นิยายเรื่อง เมื่อตะวันขึ้นทิศตะวันตก

ผมทำงานเหนื่อยกลับมาบ้าน เหมือนกับทุกทีนั่นแหละ ในระหว่างที่อีกด้านของตะวัน กลับไม่มีดวงจันทร์ที่ปรากฏ

ดวงอาทิตย์หายไปในเส้นขอบฟ้า แสงใกล้จะหายไป จู่ ๆ ดวงอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นที่ด้านที่มันตก แล้วในวันนั้นก็ทำให้สรรพสิ่งย้อนกลับ

บ้านที่ผมอยู่หายไป ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่ที่มีป้ายติดว่า “เช่าหรือขาย”

ผมลองเดินวนดูรอบ ๆ นี้ ไม่พบว่าบ้านของผมเคยตั้งอยู่ที่นี่

สักพักผมก็สัมผัสได้ถึงคนรอบ ๆ ที่หยุดนิ่ง ผมมัวแต่สนใจบ้านเลยไม่ได้สังเกตผู้คน

คนที่ขยับได้มีแค่ผม …และ… ชายชราคนหนึ่ง ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผม เขามีเส้นผมที่ขาวทั้งหมด ผิวเหี่ยวย่นสะท้อนถึงอายุ

ผมควรตื่นตระหนกกับเรื่องอะไรก่อน ชายชราเดินมาหาผมและพูด

“ยามฝนตก ทุกคนก็แทบจะไม่สนใจอะไร”

จบชายชราก็เดินผ่านไป น้ำบนพื้นลอยขึ้นสูงขึ้นด้านบน หยดน้ำที่โดนตัวผมลัดเลาะพยายามหาทางขึ้นไปบนฟ้ากับเพื่อน ๆ

ผมรู้ว่านี่ต้องเป็นต่างโลกชัวร์ ไม่งั้นน้ำจะไหลขึ้นด้านบนได้ไง

ผมจะกลับบ้าน แต่บ้านไม่เห็นว่าจะอยู่ที่เก่า
ดวงอาทิตย์เริ่มขยับ ทุกคนที่หยุดนิ่งก็เริ่มขยับย้อนกลับ แม้กระทั่งคำพูดก็ยังย้อนกลับ

ชายชราหลายคนปรากฏขึ้นทั่วในเมือง

“ลมพัดโหมกระหน่ำ รุนแรงเข้าเมืองใหญ่”

กระแสลมพัดจากด้านหนึ่งไปด้านหนึ่ง แต่ก็แค่ไม่ถึงนาที ผมจำได้ว่าตอนที่จะกลับบ้านมีลมพัดอยู่

ผมเดินกลับทางเดิม สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังมีสติคือ ชายชราที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพูดให้ฟัง

สับสนไม่รู้จะเอาอะไรต่อจากนี้ ขณะที่ผมยืนงงและดูรอบทุกทิศ ชายชราถือไม้ค้ำยันก็เดินมาหาผม มือที่ไม่ได้ใช้ไม้ค้ำชี้ไปที่ถนน

“ให้ไปเหรอครับ”

“จุดจบ” ชายชรากล่าวมาและเดินกลับ

ถ้าเป็นแนวนี้อาจหมายถึงว่าผมอาจตายแล้ว
แต่ขณะที่มองเหตุการณ์รอบตัวย้อนหลัง ลิงฝูงหนึ่งก็ปาเปลือกกล้วยใส่ผม หลังจากนั้น 5 วินาที แผ่นดินก็ไหวอย่างรุนแรง ถนนหนทางมีรอยแยกออกจากกัน พื้นที่บางส่วนถูกยกสูง

ผมแทบจะไม่อยากเชื่อว่าคนที่เดินย้อนกลับไม่มีใครสักคนที่ถูกปรากฏการณ์นี้เล่นงาน

ลิงกระโดดโลดเต้นเพราะไม่เคยเห็น พวกมันมุ่งตรงปีนป่ายไปที่โรงพยาบาลด้านหน้า

ผมคิดว่าควรอยู่ห่าง ๆ จากฝูงลิง ไม่อยากถูกทำร้ายร่างกายจากสัตว์ประเภทนี้

ผมหันไปมองด้านหลัง ทุกอย่างยังย้อนกลับตั้งแต่ที่บ้านหาย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุการณ์บ้า ๆ นี้เกิดขึ้นได้ไง

ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้คนเดียว

ชายชราที่ปรากฏทั่วทุกที่ ผมเข้าใจว่าพวกเขาไม่เป็นอันตรายต่อผม

พอผมเข้าใกล้ชายชราเป้าหมาย เขาก็พูดประโยคหนึ่งออกมา

“แผ่นดินแยกพังทลาย”

ผมที่ทนไม่ไหวที่ชายชราพูดอะไรออกมาแล้วผมก็ไม่เข้าใจเลยสนทนาไปหนึ่งที

“มันหมายความว่าอะไร ที่นี่ไหน สวรรค์หรือนรก”

ชายชราที่เห็นผมคุยด้วยก็ยิ้มแล้วแตะที่นั่งเหมือนอยากให้ผมนั่ง ผมเลยนั่งเพราะรู้สึกว่าทุกอย่างที่เห็นมันเกินจินตนาการของเขาไปเยอะ

“ผมเคยตั้งมั่นว่าจะรักครอบครัวเป็นอันดับแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างมันความผิดผม” ชายชรากล่าวอย่างไร้ความรู้สึก

“คุณตา ที่นี่ที่ไหนครับ”

“ถ้าจะขออะไร ควรเริ่มจากลูกอม ถึงผมจะไม่ชอบ แต่นั่นทำให้คำสารภาพของผมถึงภรรยาของผมสมหวัง”

“ถ้าไม่อยากคุย ผมขอตัวไปก่อนนะครับ”

ชายชรายิ้ม ผมจึงเดินออกมาด้วยความงง ผมมองตรงไปที่อีกฟากหนึ่งของตะวัน เป้าหมายไม่แน่นอนว่าจะอยู่ที่ใด แต่ผมรู้สึกได้ อาจเป็นสัญชาตญาณที่บอกให้ผมเดินหน้าต่อไป

ผมค่อย ๆ เดินค่อย ๆ ปีน แม้เส้นทางจะลำบากบ้าง แต่ก็เพื่อตัวผม

ว่าวหลายอันโผล่ขึ้นที่ด้านหน้า อยู่สูงจนไม่รู้ว่าที่มามาจากจุดไหน

เดินเริ่มเหนื่อยเลยหาที่พัก โชคดีที่ผมเห็นป้ายรอรถเมย์ ผมเลยเดินเข้าไปนั่ง

ไม่ว่าทางจะยกขึ้นสูงหรือลงต่ำ รถก็วิ่งไปได้แบบไร้ฟิสิกส์ใด ๆ

มีคนเดินออกจากรถเมย์และมานั่งอยู่ข้างผม เธอคุยโทรศัพท์อยู่นาน ผมไม่เข้าใจคำพูดของเธอหรอก เพราะเสียงที่ออกมาถูกย้อนกลับ

พื้นดินบางส่วนถูกยกสูงขึ้น ก่อนจะลอยค้างอยู่กับที่ ผมไม่กล้ามองพื้นด้านล่าง

แต่ก็มีชายชราคนหนึ่งปีนขึ้นบันไดไปบนพื้นที่ยกสูง แต่อีกทางชายชราอีกคนก็ข้ามตึกที่ล้มเป็นทางเดินไป

ทางเลือกเยอะจนไม่รู้จะทำตามใครดี

“อย่าคิดว่าการที่ได้อยู่ตรงนี้มันจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา” ชายชราเดินผ่านผมก่อนจะได้ยินแค่เสียงพึมพำกับตัวเอง

ผมคิดว่าปีนตามชายชราที่ไต่บันไดดีกว่า
พอปีนขึ้นมาได้ก็เริ่มเห็นสถานที่โดยรวมที่ผมเคยไปมาก่อน

คนถูกย้อนกลับชนผมจนผมเซเกือบจะตกลงไปด้านล่าง นั่นเลยทำให้ผมรู้ว่าผู้คนที่ย้อนการกระทำเป็นคนจริง ๆ

ผมเดินทางต่อและรู้เป้าหมายตอนไปคือ ร้านอาหารที่พักนี้ผมไปกินบ่อย ๆ

คนกินข้าวเสร็จย้อนจนเหมือนคนที่ไม่ชอบอาหารและเดินหนี ชายชราเจ้าของร้านยืนมองผมจนผมต้องถาม

“คุณตาครับ คุณ…” ระหว่างที่ผมนึกคำอยู่ชายชราก็พูด

“อ้าว เห็นด้วยเหรอ”

“ก็ต้องเห็นสิครับ”

“อยากกินอะไรเหรอ”

“ไม่รู้ครับ”

ชายเจ้าของร้านเหมือนกับชายชราที่อยู่ทั่วไปหมด แต่คุณตาท่านนี้กลับพูดในสิ่งที่ผมเข้าใจ ไม่ได้พูดย้อนกลับ

“งั้นเอาเป็นข้าวสวยกับไข่ดาวเป็นไง”

คำพูดของเจ้าของร้านทำให้ผมรู้สึกว่าตนเองยังไม่ตาย

“ดีเหมือนกันครับ”

มือของเจ้าของร้านไวมาก มันน่าทึ่งที่เขาแก่มากแล้วแต่ยังจับอะไรคล่องเหมือนคนหนุ่ม ๆ

ผมรับจานเขามา มองไปที่ในร้านว่ามีโต๊ะนั่งรึเปล่า เจ้าของร้านบอกที่นั่งมา

“เชิญด้านบนเลยครับ”

“มีที่นั่งชั้นบนเหรอครับ”

“คุณแค่ดึงชั้นสองลงมา”

ผมเอ๊ะทันที ไม่เข้าใจสิ่งที่ชายชราบอกสักเท่าไหร่

“ตรงไหนครับ”

“ดึงเชือกที่ห้อยอยู่ด้านบน”

ผมเห็น มือหนึ่งถือจาน อีกมือดึงเชือกลงมา ผมแค่ทำตามชายเจ้าของร้านบอก แต่มันผิดพลาดกว่าที่ผมคิด

เมื่อผมดึงเชือกลง สิ่งที่ติดกับเชือกก็เลื่อนลงมาด้วย มันเหมือนผ้าใบที่บนผ้าใบมีภาพห้องแห่งหนึ่งที่มีชายชราหลายคนนั่งกินอาหารอยู่

ผมเดินเข้าไป ชายชราที่นั่งอยู่มองมาที่ผม

“กี่ครั้งแล้วของคุณ” ชายชราหัวล้านเอ่ยขึ้น

“ผมงงไปหมด ที่นี่คือที่ไหน”

“เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ นะ ที่นี่คือสวรรค์กับนรก และเป็นช่องว่างระหว่างโลกคนเป็นและโลกของคนตาย สิ่งที่คุณต้องทำคือ เดินทางไปที่ปลายสุดของที่นี่”

ผมเชื่อสนิทว่าสิ่งที่ชายชราพูดคือเรื่องจริง

ผมเดินมานั่งที่โต๊ะว่างที่ไม่มีคนนั่ง สับสนนิดหน่อยว่าควรทำตามสิ่งที่ชายชราบอกหรือเปล่า ผมกิน กินแบบไม่ค่อยหิว

เสร็จจากที่นี่ผมก็เดินทางต่อ เส้นทางที่ตะวันจะตกมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม

ผมสังเกตเห็นรถไฟที่ตัดส่วนหัวออก เห็นคนด้านในลุกเดินและนั่งวนเวียนอยู่ในรถไฟ ไม่มีคนออกจากรถไฟเหมือนการย้อนการกระทำจะอยู่แค่ในตัวรถไฟ แต่ชายชราหลายคนก็นั่งอยู่บนนั้น โดยที่ไม่คิดจะลุกเดิน

ผมยืนสังเกตว่ารถไฟเคลื่อนตัวแบบไหน หลัก ๆ หนึ่งรางจะวิ่งไปกลับเท่านั้น ผมเลยขึ้นเลย

ถึงห้างสรรพสินค้า คนย้อนการกระทำเข้าออกเป็นว่าเล่น ทว่าชายชราที่คุยเข้าใจกลับไม่มีสักคน ผมเดินทะลุไปด้านหลังของห้างแห่งนี้

ขณะเดียวกันพระอาทิตย์ก็ตั้งฉากก่อนที่ลูกบอลแสงจะลอยขึ้นจากร่องแยก ลอยขึ้นไปรวมกับพระอาทิตย์ที่อยู่ด้านบน มันสวยงามมากจะบอกให้ แต่นั่นยิ่งทำให้องศาของบรรยากาศร้อนขึ้นตาม

ครึ่งวันแล้ว แต่ผมก็แทบจะมองไม่เห็นว่าจุดหมายปลายทางเป็นยังไง

มันร้อนจริง ๆ ผมเลยต้องเดินทางต่อแบบหยุด ๆ เดิน ๆ

ผมเริ่มเห็นตึกสูงเรียงต่อกันเป็นกำแพงยาวขวาง ผมเห็นตึกที่คุ้นเคยและเดินเข้า

ผมขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสูงที่สุด ครึ่งทางลิฟต์ก็รับชายชราที่ผมคิดว่าคุยรู้เรื่องเข้ามา

“โลกใบนี้ยาวนานจังเลยนะ” ชายชรามองเลขบนตัวเลขชั้นของตึกว่าอยู่ชั้นไหนแล้ว

“คุยกับผมหรือเปล่า” ผมสงสัย

“มันมีคนอื่นที่อยู่ที่นี่ไหมละ”

ผมจำยอมกับคำพูดของเขา “คุณตาครับ สุดปลายทางที่ตะวันจะตกอยู่ไกลไหมครับ”

ผมคิดว่าชายชราที่คุยกับผมรู้เรื่อง พวกเขาต้องรู้โลกที่เกิดขึ้นตอนนี้ของผมแน่นอน

“มันไม่มีที่สิ้นสุด จุดเริ่มต้นก็เท่ากับจุดจบ”
ผมยังไม่เข้าใจความหมายของชายชราจะสื่อ

เมื่อถึงชั้นสุดท้ายของตึก ผมเข้าห้องสุดท้ายและเดินเข้าไป ชายชราบอกลา เขาเข้าไปในห้องอื่น ส่วนผมรีบเดินไปดูกระจกที่มองออกไปด้านนอกได้

หลังตึกมีร่องขนาดใหญ่และกว้างส่องลงไปเห็นแต่ความมืด ปลายทางของอีกฝั่งมีบ้านเรือนกระจัดกระจาย ต้นไม้มีบ้าง แต่พื้นที่การเกษตรเยอะกินพื้นที่ที่ผมเห็นไปหมดเลย

ทางข้ามร่องขนาดใหญ่นี้ดูเหมือนจะไม่มี หมดสิ้นความตั้งใจแล้ว ผมอยากยัดตัวเองนอนสักที่เพื่อปลดทุกข์ที่หนักออกจากอก

ผมเดินไปนั่งที่โซฟา มองโต๊ะกระจกใสที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ผมวางขาสองข้างไว้บนนั้น
สักเกือบ 1 นาทีได้ พายุลูกเล็บก็ถล่ม เป็นพายุที่แรงมาก รวมถึงลูกเห็บก็ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น

ผมข่มตานอนหลับไม่ได้ เสียงจากด้านนอกดังเข้ามา ถึงจะไม่ได้ดัง แต่ผมอยู่ที่สูงเลยกลัวว่าตึกจะพัง

เพียงไม่นานพายุก็สงบลง ตัวห้องยืดออกไปทุกทิศจนมันรู้สึกว่ายิ่งอยู่สูงยิ่งหนาว

ตะวันเคลื่อนมาอยู่ด้านหน้าผมแล้ว ผมมองตรง ๆ ยังไม่ได้ ห้องบนสุดนี้คือทำออกมาดี บางครั้งก็อยากอยู่ที่นี่ไปตลอด

แต่จู่ ๆ ชายชราคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามา ก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าวก่อนห้องจะกลับมาสู่ในสภาพเดิม

“ผมลืมบอกคุณไป ข้างนอกแถวนี้มันอันตราย”

ชายชราที่มาคุยกับผม น่าจะคนเดียวกับที่ขึ้นลิฟต์กับผมมา ผมนั่งตัวตรงและพูดตอบ

“อะไรเหรอครับ ผมขึ้นมาเพื่อดูด้านหลังตึกว่ามีอะไร”

“เอาเป็นว่า ลองมองกระจกนั่นให้ดี”

“กระจกไหนครับ” ผมมองกระจกที่เป็นโต๊ะ

“ไม่ใช่ กระจกที่เห็นด้านนอก”

ผมหันควับไปมอง แต่ไม่เห็นอะไรแตกต่างจากที่ผมเดินเข้ามา ชายชราเหมือนอยากให้ผมเห็นอะไรสักอย่างเขาจึงเดินไปดูจุดที่บอก

ผมลุกขึ้นยืน ไปดูใกล้ ๆ แล้วก็เริ่มเห็นกระจกมีรอยร้าว

“มันจะแตกหรือเปล่าครับ” ผมถาม

“มานี่มา ตรงนี้” ชายชราชี้นิ้วไปที่กระจก

ผมเดินไปมองแบบใกล้ที่สุดเพื่อมอง ในขณะที่ผมมองรอยร้าวชายชราก็ผลักผมใส่กระจกพร้อมกับตัวเขา

กระจกแตก ก่อนที่ผมจะล่วงลงไป

“บาย บาย” ชายชรายันร่างผมลงไปอีก ตัวชายชราจับว่าวและลอยขึ้น

ผมตกลงสู่น้ำ ผมรู้ยังไงเหรอ สัมผัสที่เปียกและเสียงอื้ออึงในหู แต่น้ำที่อยู่รอบตัวผมมันต่างจากน้ำทั่วไป ผมต้องกลั้นหายใจ พยายามว่าย เพราะน้ำมันหนัก เหมือนตัวผมจะจมดึงสู่ก้น เหมือนอะไรสักอย่างดึงผมลงไป

มันมืดเหลือเกิน

สุดท้ายผมก็หลุดออกจากน้ำ ผมลอยอยู่บนอากาศ ผมถูกดึงลงไปด้วยแรงที่จับต้องไม่ได้

สุดท้ายหัวของผมก็กระแทกกับของแข็ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่