มีแฟนเพศเดียวกัน (ผญ/ผญ) แต่ครอบครัวไม่โอเค ส่วนตัวเป็นลูกคนเดียว ความรักอย่างเดียวของคนสองคนมันไม่พอจริงๆเหรอคะ

เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับผู้หญิงคนนึงค่ะ เค้าเป็นรุ่นพี่ ส่วนตัวตอนนี้อายุ24 พี่เค้าอายุ30 ค่ะ ได้รู้จักกันคุยกันมาตลอด ในช่วงเวลานั้นรู้สึกดี กับพี่เค้ามากๆ เดิมไม่ได้เป็นคนที่ชอบเพศเดียวกันนะคะ แต่พอมาได้รู้จักกับพี่เค้ามันเหมือนเราเปิดใจก้าวผ่านไป ไม่มองถึงเพศเลย มันเหมือนเราอยากเจอคนที่เราอยู่ด้วยแล้วเราสบายใจ มีความสุข เข้ากันได้ และเป็นเซฟโซนต่อกัน ซึ่งมันดีมากๆพี่เค้าเป็นเหมือนความสบายใจในทุกๆวัน จากที่วันที่ได้รู้จักแรกๆ ยังบอกพี่เค้าอยู่เลยว่ายังไม่อยากมีแฟน และจริงๆก็คือชอบผู้ชาย แต่คุยกันไปเรื่อยๆ เราโทรคุยกันทุกวันค่ะ ตอนกลางวันต่างคนต่างทำงาน แต่กลางคืนเลิกงานก็โทรคุยกันตลอดทุกคืน คุยไปๆความรู้สึกในใจก็เริ่มก็ตัว หนูรู้สึกว่าหนูชอบพี่เค้าเข้าแล้ว ติดพี่เค้ามาก อยากคุย อยากเจอ มีอะไรก็คุยกันได้หมดทุกเรื่องเลยค่ะ พี่เค้าเป็นคนที่เข้าใจหนูมากกว่าที่ตัวหนูเองจะรู้ซะอีก คอยบอก คอยแนะนำ คอยให้คำปรึกษา หรือคอยบ่นหนู ซึ่งหนูก็ดีใจที่พี่เค้าบ่น ไม่ได้โกรธ หรือรำคาญเลย กลับรู้สึกว่าพี่เค้าหวังดีกับหนู อยากให้หนูทำนู้นทำนี้ มีพอดแคสดีๆพี่เค้าก็ส่งให้ฟัง การลงทุนเอย การพัฒนาตัวเองเอย พี่เค้าจะคอยชี้แนะให้หนูมาตลอด จนหนูคิดว่าถ้ามีพี่เค้ามาอยู่เคียงข้าง ช่วยกันซัพพอร์ตกันและกัน คงใช้ชีวิตด้วยกันง่ายขึ้น จากที่คุยๆกันแรกๆ จะมีพี่เค้าที่คอยเล่าเรื่องต่างๆนานๆให้ฟัง ส่วนตัวหนูชอบรับฟัง จนไม่ค่อยเล่าเรื่องอะไรให้พี่เค้าฟังเลย เพราะไม่ค่อยจะระบายอะไรอยู่แล้ว ชอบฟังคนอื่นมากกว่า แต่พอมีพี่เค้าหนูกลับกล้าที่จะระบายหรือพูดคุยกับพี่เค้ามากขึ้น มีอะไร เจออะไรมาในแต่ละวันก็เล่าให้กันฟัง มันเป็นช่วงที่มีความสุขดี ต่างได้แชร์เรื่องราวกัน หนูคิดมาตลอดว่าสำหรับความรักที่อยากเจอ ไม่ได้ต้องการสเปคอะไรเลย อยากมีแค่ความสบายใจต่อกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง เข้าใจและซัพพอร์ตกัน เข้ากันได้เป็นตัวของตัวเองได้ เพราะหนูว่าถ้าเราสบายใจและมีความสุขที่ได้อยู่กับใครสักคน มันก็อยากมีเค้าอยู่ข้างๆเสมอ หนูกับพี่เค้าคุยกันได้ 6 เดือน ไม่เคยเจอหน้ากัน จน 6 เดือนเราทั้งคู่ตัดสินใจเจอกันครั้งแรก โดยที่นัดไปเที่ยวกัน หนูอยู่ใต้ พี่เค้าอยู่ภาคกลาง ซึ่งเราจะไปเที่ยวกาญฯ หนูก็ไม่เคยคิดเลยว่าครั้งนึงตัวเองจะกล้าเดินทางคนเดียวเพื่อไปหาพี่เค้า เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก แต่ก็คิดว่าถ้าจะจริงจังกันก็อยากเจอ อยากทำความรู้จัก อยากพัฒนาความสัมพันธ์ การไปเจอกันครั้งแรกก็คือผิดคาดมากค่ะ จากที่หนูคิดว่าจะไม่เป็นตัวเอง จะเกร็ง ทำตัวไม่ถูก เพราะส่วนตัวเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยกล้าแสดงออกมากนัก แต่กลับกันการได้ไปเจอกันครั้งแรก แล้วไปเที่ยวกันมันแฮปปี้มากจริงๆค่ะ เป็นตัวเองสุดๆ ไม่เกร็งเลย มีเกร็งนิดหน่อยตอนเห็นหน้าพี่เค้าครั้งแรกพอไปถึง เคยถามพี่เค้าเหมือนกันค่ะว่าเจอกันเป็นไง เกร็งไหม พี่เค้าก็บอกเค้าไม่เกร็งเหมือนกัน ซึ่งเป็นการเจอกันที่หนูมีความสุข อยากมีพี่เค้าอยู่ข้างๆทุกๆวัน จนคืนสุดท้ายก่อนที่หนูจะกลับบ้าน เราสองคนก็ตกลงเป็นแฟนกันค่ะ หลังจากนั้นมาก็คุย คบกันปกติ จนช่วงต้นๆปีที่ผ่านมา พี่เค้าบอกว่าอยากมาเที่ยวที่บ้านหนู หนูก็โอเค เพราะบ่นกับพี่เค้าบ่อยๆว่าทำไมไม่มาหาหนูที่บ้านบ้าง อยากให้มาเที่ยว ซึ่งบอกก่อนว่าหนูไม่ได้บอกกับพ่อแม่ ว่าได้คุยได้คบกับพี่เค้า เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่หนูคิดไว้ตลอดว่าวันใดวันนึงอยากพาพี่เค้ามารู้จักครอบครัวหนู ครอบครัวหนูก็จะได้รู้จักพี่เค้า จนเรานัดวันกันลงตัวพี่เค้าก็มาที่บ้าน เจอหน้าพ่อกับแม่หนู หนูก็บอกก้บพ่อแม่ว่าคือพี่ที่ไปเที่ยวด้วยกัน ก็ไม่ได้มีอะไร จนพี่เค้ากลับไป ละมีวันนึงแม่ก็พูดขึ้นว่าแม่ไม่โอเคเลยเรื่องหนูกับพี่เค้า ซึ่งหนูไม่ได้บอกถึงความสัมพัธ์ระหว่างกันให้แม่รู้ แต่แม่คงจะดูออกเองมั้ง หลังจากแม่พูดหนูก็คิดแค่ว่าแม่อาจจะยังไม่รู้จักพี่เค้ามากพอ เป็นการที่ครอบครัวหนูเจอพี่เค้าครั้งแรก อาจจะมีอะไรที่ยังไม่เข้าใจกัน หนูเลยคิดว่าค่อยๆปรับกัน เจอกันถัดๆไปอาจจะรู้จักกันมากขึ้น แต่พอผ่านไปหลังจากที่แม่บอกหนูสองสามวัน แม่ก็ป่วยเข้ารพ.แอดมิท3-4คืน เนื่องจากแม่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหลอดเลือดสมองอยู่แล้ว หนูก็ลางานมาเฝ้าแม่ที่รพ. ผ่านไป1 คืน ญาติของหนูได้ทักมาถามอาการแม่ ละพูดถึงเรื่องความรักของหนูขึ้นมา เรื่องที่หนูคบกับพี่เค้า ญาติของหนูก็บอกประมาณว่าให้เลิกกัน รู้ไหมที่แม่เข้ารพ.ครั้งนี้เป็นเพราะหนูนะ ความรักแบบญญมันเป็นไปไม่ได้หรอก หลักๆก็คือให้หนูไปเลิกกับพี่เค้า หนูอ่านแล้วน้ำตาไหลร้องไห้ไม่หยุด + กับคิดโทษตัวเองว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะหนู หนูทำให้แม่ต้องนอนรพ. วันนั้นทั้งวันร้องไห้อยู่ตลอดค่ะ จนหนูคิดว่าหนูทำให้แม่เป็นแบบนี้ หนูเลยตัดสินใจบอกเลิกพี่เค้าไปในคืนนั้น หนูทำใจไม่ได้เลย หนูรู้ว่าพี่เค้าต้องเสียใจมาก ผิดหวังกับหนูมาก แต่ตอนนั้นสิ่งที่มีอยู่ในสมองก็คือหนูเป็นต้นเหตุให้แม่นอนรพ. หนูบอกเลิกพี่เค้าทั้งๆที่ยังรัก ตอนนั้นคิดแค่ว่าแม่ไม่โอเคที่จะให้คบกับผู้หญิงด้วยกัน บวกกับคำพูดของญาติที่บอกว่าหนูทำให้แม่เป็นแบบนี้มันฝังอยู่ในสองหนู ตอนนั้นพี่เค้าก็ร้องไห้เลย หนูก็ร้องไห้ไม่หยุด พี่เค้าคงช็อคไปเหมือนกันที่อยู่ๆเรายังรักกันดีอยู่เลย ไม่เคยทะเลาะหรือผิดใจกันมาก่อน เมื่อวานยังบอกรักกัน วันนี้กลับบอกเลิกกัน เห้ออ ช่วงนั้นเครียดมากเลยค่ะ เรื่องที่แม่ป่วยด้วย เรื่องนี้ด้วยมันตีกันไปหมดเลย ร้องไห้ทุกวัน มันเสียใจมากจริงๆค่ะทั้งหนูและพี่เค้าไม่ได้เผื่อใจกับการที่ต้องเลิกกันเลย พี่เค้ามีแพลนในอนาคตที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกัน มาลงทุนเปิดธุรกิจร่วมกัน เรามีแพลนกันไว้หลายอย่างเลย แต่หนูกลับทำลายความรักครั้งนี้ลงไป หนูทำมันพังไปหมดทุกเรื่องเลย ย้อนไปว่าหนูไม่ได้บอกกับครอบครัวหรือญาติๆคนไหนเลย แต่ทำไมญาติถึงรู้และพูดแบบนั้น เพราะเนื่องจากแม่น่าจะดูเรื่องหนูกับพี่เค้าออก หรืออะไรยังไงหนูก็ไม่แน่ใจ แต่แม่ได้โทรหาญาติคนนี้ แม่คงเล่าที่หนูพาพี่เค้ามาเที่ยวที่บ้าน และแม่ก็คงไม่โอเคและไม่สบายใจ ญาติก็เลยรู้และได้พูดแบบนั้นมากับหนู ซึ่งหนูไม่ได้อยากจะปกปิดครอบครัวเรื่องคบกัน แต่ตั้งใจว่าค่อยๆเป็นค่อยๆไป ทำความรู้จักกันไป เพราะถ้าอยู่ๆพูดโจ่งแจ้งว่าหนูชอบผญจะขอคบกับผญมีแฟนเป็นผญ พ่อกับแม่คงตกใจมากและคงไม่ยอมรับไปเลยแน่ หนูเลยอยากให้ทำความรู้จักกันไว้ก่อน พอพบเจอกันบ่อยๆค่อยๆบอกท่าน เพราะหนูคิดว่าพ่อกับแม่น่าจะเข้ากับพี่เค้าได้ไม่ยาก พ่อกับแม่น่าจะเข้าใจหนู แต่ด้วยความที่หนูเป็นลูกคนเดียว หนูถือเป็นเสาหลักของครอบครัว ถ้าในส่วนของแม่แล้วหนูเหมือนเป็นทุกอย่างสำหรับแม่ เราอยู่กันสามคนมาตลอด หนูไม่เคยห่างครอบครัวไปไหนไกลๆ เป็นคนที่ติดบ้านคนนึงก็ว่าได้ ตอนสมัยเรียนมหาลัย หนูสอบเข้าได้ที่แถวๆละแวกกทม. แต่ครอบครัวก็บอกว่ามันไกล อยากให้อยู่ใหล้ๆบ้าน ค่าใช้จ่ายด้วยพ่อแม่เป็นห่วงด้วย หนูก็เสียใจมากเลยตอนนั้นที่ต้องสละสิทธิ์ไป แต่ก็เข้าใจเหตุผลของท่าน หนูก็ได้เรียนใกล้บ้าน จนจบมาทำงานหนูก็เลือกทำงานใกล้ๆบ้านเหมือนกัน เนื่องจากว่าช่วงปีก่อนที่หนูจะเรียนจบแม่ก็เริ่มไม่สบาย เป็นโรคทางหลอดเลือดสมอง การอยู่ใกล้ๆบ้าน ทำงานจ-ศ เสาร์-อาทิตย์กลับบ้านได้มันเป็นอะไรที่เวิคมาก ได้อยู่กับพ่อแม่ในวันหยุด เพราะหนูก็เป็นห่วงสุขภาพท่าน อยากอยู่ใกล้ๆ พ่อกับแม่ก็อายุเยอะแล้ว เข้า60+แล้วค่ะ เนื่องจากมีหนูตอนอายุเยอะแล้วด้วย หนูเลยเป็นเสาหลัก เป็นลูกคนเดียวที่จะเลือกทำอะไรตามใจไม่ได้มากนัก สุดท้ายแล้วหนูก็ต้องเลือกอยู่ดี สำหรับหนูทำไมถึงเลือกอะไรที่ให้คงอยู่กับเราแบบพอๆดีไม่ได้ เลือกที่จะมีพี่เค้าอยู่เคียงข้างกัน และเลือกอยู่กับพ่อแม่ไปด้วย ทำไมถึงไม่มีช้อยนี้ให้หนูเลือกเลย หนูเหมือนต้องเลือกอย่างใดอย่างนึง มันไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราจริงๆเหรอคะ เจอความรักทั้งทีแต่หนูกลับไม่รักษา หนูอยากมีอิสระตามใจตัวเองนะคะ แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อแม่ก็คือที่1เสมอ หนูเข้าใจพวกท่านและหนูรักพวกท่านมากค่ะ  แต่หนูก็อยากให้คนในครอบครัวเข้าใจในความรักของหนู อยากลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง หนูคิดว่าบางสิ่งบางอย่างที่หนูยังไม่กล้าทำ พี่เค้าจะเป็นคนเปิดทางให้หนูได้เรียนรู้ ได้ลงมือทำจริงๆได้ หนูคิดเสมอว่าเราจะสร้างเป้าหมายไปด้วยกัน ทำงาน เก็บเงิน สร้างธุรกิจด้วยกัน ตอนนั้นมันดีมากๆค่ะ ทุกๆวันหนูรอเวลาที่จะได้คุยกับพี่เค้า มันเหมือนเป็นความสุขของทุกวันเลย แต่พอมาวันนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม มันเคว้งไปหมดเลย ผ่านมา2เดือนกว่าแล้วที่เลิกกันหนูยังทำใจไม่ได้เลย ร้องไห้ทุกวัน ไม่สดใสเลยสักวัน คิดถึงเรื่องราวดีๆ ความทรงจำดีๆ มันยังมีภาพพี่เค้าอยู่เต็มไปหมดเลย ส่วนพี่เค้าก็พยายามมูฟออนอยู่ ดีขึ้นกว่าหนู ส่วนหนูยังอยู่ที่เดิมอยู่เลยค่ะ ในบางครั้งคิดว่าอยากจะคุยและถามกับพ่อแม่ไปตรงๆเกี่ยวกับเรื่องมีแฟนเป็นผญ เพราะหนูยังไม่เคยถามถึงเรื่องนี้เลย อยากคุยไปถึงว่าถ้าจะกลับมาคบกันท่านจะโอเคหรืออะไรยังไง หนูอยากเคลียร์ในคำถามพวกนี้ ถึงตอนนี้จะไม่มีอะไรเหมือนเดิม จบความสัมพันธ์ไปแล้ว แต่หนูยังอยากมีพี่เค้าอยู่ในชีวิตอยู่เลยค่ะ เอาจริงๆหนูก็ไม่ได้เป็นคนที่จะชอบผญไปเลย ถึงตอนนี้ถ้าเป็นผญก็จะชอบแค่พี่เค้าคนเดียว ยังคงเป็นเพศหญิงที่ชอบผชเหมือนเดิม แต่มันเหมือนกับเราชอบแค่พี่เค้าคนเดียว ที่เล่ามายาวขนาดนี้ก็ยังไม่รู้จะตั้งคำถามว่าอะไรดี เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้อยากให้เรื่องทั้งหมดจบคสพ.เพียงเท่านี้ อยากมีพี่เค้าเดินเคียงข้างไปด้วย แต่ก็ไปต่อไม่ได้ จะกลับไปก็ไม่ได้ เป็นอะไรที่หนูทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าเลิกกันเพราะปัญหาที่ตัวหนู หนูยังปรับเข้าหากันได้ แต่นี่เลิกกันเพราะปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้นั่นก็คือครอบครัว เคยคิดค่ะว่าถ้าเกิดเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อแม่ฟังละพ่อแม่เข้าใจหรือพอจะยอมรับขึ้นได้ หนูก็คงดีใจมาก แต่ก็กลัวว่าวันนึงมันจะจบแบบเดิม หนูรู้ว่าครอบครัวหนูเป็นยังไง เลยกลัวว่าจะจบคสพ.แบบเดิม หนูไม่อยากให้พี่เค้าเสียใจ เจ็บปวดเพราะหนูอีก พี่เค้าควรไปเจอคนที่สามารถอยู่เคียงข้างพี่เค้าได้ อนาคตก็ไม่รู้จะเป็นยังไงแต่หนูก็จะอยู่คอยซัพพอร์ต และหวังดีกับพี่เค้าเสมอ ถ้าคนมันใช่ต่อกันจริงๆไม่ว่าจะเพศไหนๆก็คงวนกลับมา ตอนนี้หนูก็รู้สึกเหมือนเดิมอยู่เลยค่ะ ยังมูฟเป็นวงกลมอยู่เลย มันคงจะดีขึ้นสักวันแหละเนอะ สำหรับหนูคงใช้เวลานานเลย เป็นรักแรกของหนูเลยนะ แต่กลับเป็นความรักที่ไม่ได้ไปต่อ รวมเวลาที่รู้จักกัน8เดือน คบเป็นแฟนกันได้2เดือน คสพ.ก็จบลง มันดูเป็นช่วงเวลาสั้นๆนะคะ แต่กลับรู้สึกรักและผูกพันธ์มากๆ ได้แต่หวังว่าพี่เค้าจะไม่เจอความรักที่ทำให้เค้าเสียใจอีก ถึงจบกันไปแล้วเราก็ยังคอยดูเค้าเติบโตอยู่ตรงนี้ รักในพื้นที่ของหนูต่อไป หนูควรทำยังไงดีคะ อยากกลับไป แต่ไม่รู้จะคุยกับครอบครัวยังไง ไปต่อก็ไม่ได้ ห้ามให้เค้าหายไปก็ไม่ได้ ห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไรก็ไม่ได้ จะตามเค้าไปก็ไม่ได้อีกนั่นแหละ คิดถึงยังรักแค่ไหนแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยอมรับอย่างเดียวใช่ไหมคะ ไม่รู้จะทำยังไงวางตัวเองตรงไหน มันทรมานและเสียใจไปหมดเลย ยาวมากจริงๆค่ะ คิดเห็นอย่างไรแชร์ความคิดกันได้นะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจนะคะ 🥺😭
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่