ทำทั้งหมดพร้อมกันไปเลยค่ะ
เพราะถึงคุณอยากจะทำเรียงลำดับ
แต่โอกาสมันไม่ได้มาเป็นลำดับตามใจคุณน่ะสิคะ
ง่ายสุดคือ ภาค ก แต่มันมาปีละครั้ง
ต้องได้อันนี้ก่อนถึงจะไป ภาค ข ได้อีก
เนติรอบ4-6เดือน ทีละ2ขา
แต่ถ้าเรียนเนติ เรียนโท ไปพร้อมกับสอบ ภาค ข ความรู้ที่ใช้มันจะส่งเสริมซึ่งกันและกันนะคะ

มันไม่แปลกค่ะที่คนมาทางสายนี้จะรู้สึกว่าการสอบมันมียั้วเยี้ยไปหมด จนไม่รู้จะโฟกัสจุดไหนก่อนดี
เอางี้มั้ยคะ ลองเปลี่ยนคำถามเป็นว่า
“ทำอย่างไรให้เราสำเร็จครบทุกอย่าง/มากที่สุด ภายในเวลาจำกัด”
ตอนเราวุฒิเท่ากับคุณ เรารีบมากนะคะ เรียกว่าลนลานเลยดีกว่า555
เพราะความคิดเราคือตอนนั้นเราอายุน้อยกว่าคนอื่นมากๆเป็นข้อได้เปรียบเลย เราจึงต้องรีบคว้าทุกโอกาสเพื่อไม่ให้ข้อได้เปรียบนี้ผ่านไปสูญเปล่า เพราะถ้าแค่เรื่องอายุน้อยนี่ นั่งเฉยๆเด็กรุ่นถัดไปก็มาแซงแล้วค่ะ
แต่ที่จริงมันก็ไม่ได้อยู่ที่อายุเราเท่าไหร่หรอกนะคะ แต่เราเรียนแบบรีบๆอ่ะ รีบๆเหนื่อยๆเสียสุขภาพมากเลยแต่ได้ผ่านมาแล้วล่ะ

เช่นถ้าคุณรู้ว่า ภาค ก จะมาในอีก3-4เดือน
คุณก็ถามตัวเอง ประเมินความสามารถตัวเองว่าเวลาที่เหลืออยู่มันเพียงพอมั้ย หรือจะด้นสด/ลองสนาม ในรอบนั้นไปก่อน เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ซึ่งเราก็ไม่แนะนำให้คิดแบบนี้หรอก เพราะเราไม่ค่อยทำเลย
เราจะเอาข้อสอบและตำราทั้งหมดมาประเมินดูว่า “อ่านหมดนี่ต้องทำไงวะ”
ใช้เวลาเท่าไหร่ มีเวลาในมือเท่าไหร่ แล้วต้องอ่านวันละกี่หน้า แล้วจะได้นอนมั้ย ทำงานครบมั้ย จะเอาไรกิน ถ้าไม่พอก็ตัดตำรา แล้วประเมินว่าอ่านแค่นี้ ถ้าเข้าใจหมดที่อ่าน ก็พอมีลุ้นมั้ย

ส่วนเนติแนะนำอ่านคำบรรยายให้ทันและให้เข้าใจในแต่ละสัปดาห์ เพราะข้อสอบไม่มีทางออกเกินคำบรรยาย ต่อให้ใครจะแนะนำตำราวิเศษวิโสมา ก็โอเค ขอบคุณ อาจได้ใช้ในการทำงาน/เรียนโท แต่เนติมันไม่ได้ลึกและยากค่ะ มันเยอะ!! ซึ่งถ้าคุณตัดสรรพตำราออกไปเหลือแค่คำบรรยาย มันก็การันตีได้เลยว่าอย่างน้อย คุณจะได้อ่านฎีกาที่ออกข้อสอบในสมัยนั้นครบ20ข้อภายใน1ภาคการศึกษาแน่นอน

คุณก็พอจะประเมินตัวเองได้ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ว่าคุณก้าวหน้าไปถึงไหน

มาสายนี้มันไม่มีทางที่จะไม่อ่าน หรืออ่านน้อย แล้วจะสอบผ่าน โอกาสสอบผ่านมันก็แปรผันตามปริมาณการอ่าน(อย่างเข้าใจ)และปริมาณข้อสอบเก่าที่ทำและดูเฉลย มันก็ประเมินได้ตลอดเวลา และปรับเปลี่ยนแผนได้ตลอดเวลาอยู่แล้วว่าก่อนถึงวันสอบแต่ละสนามคุณพร้อมในสนามนั้นๆแค่ไหน