สะพายกระเป๋าสัมภาระทรงถุงทะเลสีแดงสดหนักเกือบ 20 กิโลฯ ผมจงใจก้มลงทำท่าผูกเชือกรองเท้า และ ชลอก้าวเพื่อให้พวกฝรั่งและแขกเดินแซงไปก่อน กะว่าขึ้นไปสักคนที่ 10 กำลังดี ...
Mi-6 ซากความทรงจำสงครามเย็นของรัสเซีย ทรงใหญ่อ้วน ขนได้คราวล่ะ 24 - 26 คน พละกำลังมหาศาล 5 ใบพัด 2 เครื่องยนต์ ถูกปลดประจำการมารับจ๊อบเป็นเครื่องโดยสารให้คนงาน และ ผู้รับเหมา บริษัทน้ำมันแห่งชาติอินเดีย
คู่มือ สัญลักษณ์ต่างๆ ประตู หน้าต่าง เครื่องดับเพลิง อ่านไม่ออก เพราะเป็นภาษารัสเซีย แต่ด้วยความคุ้นชินกับกลิ่นอายความเป็นรัสเซียในตัวเครื่องเพราะความที่ขึ้นลงจนจำไม่ได้แล้วว่ากี่รอบ ผมบรรจงวางถุงทะเลสีแดงสดลงบนสัมภาระของคนอื่นที่วางกองเป็นแถวแคบๆตรงกลาง แล้วเลือกนั่งตรงกลางๆของที่นั่งสองแถวหันหน้าเข้าหากัน ... เที่ยวบินวันนั้นขนไปเต็มอัตรา 26 คน พร้อมสัมภาระเต็มพิกัด
สภาพห้องโดยสารเหมือนรถสองแถวที่ไม่มีที่กั้นระหว่างห้องคนขับกับส่วนผู้โดยสาร ผู้โดยสารหันหน้าไปก็เห็นนักบิน นักบินหันมาก็เห็นผู้โดยสาร นักบินคุยอะไรกัน หรือ คุยกับหอบังคับการ ก็ค่อนข้างได้ยินกันหมด
ผู้ช่วยนักบินใช้ตาข่ายสีดำตาห่างเส้นตาข่ายแบนๆคลุมสัมภาระ เหน็บขอบตาข่ายเข้ากับตะขอเกี่ยวสไตล์เครื่องสนามทหาร แล้วล๊อกให้กระชับกับพื้น ถักขอบแนวตาข่ายไปมาอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งสัญญานมือให้พวกเรารัดเข็มขัด ยกนิ้วโป้งขึ้นทั้งสองมือ พร้อมบอกว่า Ready to go?
ยามสายกับแดดเหนือผิวน้ำสีเขียวน้ำเงินนอกชายฝั่งบอมเบย์ในปี 1989
ที่เพดานบินเกือบห้าพันเมตร ... กระหึ่มเสียงของเครื่องยนต์กำลังมหาศาลกลืนไปกับเสียงใบพัดฉีกอากาศเป็นท่วงทำนองที่ไม่อาจจะบอกได้ว่าเพราะพริ้งหรือหดหู่ด้วยตัวเสียงและจังหวะท่วงทำนองของมันเอง ... หากแต่ขึ้นกับภาวะจิตที่เป็นนายของโสตที่ดื่มด่ำเสียงครางกระหึ่มนั้น
"ตอนจะมาเหมือนห่าจะกิน ตอนจะไปเหมือนไก่จะบิน"... ในยามนี้ เสียงและจังหวะท่วงทำนองนั้น ฟังหดหู่สำหรับผม
เหลือบดูนาฬิกาข้อมือ ... อีกเกือบชั่วโมงครึ่ง ...
----------
ในวัยเยาว์ของผม ... ใครก็ไม่รู้กล่าวไว้ว่า เมียที่มีผัวขี้เหล้ามักทำกับแกล้มเก่ง
พ่อผมไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าขี้เหล้าอย่างสมศักดิ์ศรี แต่เข้าข่ายสุภาพบุรุษสุรานิยม แม่ผมก็เลยทำกับแกล้มเก่งแบบตกกะไดพลอยโจน โดยมีผมเป็นลูกมือ ผมจึงพลอยได้วิชากับแกล้มขี้เมาติดมาด้วย จะเรียกว่านอกเหนือไปจาก สุภาพบุรุษสุรานิยมแล้ว วิชากับแกล้มขี้เมาก็เป็นหนึ่งในมรดกตกทอดทางอ้อมจากพ่อที่ผ่านแก้วเบียร์และปลายจวักแม่มาถึงผม
พ่อผมเป็นคนกินง่ายๆ แม่ผมก็เลยทำเป็นแต่กับแกล้มง่ายๆ
ยำวุ้นเส้น ... พ่อชอบวุ้นเส้นที่ไม่แฉะและอ้วนอืด ... แม่จะแช่วุ้นเส้นในน้ำเย็น สักพักจึงสรงขึ้นมาใส่กระชอนจนสะเด็ดน้ำ เตรียมเครื่องปรุงอื่นๆ แล้วค่อยลวกเส้นหมาดๆนั่นด้วยน้ำเดือด คลุกเร็วๆแล้วเสริฟทันที
ยำเล็บมือนาง ... หรือ ยำตีนไก่ ... ปัญหาคลาสิก คือ ทำอย่างไรให้ไม่คาว แม่สอนว่าให้เริ่มตั้งแต่เลือกซื้อตีนไก่จากตลาด ต้องเลือกที่ใหม่สดจากแม่ค้าประจำที่ไว้ใจกันได้ เอากลับมารีบใส่กะละมังแช่น้ำโรยเกลือกำมือนึง สำคัญที่สุดตอนลวกน้ำต้องเดือดพล่านจริงๆถึงจะเอาลงไปลวก
ที่สำคัญไม่แพ้กัน ต้องรอให้น้ำเดือนปุดๆขึ้นมาก่อนเล็กน้อย ก่อนยกกระชอนขึ้น ไม่งั้นจะดิบและคาว แต่ถ้ารอให้เดือดปุดมากไป ตีนไก่จะไม่กรุ๊บๆเพราะสุกมากไป
ยำแหนม ... เสน่ห์ปลายจวักของแม่อยู่ที่การยีแหนมด้วยมือ พ่อบอกว่าแหนมหันมีดไม่อร่อย แม่จะยีแหนมให้ขนาดพอดีคำ ไม่เล็กจนร่วน เครื่องเทศจับไม่ติด ทำให้แหนมจืด และ ต้องไม่ใหญ่จนคับปาก
Sour Pork กับแกล้มของโปรดพ่อ วิบากกรรมของผม
https://adhd.nongferndaddy.com/sour-pork/
ยำเนื้อย่าง ... นอกจากเคล็ดลับไม่ลับต่างๆที่รู้ๆกันสำหรับเมนูนี้แล้วนั้น ผมไม่เคยกินยำแหนมที่ไหนที่ใส่กระเทียมดองซอย แต่ให้ตายซิ มันอร่อยเป็นบ้าเลย
อยู่ในครัวกับแม่บ่อยๆ แอบกินกับแกล้มพ่อบ่อยกว่า ทำให้ผมเป็นคนชอบกินกับแกล้ม เมื่อโตมา ไม่มีใครทำได้อย่างจริตผม ผมก็เลยมักทำเอง แซ่บเอง และ เมาเอง
ไม่ว่าจะทำยำอะไร 3 สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำยำ คือ มะนาว น้ำปลา และ พริกสด
ในยามขาดแคลนบนแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่ง พริกป่นก็พอไหว และ มะนาวฝรั่งอย่างเลมอนก็พอกล้อมแกล่ม แต่ไม่มีอะไรที่แทนน้ำปลาได้เลย
ในสมัยนั้นผมจึงต้องมีน้ำปลาขวดกลมไปด้วย 1 ขวดเสมอเวลาออกไปทำงานแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่ง เมื่อตีซี้สนิทสนมกับพ่อครัวได้แล้ว ผมก็มักขอผักสด หอมใหญ่ เลมอน และ อื่นๆ แล้วทำยำของผมกินเองเวลาคิดถึงบ้าน โดยมีสินน้ำใจเป็นของฝากเล็กๆน้อยๆจากประเทศไทย
ของฝากที่เป็นที่นิยมในหมู่พ่อครัวบนแท่นเจาะฯตอนนั้น คือ ยาหม่องยี่ห้อหนึ่งที่มีโลโก้เป็นรูปลิง เพราะนอกจากจะมีกลิ่นหอมที่เนียนกลืนไปกับรสนิยมจมูกของคนที่นั่น รูปลิงยังเป็นสัญญลักษณ์ของหนุมาน พระเอกในวรรกรรมรามมายณะที่มีชื่อเสียงชองชนชมพูทวีป
ยำที่ทำเองบนแท่นเจาะเป็นยำง่ายๆที่หาวัตถุดิบจากในครัว อย่างยำเนื้อย่าง ผมก็เอาสเต็กฝรั่งนี่แหละหั่นๆแฉลบๆใส่แทนเนื้อย่าง ไก่ กุ้ง ปลา ก็มีให้ลองวนไปตามแต่ว่าวันไหนจะมีอะไร พริกสดก็ขอเอาจากในครัว อยากแซ่บเพิ่มก็พริกป่นปาปริก้าที่มีวางให้บนโต๊ะ ผักก็เลือกเอาจากสลัดบาร์ที่มีให้ทุกมื้อ ... ก็พอได้หายคิดถึงบ้าน
------------
ภวังค์ภิรมย์อดีตถูกปลุกตื่นด้วยเสียงใบพัดและเครื่องยนต์ที่เบาลง เครื่องลดเพดานบิน ... น้ำลายชุ่มปากด้วยความแซ่บของยำที่ยังติดอยู่ในสัญญา
"แวะส่งคน" เพื่อนฝรั่งในชุดหมีธงชาติแคนาดาที่หน้าอก พูดเสียงดังใส่หูเมื่อเห็นกระเหรี่ยงในชุดหมีธงชาติไทยที่นั่งข้างๆทำคิ้วเครื่องหมายคำถาม วิศวกรชุดหมีธงชาติอเมริกาเชื้อสายลาวที่นั่งตรงข้าม ยิ้ม พยักหน้า เชิงยืนยัน
"ขอบคุณ" ผมตอบกลับด้วยภาษาปากเบาๆพอให้อ่านริมฝีปากได้ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตะโกนแข่งกับเสียงใบพัดเครื่องยนต์ Mi-6
เครื่องลงจอดบนแท่นผลิตหนึ่งในหลายแท่นผลิตกลางทะเลที่มีทั่วไปในบริเวณนี้ คนลงจากเครื่อง 5- 6 คน ผู้ช่วยนักบินปลดขอบตาข่ายคลุมสัมภาระอย่างว่องไวรู้งาน คนที่ลงคว้ากระเป๋าสัมภาระจากกองกลางระหว่างแถวที่นั่ง ค้อมตัวลอดประตูลงเครื่องไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้กองกระเป๋าที่เหลือกระเกะระกะ กระจัดกระจาย
"#$#*%(#)*&*%" ... ผู้ช่วยนักบินพึมพัมอะไรสักอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่องเป็นภาษารัสเซีย กอปรกับส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
ผมทำท่าจะปลดเข็มขัดนิรภัยยื่นมือเข้าไปช่วยจัดเพราะห่วงถุงทะเลของตัวเอง ผู้ช่วยนักบินไซด์น้องๆอาร์โนว์ ชวาสเน็กเกอร์ ส่งภาษาใบ้ว่า โน อย่าปลดเข็มขัดลุกจากที่นั่ง เดี๋ยวจัดการเอง
ภาพที่ผมและผู้โดยสารคนอื่นๆเห็น ... ผู้ช่วยนักบินจับๆโยนๆสัมภาระอื่นๆให้เข้าที่เดิมลวกๆแล้วเอาตาข่ายคลุม เหน็บขอบเข้าที่เหมือนเดิม ชูสองนิ้วโป้ง แล้วพูดว่า Ready to go? เพื่อนฝรั่งแคนนาดาหันมายิ้มแห้งให้ผม เดาว่าในใจคงคิดเหมือนกันว่า ผู้ช่วยนักบินคงพูดภาษาอังกฤษได้แค่นี้มัง
เหลือดูนาฬิกาอีกรอบ อืม ไม่น่าไกลแล้ว อีก 10 นาที
กำลังเพลินๆกับวิวครามฟ้าสลับสีทะเลมรกต ... ใจลอยไปว่า ถึงแท่นเจาะฯแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง พลันจมูกก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ ขนลุกซู่ด้วยสัญชาตญาณ ผมมองซ้ายขวา ทุกคนขมวดคิ้ว เครื่องหมายคำถามอยู่บนสีหน้า
ถ้าจมูกทุกคนพูดได้ คงพูดเหมือนกันว่า มันกลิ่นอะไรว่ะ
เพื่อนฝรั่งชุดหมีธงชาติแคนนาดาข้างๆทำสีหน้า "ไอด๊อนโนทู" ที่แปลว่า "กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ"
สักพักได้ยินเสียงนักบินรัสเซียพูดภาษาอังกฤษตะกุตะกักแต่ค่อยข้างดังฝ่าเสียงกระหึ่มของใบพัดและเครื่องยนต์ จับความได้ประมาณว่า เครื่องผิดปกติ ขอลงฉุกเฉิน เตรียมคน และ อุปกรณ์ เพื่อรับสถานการณ์ด้วย
ไม่ใช่ผมได้ยินคนเดียว ได้ยินกันครึ่งลำที่นั่งใกล้ห้องนักบินที่ไม่ได้ปิดประตู ที่หน้าตาฝรั่งๆก็ทำสัญลักษณ์ไม้กางแขนที่หน้าผา หน้าอก และ หัวไหล่ซ้ายขวา เหมือนนักฟุตบอลสเปนลงสนาม ที่หน้าตาไม่ใช่ฝรั่งก็สีหน้ากังวล เชื่อว่าใครมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พอเป็นความหวังและกำลังใจ คงจะอัญเชิญ อาราธนา หรือ นิมนต์มาจนครบที่พอจะนึกถึงและพึงพาได้ยามนั้น
อีกครึ่งลำที่เหลือไม่ได้ยินนักบินพูด พอเห็นครึ่งลำใกล้ห้องนักบินมีอาการแบบนั้น กอปรกับเครื่องลดระดับเร็วกว่าปกติลงใกล้ผิวทะเลสีมรกต ก็พอเดาได้ ...
ในใจทุกคนคงจะคิดว่า "ซวยแล้วกู"
มีแต่เพื่อนวิศวกรชุดหมีธงชาติอเมริกาเชื้อสายลาวที่นั่งตรงข้ามผมคนเดียวที่นั่งเฉย ยิ้มๆ ผมรู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ผมมั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดเหมือนผมแน่ ...
เพราะในใจผมคิดว่า ... "ซวยแล้ว รอบนี้กูอดกินยำ"
https://nongferndaddy.com/
ยำ ยำ
Mi-6 ซากความทรงจำสงครามเย็นของรัสเซีย ทรงใหญ่อ้วน ขนได้คราวล่ะ 24 - 26 คน พละกำลังมหาศาล 5 ใบพัด 2 เครื่องยนต์ ถูกปลดประจำการมารับจ๊อบเป็นเครื่องโดยสารให้คนงาน และ ผู้รับเหมา บริษัทน้ำมันแห่งชาติอินเดีย
คู่มือ สัญลักษณ์ต่างๆ ประตู หน้าต่าง เครื่องดับเพลิง อ่านไม่ออก เพราะเป็นภาษารัสเซีย แต่ด้วยความคุ้นชินกับกลิ่นอายความเป็นรัสเซียในตัวเครื่องเพราะความที่ขึ้นลงจนจำไม่ได้แล้วว่ากี่รอบ ผมบรรจงวางถุงทะเลสีแดงสดลงบนสัมภาระของคนอื่นที่วางกองเป็นแถวแคบๆตรงกลาง แล้วเลือกนั่งตรงกลางๆของที่นั่งสองแถวหันหน้าเข้าหากัน ... เที่ยวบินวันนั้นขนไปเต็มอัตรา 26 คน พร้อมสัมภาระเต็มพิกัด
สภาพห้องโดยสารเหมือนรถสองแถวที่ไม่มีที่กั้นระหว่างห้องคนขับกับส่วนผู้โดยสาร ผู้โดยสารหันหน้าไปก็เห็นนักบิน นักบินหันมาก็เห็นผู้โดยสาร นักบินคุยอะไรกัน หรือ คุยกับหอบังคับการ ก็ค่อนข้างได้ยินกันหมด
ผู้ช่วยนักบินใช้ตาข่ายสีดำตาห่างเส้นตาข่ายแบนๆคลุมสัมภาระ เหน็บขอบตาข่ายเข้ากับตะขอเกี่ยวสไตล์เครื่องสนามทหาร แล้วล๊อกให้กระชับกับพื้น ถักขอบแนวตาข่ายไปมาอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งสัญญานมือให้พวกเรารัดเข็มขัด ยกนิ้วโป้งขึ้นทั้งสองมือ พร้อมบอกว่า Ready to go?
ยามสายกับแดดเหนือผิวน้ำสีเขียวน้ำเงินนอกชายฝั่งบอมเบย์ในปี 1989
ที่เพดานบินเกือบห้าพันเมตร ... กระหึ่มเสียงของเครื่องยนต์กำลังมหาศาลกลืนไปกับเสียงใบพัดฉีกอากาศเป็นท่วงทำนองที่ไม่อาจจะบอกได้ว่าเพราะพริ้งหรือหดหู่ด้วยตัวเสียงและจังหวะท่วงทำนองของมันเอง ... หากแต่ขึ้นกับภาวะจิตที่เป็นนายของโสตที่ดื่มด่ำเสียงครางกระหึ่มนั้น
"ตอนจะมาเหมือนห่าจะกิน ตอนจะไปเหมือนไก่จะบิน"... ในยามนี้ เสียงและจังหวะท่วงทำนองนั้น ฟังหดหู่สำหรับผม
เหลือบดูนาฬิกาข้อมือ ... อีกเกือบชั่วโมงครึ่ง ...
----------
ในวัยเยาว์ของผม ... ใครก็ไม่รู้กล่าวไว้ว่า เมียที่มีผัวขี้เหล้ามักทำกับแกล้มเก่ง
พ่อผมไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าขี้เหล้าอย่างสมศักดิ์ศรี แต่เข้าข่ายสุภาพบุรุษสุรานิยม แม่ผมก็เลยทำกับแกล้มเก่งแบบตกกะไดพลอยโจน โดยมีผมเป็นลูกมือ ผมจึงพลอยได้วิชากับแกล้มขี้เมาติดมาด้วย จะเรียกว่านอกเหนือไปจาก สุภาพบุรุษสุรานิยมแล้ว วิชากับแกล้มขี้เมาก็เป็นหนึ่งในมรดกตกทอดทางอ้อมจากพ่อที่ผ่านแก้วเบียร์และปลายจวักแม่มาถึงผม
พ่อผมเป็นคนกินง่ายๆ แม่ผมก็เลยทำเป็นแต่กับแกล้มง่ายๆ
ยำวุ้นเส้น ... พ่อชอบวุ้นเส้นที่ไม่แฉะและอ้วนอืด ... แม่จะแช่วุ้นเส้นในน้ำเย็น สักพักจึงสรงขึ้นมาใส่กระชอนจนสะเด็ดน้ำ เตรียมเครื่องปรุงอื่นๆ แล้วค่อยลวกเส้นหมาดๆนั่นด้วยน้ำเดือด คลุกเร็วๆแล้วเสริฟทันที
ยำเล็บมือนาง ... หรือ ยำตีนไก่ ... ปัญหาคลาสิก คือ ทำอย่างไรให้ไม่คาว แม่สอนว่าให้เริ่มตั้งแต่เลือกซื้อตีนไก่จากตลาด ต้องเลือกที่ใหม่สดจากแม่ค้าประจำที่ไว้ใจกันได้ เอากลับมารีบใส่กะละมังแช่น้ำโรยเกลือกำมือนึง สำคัญที่สุดตอนลวกน้ำต้องเดือดพล่านจริงๆถึงจะเอาลงไปลวก
ที่สำคัญไม่แพ้กัน ต้องรอให้น้ำเดือนปุดๆขึ้นมาก่อนเล็กน้อย ก่อนยกกระชอนขึ้น ไม่งั้นจะดิบและคาว แต่ถ้ารอให้เดือดปุดมากไป ตีนไก่จะไม่กรุ๊บๆเพราะสุกมากไป
ยำแหนม ... เสน่ห์ปลายจวักของแม่อยู่ที่การยีแหนมด้วยมือ พ่อบอกว่าแหนมหันมีดไม่อร่อย แม่จะยีแหนมให้ขนาดพอดีคำ ไม่เล็กจนร่วน เครื่องเทศจับไม่ติด ทำให้แหนมจืด และ ต้องไม่ใหญ่จนคับปาก
Sour Pork กับแกล้มของโปรดพ่อ วิบากกรรมของผม
https://adhd.nongferndaddy.com/sour-pork/
ยำเนื้อย่าง ... นอกจากเคล็ดลับไม่ลับต่างๆที่รู้ๆกันสำหรับเมนูนี้แล้วนั้น ผมไม่เคยกินยำแหนมที่ไหนที่ใส่กระเทียมดองซอย แต่ให้ตายซิ มันอร่อยเป็นบ้าเลย
อยู่ในครัวกับแม่บ่อยๆ แอบกินกับแกล้มพ่อบ่อยกว่า ทำให้ผมเป็นคนชอบกินกับแกล้ม เมื่อโตมา ไม่มีใครทำได้อย่างจริตผม ผมก็เลยมักทำเอง แซ่บเอง และ เมาเอง
ไม่ว่าจะทำยำอะไร 3 สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำยำ คือ มะนาว น้ำปลา และ พริกสด
ในยามขาดแคลนบนแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่ง พริกป่นก็พอไหว และ มะนาวฝรั่งอย่างเลมอนก็พอกล้อมแกล่ม แต่ไม่มีอะไรที่แทนน้ำปลาได้เลย
ในสมัยนั้นผมจึงต้องมีน้ำปลาขวดกลมไปด้วย 1 ขวดเสมอเวลาออกไปทำงานแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่ง เมื่อตีซี้สนิทสนมกับพ่อครัวได้แล้ว ผมก็มักขอผักสด หอมใหญ่ เลมอน และ อื่นๆ แล้วทำยำของผมกินเองเวลาคิดถึงบ้าน โดยมีสินน้ำใจเป็นของฝากเล็กๆน้อยๆจากประเทศไทย
ของฝากที่เป็นที่นิยมในหมู่พ่อครัวบนแท่นเจาะฯตอนนั้น คือ ยาหม่องยี่ห้อหนึ่งที่มีโลโก้เป็นรูปลิง เพราะนอกจากจะมีกลิ่นหอมที่เนียนกลืนไปกับรสนิยมจมูกของคนที่นั่น รูปลิงยังเป็นสัญญลักษณ์ของหนุมาน พระเอกในวรรกรรมรามมายณะที่มีชื่อเสียงชองชนชมพูทวีป
ยำที่ทำเองบนแท่นเจาะเป็นยำง่ายๆที่หาวัตถุดิบจากในครัว อย่างยำเนื้อย่าง ผมก็เอาสเต็กฝรั่งนี่แหละหั่นๆแฉลบๆใส่แทนเนื้อย่าง ไก่ กุ้ง ปลา ก็มีให้ลองวนไปตามแต่ว่าวันไหนจะมีอะไร พริกสดก็ขอเอาจากในครัว อยากแซ่บเพิ่มก็พริกป่นปาปริก้าที่มีวางให้บนโต๊ะ ผักก็เลือกเอาจากสลัดบาร์ที่มีให้ทุกมื้อ ... ก็พอได้หายคิดถึงบ้าน
------------
ภวังค์ภิรมย์อดีตถูกปลุกตื่นด้วยเสียงใบพัดและเครื่องยนต์ที่เบาลง เครื่องลดเพดานบิน ... น้ำลายชุ่มปากด้วยความแซ่บของยำที่ยังติดอยู่ในสัญญา
"แวะส่งคน" เพื่อนฝรั่งในชุดหมีธงชาติแคนาดาที่หน้าอก พูดเสียงดังใส่หูเมื่อเห็นกระเหรี่ยงในชุดหมีธงชาติไทยที่นั่งข้างๆทำคิ้วเครื่องหมายคำถาม วิศวกรชุดหมีธงชาติอเมริกาเชื้อสายลาวที่นั่งตรงข้าม ยิ้ม พยักหน้า เชิงยืนยัน
"ขอบคุณ" ผมตอบกลับด้วยภาษาปากเบาๆพอให้อ่านริมฝีปากได้ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตะโกนแข่งกับเสียงใบพัดเครื่องยนต์ Mi-6
เครื่องลงจอดบนแท่นผลิตหนึ่งในหลายแท่นผลิตกลางทะเลที่มีทั่วไปในบริเวณนี้ คนลงจากเครื่อง 5- 6 คน ผู้ช่วยนักบินปลดขอบตาข่ายคลุมสัมภาระอย่างว่องไวรู้งาน คนที่ลงคว้ากระเป๋าสัมภาระจากกองกลางระหว่างแถวที่นั่ง ค้อมตัวลอดประตูลงเครื่องไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้กองกระเป๋าที่เหลือกระเกะระกะ กระจัดกระจาย
"#$#*%(#)*&*%" ... ผู้ช่วยนักบินพึมพัมอะไรสักอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่องเป็นภาษารัสเซีย กอปรกับส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
ผมทำท่าจะปลดเข็มขัดนิรภัยยื่นมือเข้าไปช่วยจัดเพราะห่วงถุงทะเลของตัวเอง ผู้ช่วยนักบินไซด์น้องๆอาร์โนว์ ชวาสเน็กเกอร์ ส่งภาษาใบ้ว่า โน อย่าปลดเข็มขัดลุกจากที่นั่ง เดี๋ยวจัดการเอง
ภาพที่ผมและผู้โดยสารคนอื่นๆเห็น ... ผู้ช่วยนักบินจับๆโยนๆสัมภาระอื่นๆให้เข้าที่เดิมลวกๆแล้วเอาตาข่ายคลุม เหน็บขอบเข้าที่เหมือนเดิม ชูสองนิ้วโป้ง แล้วพูดว่า Ready to go? เพื่อนฝรั่งแคนนาดาหันมายิ้มแห้งให้ผม เดาว่าในใจคงคิดเหมือนกันว่า ผู้ช่วยนักบินคงพูดภาษาอังกฤษได้แค่นี้มัง
เหลือดูนาฬิกาอีกรอบ อืม ไม่น่าไกลแล้ว อีก 10 นาที
กำลังเพลินๆกับวิวครามฟ้าสลับสีทะเลมรกต ... ใจลอยไปว่า ถึงแท่นเจาะฯแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง พลันจมูกก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ ขนลุกซู่ด้วยสัญชาตญาณ ผมมองซ้ายขวา ทุกคนขมวดคิ้ว เครื่องหมายคำถามอยู่บนสีหน้า
ถ้าจมูกทุกคนพูดได้ คงพูดเหมือนกันว่า มันกลิ่นอะไรว่ะ
เพื่อนฝรั่งชุดหมีธงชาติแคนนาดาข้างๆทำสีหน้า "ไอด๊อนโนทู" ที่แปลว่า "กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ"
สักพักได้ยินเสียงนักบินรัสเซียพูดภาษาอังกฤษตะกุตะกักแต่ค่อยข้างดังฝ่าเสียงกระหึ่มของใบพัดและเครื่องยนต์ จับความได้ประมาณว่า เครื่องผิดปกติ ขอลงฉุกเฉิน เตรียมคน และ อุปกรณ์ เพื่อรับสถานการณ์ด้วย
ไม่ใช่ผมได้ยินคนเดียว ได้ยินกันครึ่งลำที่นั่งใกล้ห้องนักบินที่ไม่ได้ปิดประตู ที่หน้าตาฝรั่งๆก็ทำสัญลักษณ์ไม้กางแขนที่หน้าผา หน้าอก และ หัวไหล่ซ้ายขวา เหมือนนักฟุตบอลสเปนลงสนาม ที่หน้าตาไม่ใช่ฝรั่งก็สีหน้ากังวล เชื่อว่าใครมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พอเป็นความหวังและกำลังใจ คงจะอัญเชิญ อาราธนา หรือ นิมนต์มาจนครบที่พอจะนึกถึงและพึงพาได้ยามนั้น
อีกครึ่งลำที่เหลือไม่ได้ยินนักบินพูด พอเห็นครึ่งลำใกล้ห้องนักบินมีอาการแบบนั้น กอปรกับเครื่องลดระดับเร็วกว่าปกติลงใกล้ผิวทะเลสีมรกต ก็พอเดาได้ ...
ในใจทุกคนคงจะคิดว่า "ซวยแล้วกู"
มีแต่เพื่อนวิศวกรชุดหมีธงชาติอเมริกาเชื้อสายลาวที่นั่งตรงข้ามผมคนเดียวที่นั่งเฉย ยิ้มๆ ผมรู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ผมมั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดเหมือนผมแน่ ...
เพราะในใจผมคิดว่า ... "ซวยแล้ว รอบนี้กูอดกินยำ"
https://nongferndaddy.com/