สวัสดีค่ะวันนี้อยากจะมาระบายให้ฟัง ตอนนี้อายุ15ปีค่ะ มีน้องอีก2คนเป็นผู้ชาย ห่างกัน5ปีและอีกคนก็10ปีเลยค่ะ รู้สึกไม่อินกับครอบครัวตัวเองมากๆเพราะรู้สึกเสียใจกับคำว่าน้องยังเด็กมากๆค่ะ เราขายของช่วยพ่อแม่ตั้งแต่อยู่ป.3 จนตอนนี้จะขึ้นม.4แล้วก็ยังทำอยู่ งานบ้านก็ทำค่ะ ส่วนน้องที่ตอนนี้จะขึ้นป.6(น้องคนกลาง)อยากรู้ว่าในความคิดพ่อแม่คือน้องเด็กขนาดไหนคะ ขนาดที่ว่าทำงานอะไรไม่ได้เลยหรอ เราไม่เห็นน้องทำอะไรเลย นานๆทีจะเห็นเขาให้ทำ เรื่องงานบ้านพ่อแม่มีทัศนคติที่คิดว่าผู้หญิงเท่านั้นที่ควรจะทำ บางครั้งเรากินขนมอยู่แล้วน้องคนเล็กมากินด้วย น้องทำหก สุดท้ายเขาก็ให้เราเป็นคนเก็บ ทั้งๆที่น้องก็เก็บเองได้แล้ว ไม่ได้ว่าอะไรนะถ้าจะให้เราเก็บ แต่น้องเป็นคนที่เอาแต่ใจ ไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ทำเท่าไหร่ เราเลยอยากให้น้องเก็บ ด้วยความเป็นห่วงนะคะไม่อยากให้โตไปเสียคน เพราะน้องแค่6ขวบ บางทีก็ด่าเรา และวันนั้นเลยไม่ได้คุยกับแม่เลยค่ะเพราะแม่โบ้ยความผิดให้เรา ว่าเราเป็นคนเอามากินเอง และน้องยังเด็ก ส่วนพ่อตอนนั้นเราโทรศัพท์พัง และเรามีเงินอยู่สองสามหมื่นเลยอยากจะซื้อไอโฟน แต่พอขอจะให้พาไปก็โหโมยกใหญ่เลย จนคนในรถอึดอัด พอถึงห้างแล้วเขาก็พูดจาเหมือนไม่อยากให้เราซื้อคือมันแรงมากๆ กดดันให้ลงไปซื้อ เราร้องไห้จนในที่สุดทนไม่ไหวเลยวิ่งลงไปจากรถและเข้าไปในห้างคนเดียวเลย แต่สุดท้ายวันนั้นเราก็ไม่ได้ซื้อ กลับบ้านไปโทรศัพท์เครื่องเก่าหน้าจอหลุดออกมาทนใช้อยู่5-6วันจนมันเครื่องดับต้องเอาไปซ้อมเพราะมีข้อมูล สรุปเสียเพิ่มอีกเป็นพันๆ และเมื่อตอนเราไปโอเพ้นเฮาโรงเรียนที่จะเข้าแต่ขอไปโรงเรียนเพื่อไปนัดกับเพื่อนเพราะเพื่อนๆเราไปกันเองทั้งกลุ่ม! เหลือเราที่พ่อแม่ต้องไปส่งเพราะกลัวจะออกนอกทาง เอาจริงๆนะคะ เราไม่เคยเข้าห้องปกครองเลย สอบได้ที่ท็อป3ตลอด(บ่อยจนได้ที่หนึ่งเท่านั้นถึงจะได้รับคำชม ที่สองที่สามอย่าหวังค่ะ ถือว่าเก่งไม่พอสำหรับครอบครัวนี้) และพ่อแม่ก็ไม่เคยให้ไปไหนกับเพื่อนเลย ยกเว้นไปกินชาบูวันจบแต่มันก็ใกล้ๆ ตอนเรียนพิเศษตอนเย็นก็จะให้เราถ่ายให้ดูตลอดว่าเรียนจริงรึป่าว พอถ่ายกระดาษข้อสอนให้ก็บอดทำไมไม่ถ่ายติดครู พอตอนเรียนพิเศษวันเสาร์ก็บอกก่อนลงรถทุกครั้งว่าห้ามหนีเที่ยวนะ ถ้าเจอรู้ใช่ไหม คือตอนนั้นจะสอบเข้าม.4ไม่มีกระจิตกระใจจะไปเที่ยวหรอกค่ะ เรียนพิเศษทุกคน! เพราะกลัวครอบครัวผิดหวัง กลับไปตอนไปโอเพ้นเฮาค่ะ พอพ่อแม่มารับก็โมโหเราอีกแล้ว ว่าจะมาโรงเรียนทำไม ทั้งๆที่เราก็บอกไปแล้วและเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าจะไม่ให้ไปก็แค่บอกก็ได้ แต่เล่นไม่พูดปล่อยไปเฉยๆ ใครจะรู้ล่ะคะ และพ่อก็โกรธมากค่ะตลอดทางเรานั่งซึม น้ำตาก็จะไหลแต่ต้องกลั้นเอาไว้ จนพ่อด่าว่าจะไปเรียนหรือไปขายตัว อยากรู้ว่าการที่ให้เพื่อนถักผมให้ที่โรงเรียนมันขายตัวได้เลยหรอคะ ไม่เคยได้รับคำขอโทษจนต้องมานั่งคิดเองว่าเขาก็คือพ่อ เลยหายเอง และเรื่องย่า แกชอบขายของค่ะ แต่แกจะชอบบ่นปวดขา เขาก็บอกให้เลิกแกก็ไม่เลิก เข้าใจนะคะว่าคนแก่ขี้เหงา ต้องมีอะไรทำ แต่มันกินเวลาชีวิตวัยรุ่นเราค่ะ บางครั้งจะอ่านหนังสือต้องออกมาช่วย แถมบางทีแกจะชอบพูดกับลูกค้าว่าแกปวดขา แต่หลานใช้ไม่ได้ บอกว่าเราขี้เกียจ ทั้งๆที่เราก็นั่งขายของอยู่ ต้องขนาดไหนถึงจะเรียกได้ว่าขยันของเขา ใครอยากเปิดก็รับผิดชอบสิ เฮ้อ และตามที่บอกนะคะว่าครอบครัวจะไม่ปล่อยไปไหน แต่ตอนสอบเข้าม.4ที่เป็นโรงเรียนในเมือง ภายในเวลาไม่กี่เดือนจะให้เราฝึกไปไหนมาไหนเอง แค่พูดบอก แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยเหมือนเดิม แล้วเราจะเอาตัวรอดยังไงคะ ถ้าทุกวันนี้ไม่มีเพื่อนคือเอาตัวรอดเรื่องนี้ไม่ได้ค่ะเพราะเพื่อนคือชวนไปเที่ยว ไปดูหนัง บางครั้งก็พาไปตลาด(ขอพ่อแม่แล้วค่ะ)แต่ต้องบอกว่าซื้อของทำงานนะคะ(ชีวิตวัยรุ่นมีครั้งเดียวและอีกไม่กี่ปีหนูก็จะเสียมันไป เรื่องบางเรื่องมันก็เก็บไว้ทำตอนแก่ไม่ได้จริงไหมคะ และหมดช่วงวัยรุ่นหนูคงไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นหรอก) และที่สอบเข้าม.4คือมันยากกว่าเข้าม.1อีกค่ะเพราะโรงเรียนจะมีเด็กเก่าอยู่แล้วเขาจะมีโควต้าได้ที่นั่งเรียนเลย แต่อย่างเราต้องสอบเพราะโรงเรียนมีถึงแค่ม.3 แต่ตอนป.6พ่อแม่คิดว่ายังเด็ก ไปไหนไม่ได้ และที่สำคัญอยากให้อยู่ดูแลน้อง เข้าใจว่าห่วงน้อง แต่ทำไมเขาต้องเอาชีวิตเราและน้องมาผูกกันคะ สุดท้ายแล้วน้องก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง มันทำให้เบียดตัวเราไปหมด ความลำบากตกมาที่เราคนเดียว! พอถึงตาน้องคนเล็กที่จะขึ้นป.6 แม่บอกจะให้ไปสอบเข้าม.11ที่โรงเรียนที่มีมถึงม.6เลย เพราะเดี๋ยวลำบากแบบเรา สรุปเราเป็นเหมือนหนูทดลองชีวิตให้น้องๆ ตอนเราอยู่ป.6ก็แทบไม่มีความรู้เรื่องเรียนต่อเลยค่ะ แถมอีกเรื่องหนึ่งค่ะ เวลาป่วยจะไม่ค่อยบอกใคร กินยาแล้วก็จบ ตื่นมาหาย แต่พอน้องพ่อแม่จะรีบพาหาหมอ แต่เราก็ไม่ได้อยากไปหาหมอหรอกนะคะ แต่ตอนนั้นเราปวดท้อง และจะให้เราไปยกข้าวสาร5กิโลไปให้ลูกค้า เราก็บอกให้น้องไปยกแทนหน่อย น้องเราตัวจะเท่าเราแล้วค่ะ แต่ย่าบอกแหมใช้แค่ไหน แล้วก็ไปยกเองประชดเราเลย สุดท้ายไปเล่านินทาให้ลูกค้าฟังเช่นเคย และพวกป้าๆที่ฟังกันไปก็เข้าข้างแกตลอด และยังมาบอกว่าหลานสาวกูขี้โรค พูดแบบโกรธๆเรา แต่เราก็นิ่งตลอด ไม่อยากทะเลาะ เพราะเคยแล้วสรุปพ่อก็ฟังแก ตอนนั้นตบเราอีก อายุตอนนั้นประมาณป.4-ป.5เองค่ะ เรื่องทบแทนบุญคุณเขาก็จะชอบบอกว่าเราดอยากจะดูท่าจะพึ่งพาไม่ได้ เลี้ยงเขาไม่ได้ ยังบอกเราอีกว่าถ้ามีเงินอยากซื้ออะไร เราบอกอยากได้บ้าน เขาบอกจะย้ายบ้านหรอ คือบ้านก็มีแค่2ห้อง มีคนอยู่หมดแล้วจะให้เราอยู่ยังไง นอนกับพ่อแม่ไปตลอดหรอ และเขาก็บอกอีกว่าคนปกติทำงานมีเงินจะซื้อรถให้ตัวเองใช้ แต่พ่อแม่ล่ะ คือเขากำลังจะสื่อว่าอยากให้เราทำงานและเอาเงินก้อนเก็บๆมาซื้อรถให้เขาก่อนให้ตัวเอง เราไม่ได้อะไรนะคะถ้าพ่อแม่จะใช้ แต่ในวัยนั้นจะขับไปไหนเพราะท่านอยากได้รถเบนซ์ รถบีเอ็ม ถ้าอยากได้เพราะใช้จะไม่ว่า แต่ดูแล้วคงแค่อยากอวดคนข้างๆบ้าน อวดญาติ ในครอบครัวก็คงมีแค่ปู่ที่เรารักที่สุดค่ะ นอกนั้นไม่ค่อยอิน พักหลังๆร้องไห้ทุกวันเลยค่ะ แต่ก็ไม่รู้จะหลุดพ้นยังไงเพราเขาคือครอบครัว เราผิดไหมคะที่จะไม่อิน ขอบคุณที่อ่านจบนะคะ หนูอยากให้พี่ๆมี่มาเห็นคอมเม้นในมุมความคิดของพี่ๆดูค่ะ🙏
ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน