แฟนกับแม่ จขกท ทะเลาะกัน บอกให้เลือกข้าง เพราะอีก 20 วันจะแต่งาน

เรื่องอาจจะยาวนะคะ เราขอปรึกษาทุกท่านค่ะ
12 ปีที่แล้ว เราคบกับแฟน มีวันนึงพี่สาวเขาขออนุญาตน้าสาวเราซึ่งเป็นผู้ปกครองในตอนนั้น ขอพาเราไปงานขึ้นบ้านใหม่บ้านญาติแฟน ซึ่งน้าสาวตกลงให้ไป
ทว่า เกิดเหตุไม่คาดคิด อาเขยไม่พอใจที่น้าสาวอนุญาต เลยต่อว่าน้าสาว ส่วนน้าสาวก็เลยไปบอกน้าชายเรา ซึ่งเป็นผู้ปกครองเราอีกคน ว่าเราไปบ้านเขาทั้งๆ ที่ไม่ได้อนุญาต
กลายเป็นว่าน้าชายบอกให้พาตัวเรากลับมา โดยไปหาเราที่งานขึ้นบ้านใหม่ญาติแฟน แล้วเกิดการทะเลาะกัน
เราเสียใจสุดท้าย ที่บ้านบอกให้เลิก บอกแฟนเราไม่ดี อยากไปบ้านญาติเขาทำไม อยากมีผัวเหรอ ตอนนั้น เรา อยู่ มหาลัย ปี 1 ค่ะ

เหตุที่อาเขยไม่อยากให้เราไป คงคิดว่ากลัวเราเสียตัว เพราะ เราและพี่สาว ตอนนั้น โดนอาเขยคนนี้ลวนลามตลอด แต่ต้องยอมเพราะเขาหาเงินให้น้าสาว แล้วน้าสาวก็นำเงินตรงนั้นส่งเราเรียนค่ะ 

ตอนนั้นเรารู้สึกผิดกับครอบครัวแฟนมาก และตีตัวออกห่างเขา และเปลี่ยนเบอร์มือถือไม่ให้เขาติดต่อได้ค่ะ
บ้านแฟนไม่ผิด ตอนนั้นเราเป็นโรคลมชัก บ้านแฟนก็ดูแลอย่างดีเวลาชัก เขายังวางแผนว่า จะเรียนจบแล้วแต่งงานกันไม่ว่า 

(เพิ่มเติมภายหลังมีคนสงสัยนะคะ ว่าหนูเรียนต่อไหม หนูไม่ติดหมอที่ประเทศไทย แต่สอบติดหมอที่เจ้อเจียง แต่บ้านหนู ตายายน้าสาวน้าชาย ไม่มีกำลังส่งเสีย หนูเลยยืนเกรอติดลาดกระบัง หนูเรียนได้ 1 ปี เป็นลมชัก จนเรียนไม่ได้ค่ะ รู้สึกผิดหวังทั้งเรื่องเรียน ความรักและสุขภาพ หนูเปิดโปงเรื่องอาเขย แล้วหนูก็ไม่เรียน มาทำงานเริ่มจากวันละ 200 เอาค่ะ)

เราออกมาอยู่กับพี่สาว 2 คนหลังจากอากงและยายเสีย ที่ กทม ตอนอายุ 20 ค่ะ
และได้มาอยู่กับพ่อและแม่ นับจนถึงปัจจุบัน นี้ปีที่ 7 ค่ะ ตอนนี้อายุ 31 ค่ะ

ปัจจุบัน ได้มีโอกาสมาคบแฟนคนนี้ เพราะเขาตามหาเราผ่านเฟสบุ๊สค์ มาตลอด 12 ปี และทักมาขอโอกาสคบ

เรายืนยันคบกับเขาค่ะ แต่วันแรกที่เขามาบ้านพี่สาวเรา แม่เราพูดว่า จะคบเหรอ มันเรียนไม่จบนะ แฟนเราบอกว่า ผมรักน้องที่เป็นน้อง ไม่ใช่การศึกษาครับ
เราบอกแม่ว่า ขอสินสอดพี่เขาไป 2 แสน แม่บอกแล้วแต่ลูก 

เราคบได้ 4 เดือน อาการปวดเท้าของหนูเริ่มหนัก เดินไม่ค่อยได้ เลยต้องทำงานอยู่บ้าน 
(เพิ่มเติมหลังจากแก้ไข มีหลายท่านสงสัย ทำไมเราถึงไม่รักษาแต่เนินๆนะคะ
เราซื้อหอยมาค่ะ อยู่ในตู้เย็นออฟฟิต พอเลิกงาน 2 ทุ่ม ก็พบว่า โถงที่มีตู้เย็นล็อกไปแล้ว หนูอยากให้ที่ย้านทานสดๆ แต่ก็ไม่อยากรบกวนให้ผู้จัดการกลับมาเปิดประตูให้ เลยปีนและโดดลงมาจากที่สูงค่ะ ลงมาเท้าก็เขียวม่วงเลย แต่ก็พยายาม เอาหอย 3 โลและขับมอเตอร์ไซด์กลับบ้านค่ะ
บ้านเราเห็นตกใจ ทำไมเท้าเป็นยังนั้น เลยโกหกไปว่าตกบันได ไม่อยากให้เป็นห่วง แม่ก็นึงหอยให้ พี่สาวบอกว่าจะพาไปหาหมอพรุ่งนี้
 สุดท้ายไม่พาไปค่ะ พ่อแม่ท่านซื้อยามาให้ทาและให้กินค่ะ เราเลยรอจนหายเอง จึงไปกลับไปทำงานและหาหมอค่ะ แต่รักษาช้าไป เลยปวดมาตลอด ปีกว่าค่ะ)

แต่ปัญหามันก็ได้เริ่มเกิดขึ้น
แม่เราชอบพูดประมาณว่า ทำไมลูกไม่ไปหาแฟนฝรั่งล่ะลูก และถามตอนที่แฟนเราอยู่ด้วย
และพูดให้แฟนเราฟังว่า นี้แฟนพี่สาวเรา หาเงินได้หลายแสนต่อเดือน มีบ้าน มีรถ ดีมาก และก็ชอบถามพี่สาวเราว่า แฟนพี่สาวเรากินข้าวยัง ทำงานรึเปล่า เลิกงานรึยัง ได้นอนบ้างไหม ซึ่งตอนนั้นแฟนเราอยู่ค่ะ

แฟนเราก็เริ่มน้อยใจว่า เขาไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ ได้ยินแต่ล่ะประโยค มันรู้สึกเสียใจ และกดดัน
เพราแฟนเรา ไม่มีบ้านของตัวเอง อยู่บ้านแม่ ไม่มีรถ นั้งแท็กซ์ซี่มาหาเราค่ะ

ขณะที่ยังคบ ยังได้ยินแบบนี้ มากกว่า 2 ครั้งที่ถามว่า ทำไมลูกไม่หาแฟนฝรั่ง และอีกนับครั้งไม่ถ้วน พี่แม่พูดถึงแฟนพี่สาว
แต่ถึงกระนั้น แฟนเราก็ยังดูแลเราพาเราไปหาหมอ ทุกสัปดาห์ เพราะเราหยุดงาน 6 เดือน เนื่องจากเดินไม่ค่อยได้ เพราะอาการตกจากที่สูงแล้วไม่ทำการรักษาที่ถูกวิธี

เราเคยบอกที่บ้านว่า เดินไม่ค่อยได้เท้าข้างขวา พ่อบอกว่า มโน ส่วนแม่บอกเดี๋ยวก็หาย ลองไปหาคลีนิคหน้าบ้าน
แต่แฟนเราบอกคำเดียวต้องไป รักษาที่เดิมมา ปีกว่าไม่ดี เลยไปหาหมอหลายที่จนมีที่นึงบอกว่าต้องผ่า ประมาณ 2 แสน เราถามแม่ว่า จะเอาแต่งงานหรือผ่าก่อน แม่เราบอกว่าผ่า แต่สุดท้ายเราไม่ได้ผ่าเพราะหมอบอกผ่าไปก็ไม่หายค่ะ

สุดท้ายรักษาที่ศิริราช หมอบอกแค่ว่า มาช้ากว่านี้ก็พิการแล้ว ทำได้แต่ประคองไม่ให้หนัก ไม่หายขาดค่ะ
ค่าแท็กซ์ซี่ไปหาหมอแฟนออก แต่ค่าใช้จ่ายเราออกเอง ถึงแม้ว่าแฟนอยากจะออกให้ เราไม่ให้ออก เพราะแค่เก็บเงินสินสอดก็เหนื่อยแล้ว

เวลาต่อมา พี่สาวเราเรียกสินสอด 5 แสน แฟนเราไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่มาพูดน้อยใจให้แค่เราฟังคนเดียวว่า ทำไม มันมีอุปสรรคอีกแล้ว พี่อยากอยู่กับหนู ทำไมมีแต่คนกีดกันเรา บ้านเราบอกว่า เอาเงินมาให้ 5 แสน เดี๋ยวจัดงานให้ จะไปกู้หนี้ยืมสินก็ได้ให้หามา

แล้วมันก็เหตุต่อว่า พี่ชายพ่อเราเสีย เราตกลงเช่ารถไปกัน 4 คน พ่อ แม่ พี่สาว และเราขับ 
ในบ้านตกลงเรียบร้อย
แต่พอรุ่งเช้า แฟนพี่สาวมาจะพาไป
และพอแฟนเรารู้ว่า แฟนพี่สาวมา ก็อยากไปด้วย
โดยการ แฟนพี่สาวขับ 1 คัน และเราขับ 1 คัน
แต่สิ่งที่ได้คือ แม่เราพูดว่า มาทำไม ไม่ต้องไป ลำบาก ให้แฟนเรากลับบ้าน เพราะแฟนเราเสร็จงาน ตี 3 
แต่ไปบอกแฟนพี่สาวว่า เสร็จงานตีสามเหรอ นอนพักชั่วโมงค่อยขับรถไปนะ และบอกให้เรากลับไปต่างจังหวัดด้วยกัน
แต่เราก็เคยบอกแล้วว่าแพ้กลิ่นบุหรี่ ให้นั้งรถดมควันบุหรี่ (แฟนพี่สาวสูบค่ะ) ไม่ไหวตั้ง 4 ชั่วโมง
เพราะขนาดก่อนคบกับแฟน เรายืนคำขาดว่า จะคบต้องเลิกบุหรี่ เพราะเราแพ้ แฟนเราเลยต้องเลิกทันที หมดกลิ่นบุหรี่ ถึงจะเข้าใกล้ได้

แต่ที่บ้านลืมว่าเราแพ้กลิ่นบุหรี่ แล้วบอกว่าเราแย่ ไม่ต้องไป นั้นอยู่บ้าน บอกแฟนเราว่าดูแลน้อง 
แต่พอบ้านเรากลับมาจากงานศพถึงกรุงเทพเวลา 4 ทุ่มครึ่ง เห็นแฟนเรานั้งอยู่ข้างล่างกับเรา แม่เราไม่พอใจมาก บอกว่า ยังอยู่อีกเหรอ ทำไมไม่กลับ เราอธิบายไปว่า พี่เขาอยู่ดูหนู เพราะหนูอยู่บ้านคนเดียว แม่บอกว่าให้ดูแลหนู ถ้าเขาทิ้งหนูไปอยู่บ้านคนเดียว ก็จะหาว่าดูแลฝากฝั่งไม่ได้
แม่ตอบว่า จะอยู่ทำไม ดึกๆดื่นๆ คนอื่นจะมองยังไง ไม่ต้องดู หมู่บ้านมี รปภ.

ต่อมา ทาสีบ้าน เราจะทาสี แฟนเราบอกว่า มันคนประเภทกัน ทาไม่ได้ แต่เราดึงดันจะทา สุดท้ายมันด่าง
วันต่อมาเราเลยพยายามแก้ แฟนเราก็พูดข้างๆเราว่า เห็นไหมบอกแล้ว แม่เดินผ่านได้ยิน เลยโมโหแฟนเรา
แล้วเรียกเราไปคุย ซึ่งบ้านมันก็แคบ แฟนเราได้ยิน

ใจความมันก็มีว่า ทำไมไอ้แฟนมันทาเหรอ ไม่มีสมองรึยังไง ว่ามันคนละประเภทกัน 35 ปีแล้วโตมาได้ยังไง แล้วแกนะไม่ใช่ว่าจะอ่อนๆให้มันว่า บอกแล้วทำไมไม่ห้าม สมองนะมีหน่อย

เราเลยตอบแม่ว่า แม่ฟังก่อน หนูยังไม่ได้บอกเลยว่าพี่เขาทา พี่เขาเตือนแล้ว ว่าอย่าทา หนูไม่ฟังเพราะเห็นว่าสีขาวเหมือนกันเลยทา
แม่เลยบอกว่า ปกป้องมันไง แล้วก็บอกว่าเราไม่ดี แม่แตะต้องมันไม่ได้
ส่วนแฟนเราที่ได้ยิน ก็ยิ่งเสียใจไปอีก 

วันเดียวกันนั้น เราซักผ้าไว้ ตอนเช้าแฟนเรา ขึ้นไปเอาตะกร้าที่ชั้น 3 ลงมาใส่เครื่องให้ พอตกเย็น ก็จะยกตะกร้าผ้าไปเก็บให้ แม่เราเห็นก็พูดไม่ต้อง เดี๋ยวให้น้องมันยกไปเอง

แฟนเราเสียใจ กลัวคนอื่นจะมองลูกสาวไม่ดี ทั้งๆที่พี่ก็ตกลงหาเงินแต่งงาน เก็บสินสอด รู้ว่าน้องเดินไม่ค่อยได้ แต่ให้น้องยกตะกร้าเอง
ฝั่งใจเพิ่มไปไม่รู้เท่าไหร่ และไม่อยากมาบ้านพี่สาวเรา
แล้วฝากให้เราบอกพี่บ้านว่า ไม่มาบ้านนะ เพราะคำพูดแต่ละคำที่ได้ยิน มันเสียความรู้สึก
เราก็ปลอบว่า พี่ยังโชคดี ได้ขึ้นห้องหนูได้บ้างนะ ไปเก็บผ้า เอาผ้าลงมา เปลี่ยนเสื้อผ้า ไปอาบน้ำห้องน้ำหนูได้  แฟนพี่สาวยังไม่มีโอกาสขึ้นไปเลย

ต่อมาบ้านแฟนก็มาสู่เรา อันประกอบไปด้วย แม่แฟน พี่สาวแฟน ป้าแฟน
บทประทะกันมีช่วงทีว่า พี่สาวแฟนบอกว่า ลดหน่อยได้ไหม สมัยนี้ 5 แสนมันหายาก
แล้วมาถามเราว่าเงินเดือนเท่าไหร่ เราตอบ 15,0000 เขาบอกต่อว่าตัวเขาเอง ปริญญาโท เรียกแค่ 3 แสนเอง 

พี่สาวเราก็ยืนยันจะเอา 5 แสน เพราะบอกว่าเราอยู่แต่กับบ้าน ไม่ไปเที่ยวไหนเลย
ขนาดตัวพี่สาว จขกท. จบตรี ยังเรียก ล้านนึงนะคะ มีคนให้ 3 ล้านหนูยังไม่เอาเลย 

ต่อมาพี่สาวแฟนเราก็ถามต่อว่า งั้นงานแต่งใครจะจัด ฝั่งเจ้าสาวจัดใช่ไหมคะ

แม่เราก็บอกว่า หักจากเงินสินสอดไปเลยค่ะ เหลือแค่ไหน ก็แค่นั้น เหลือก็ยกให้เจ้าสาว ไปทำทุนอยู่กับแฟนเขาต่อ
(เพิ่มเติมหลังจากแก้ไข พี่สาวแฟนบอกว่า คืนทำทุนใช่ไหมคะ เพราะน้องอาจจะมียืมมาจัดงานและมาเป็นสินสอด กลัวเป็นหนี้ตั้งแต่เริ่ม
พี่สาวและแม่เลยตอบพร้อมกันว่า ถ้าไปกู้มาไม่ต้องแต่งค่ะ)

สนทนาจบ บ้านเราก็พูดกันเองภายในบ้านว่า นี้ยกให้ฟรีๆ เลยนะ ยังจะเอาไรอีก ยังจะให้จัดงานอีกเหรอ
แฟนเราก็บอกกับเราว่า ทำไมวันนั้นพูดอย่าง วันนี้พูดอย่าง ตอนนั้น ให้ไปกู้หนี้ยืมสิน แต่ตอนนี้บอก ถ้ากู้ไม่ต้องแต่ง
แต่ไม่เป็นไร เงินเหลือจากจัดงาน พี่ให้หนูเก็บนะ

แต่ความสัมพันธ์ ก็ไม่ราบรื่น 

เราพยายามจะชักจูงให้แฟนมาเที่ยวบ้านพี่สาวเพื่อให้มาหาเรา
วันสงกรานต์แฟนมาหา
แม่พูดขึ้นมาว่า เอาเงินแม่ไปดาวน์รถก่อนไหม มีเงินค่อยมาคืน
แฟนเราตอบไปแค่ว่า ไม่เป็นไรครับ ให้จบงานแต่งก่อน ให้จบทีล่ะอย่างครับ
แม่บอกต่อว่าไปแจกการ์ดไม่ต้องเช่ารถหรอก ยืมรถเจ้านายน้อง (จขกท.) ไปก็ได้ แม่ไม่อยากให้เปลืองเงิน
แฟนเราตอบว่าไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะจัดการเองครับ

แต่ที่แฟนเราไม่ยืมรถเจ้านายเราเพราะ รถเจ้านายเป็นบริโอ รถมันเล็ก อยากให้บ้านเรานั้งสบาย
แม่พูดต่อว่า คืนก่อนวันไปแจกการ์ดต่างจังหวัด จะไปนอนชั้น 3 ห้องน้องค้างคืนก็ได้
จะได้ไม่ต้องเดินทางมาแต่เช้า เดี๋ยวให้น้องนอนกับพี่สาวเอา

แม่พูดต่อว่า ก็ไปจดทะเบียนสมรสเอา คนโบราณเชื่อว่าจะแต่งงาน จะมีอุบัติเหตุ จะได้กันไว้ ไม่ให้น้องหรือเรา(แฟนจขกท.) เป็นอะไรขึ้นมา แต่งงานเสร็จก็อยู่บ้านเราก็ได้ลูก
เราเลยบอกแม่ ตกลงจะไปจดทะเบียน คืนวันนั้น พี่สาวก็ช่วยเราแพ็คของชำรวย และพูดต่อว่า ให้แฟน จขกท. มานอนในห้องพี่ก็ได้นะ เพราะห้องพี่มีแอร์ นอนกัน 5 คนจะได้ไม่ร้อน

แล้ววันจดทะเบียนก็เริ่มต้นจุดจบ
จดเสร็จ แฟนเราและเรากลับไปบ้านพี่สาวเรา แฟนเราและเราคุยกันว่า นี่น้อง พี่มีใบสำคัญสมรสแล้วนะ พี่ก็นอนกับหนูได้แล้ว
เราบอกว่าพี่ตลกอีกแล้วไม่ได้ พี่นอน พี่ต้องนอนคนเดียว รอหลังแต่งงานก่อน แต่พี่ไปนอนคนเดียวห้องหนู น่าจะได้อ่ะลองถามแม่ดู

แม่ออกจากห้องน้ำ เราก็ถามแม่ว่า แม่พี่เขาบอกว่า พี่เขามีใบสมรสแล้ว พี่เขาขอขึ้นไปนอนชั้น 3 ได้ไหม 
แม่ตอบว่า อดทนรออีก 2 อาทิตย์เอง แล้วค่อยนอนนะ ค่อยนอนด้วยกัน

ที่นี่เราก็ไม่พูดอะไรต่อ เพราะ ความหมายเราคือ พี่ขอขึ้นไปนอนชั้น 3 แต่ไม่ได้ขอขึ้นไปนอนกับเราชั้น 3
แต่แม่บอกว่าไม่ได้
แม่คงคิดว่าเราจะไปนอนด้วยกันงั้นเหรอ ถึงได้ตอบอย่างนั้นออกมา
แฟนเราผิดหวัง เพราะตอนที่คุยวันสงกรานต์แม่บอกเองว่าคืนก่อนไปแจกการ์ดนอนชั้น 3 ได้ เขาเลยเริ่มไม่สบอารมณ์

เรา แฟนเรา พี่สาว นั้งในรถ รอพ่อกับแม่ขึ้นรถ เพราะจะไปเที่ยววัดกัน
เราเลยเล่าให้พี่สาวฟัง พี่สาวเราบอกว่า แล้วจะขึ้นไปทำไม 
แฟนเรา ก็เริ่มพูดไม่ออก เลยพูดอย่างเสียงแข็งเบาๆ ไปว่า ขึ้นไปทำอะไร หรือไม่ทำอะไร แล้วมันทำไม คงเป็นเพราะเสียอารมณ์และเสียความรู้สึก

จากนั้นพอไปถึงวัด แฟนเราหน้าบูด คุยกับเพื่อนก็บอกว่าอารมณ์เสีย บ้านเราก็รับรู้ได้ เหมือนกำลังโดนใส่อารมณ์

มีต่อนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ลบความคิดเห็นไม่เป็นเลยข้อลบข้อความเพราะซ้ำค่ะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาชีวิต ครอบครัว ปัญหาครอบครัว
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่