพ.ลงครับ เพราะผมร็สึกมันเสียความร็สึกตลอดพอตะหนักได้ว่าเราเป็นแค่คนคุย เรามีเรื่องที่ทำได้ในขีดของมัน ถ้าทำมากไปกว่านั้นก็จะเป็นการขีดเส้นที่กำหนดเอาไว้ พอจบไป เราก็จี๊ดครับ ส่วนเขาอยู่ได้เราไม่ใช่ส่วนหนึ่ีงของชีวิตเขา แต่สำหรับเราไม่ใช่ เจ็บครับ ผมเกิดคำถามครับ แค่ว่า
.
สถานะแบบนี้มัน toxic ใช่ไหมครับ?
เพราะ คนที่เก็บเราไว้เขาทมีความสุขที่เราชอบ คนที่ชอบหรือผูกพันธ์อย่างเรา ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างให้รู้ ก็จะรอไปเรื่อยๆไม่รู้จบ
.
คนประเภทนี้ทำไมเขาไม่ยอมบอกตรงๆตั้งแต่ตอนที่เขาคิดว่ามันไม่ใช่ล่ะครับ?
.
แล้วจริงหรอที่เขามีความสุขที่เราชอบเขาเฉยๆ ?
.
ผมจะเลี่ยงความสัมพันธ์นี้ยังไง?
.
ขอจบบทความครับ พิมไปน้ำตาซึมไป ขอบคุณงับที่เข้ามาอ่าน