ผมทำงานเหนื่อยกลับมาบ้าน เหมือนกับทุกทีนั่นแหละ ในระหว่างที่อีกด้านของตะวัน กลับไม่มีดวงจันทร์ที่ปรากฏ
ดวงอาทิตย์หายไปในเส้นขอบฟ้า แสงใกล้จะหายไป จู่ ๆ ดวงอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นที่ด้านที่มันตก แล้วในวันนั้นก็ทำให้สรรพสิ่งย้อนกลับ
บ้านที่ผมอยู่หายไป ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่ที่มีป้ายติดว่า “เช่าหรือขาย”
ผมลองเดินวนดูรอบ ๆ นี้ ไม่พบว่าบ้านของผมเคยตั้งอยู่ที่นี่
สักพักผมก็สัมผัสได้ถึงคนรอบ ๆ ที่หยุดนิ่ง ผมมัวแต่สนใจบ้านเลยไม่ได้สังเกตผู้คน
คนที่ขยับได้มีแค่ผม …และ… ชายชราคนหนึ่ง ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผม เขามีเส้นผมที่ขาวทั้งหมด ผิวเหี่ยวย่นสะท้อนถึงอายุ
ผมควรตื่นตระหนกกับเรื่องอะไรก่อน ชายชราเดินมาหาผมและพูด
“ยามฝนตก ทุกคนก็แทบจะไม่สนใจอะไร”
จบชายชราก็เดินผ่านไป น้ำบนพื้นลอยขึ้นสูงขึ้นด้านบน หยดน้ำที่โดนตัวผมลัดเลาะพยายามหาทางขึ้นไปบนฟ้ากับเพื่อน ๆ
ผมรู้ว่านี่ต้องเป็นต่างโลกชัวร์ ไม่งั้นน้ำจะไหลขึ้นด้านบนได้ไง
ผมจะกลับบ้าน แต่บ้านไม่เห็นว่าจะอยู่ที่เก่า
ดวงอาทิตย์เริ่มขยับ ทุกคนที่หยุดนิ่งก็เริ่มขยับย้อนกลับ แม้กระทั่งคำพูดก็ยังย้อนกลับ
ชายชราหลายคนปรากฏขึ้นทั่วในเมือง
“ลมพัดโหมกระหน่ำ รุนแรงเข้าเมืองใหญ่”
กระแสลมพัดจากด้านหนึ่งไปด้านหนึ่ง แต่ก็แค่ไม่ถึงนาที ผมจำได้ว่าตอนที่จะกลับบ้านมีลมพัดอยู่
ผมเดินกลับทางเดิม สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังมีสติคือ ชายชราที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพูดให้ฟัง
สับสนไม่รู้จะเอาอะไรต่อจากนี้ ขณะที่ผมยืนงงและดูรอบทุกทิศ ชายชราถือไม้ค้ำยันก็เดินมาหาผม มือที่ไม่ได้ใช้ไม้ค้ำชี้ไปที่ถนน
“ให้ไปเหรอครับ”
“จุดจบ” ชายชรากล่าวมาและเดินกลับ
ถ้าเป็นแนวนี้อาจหมายถึงว่าผมอาจตายแล้ว
แต่ขณะที่มองเหตุการณ์รอบตัวย้อนหลัง ลิงฝูงหนึ่งก็ปาเปลือกกล้วยใส่ผม หลังจากนั้น 5 วินาที แผ่นดินก็ไหวอย่างรุนแรง ถนนหนทางมีรอยแยกออกจากกัน พื้นที่บางส่วนถูกยกสูง
ผมแทบจะไม่อยากเชื่อว่าคนที่เดินย้อนกลับไม่มีใครสักคนที่ถูกปรากฏการณ์นี้เล่นงาน
ลิงกระโดดโลดเต้นเพราะไม่เคยเห็น พวกมันมุ่งตรงปีนป่ายไปที่โรงพยาบาลด้านหน้า
ผมคิดว่าควรอยู่ห่าง ๆ จากฝูงลิง ไม่อยากถูกทำร้ายร่างกายจากสัตว์ประเภทนี้
ผมหันไปมองด้านหลัง ทุกอย่างยังย้อนกลับตั้งแต่ที่บ้านหาย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุการณ์บ้า ๆ นี้เกิดขึ้นได้ไง
ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้คนเดียว
ชายชราที่ปรากฏทั่วทุกที่ ผมเข้าใจว่าพวกเขาไม่เป็นอันตรายต่อผม
พอผมเข้าใกล้ชายชราเป้าหมาย เขาก็พูดประโยคหนึ่งออกมา
“แผ่นดินแยกพังทลาย”
ผมที่ทนไม่ไหวที่ชายชราพูดอะไรออกมาแล้วผมก็ไม่เข้าใจเลยสนทนาไปหนึ่งที
“มันหมายความว่าอะไร ที่นี่ไหน สวรรค์หรือนรก”
ชายชราที่เห็นผมคุยด้วยก็ยิ้มแล้วแตะที่นั่งเหมือนอยากให้ผมนั่ง ผมเลยนั่งเพราะรู้สึกว่าทุกอย่างที่เห็นมันเกินจินตนาการของเขาไปเยอะ
“ผมเคยตั้งมั่นว่าจะรักครอบครัวเป็นอันดับแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างมันความผิดผม” ชายชรากล่าวอย่างไร้ความรู้สึก
“คุณตา ที่นี่ที่ไหนครับ”
“ถ้าจะขออะไร ควรเริ่มจากลูกอม ถึงผมจะไม่ชอบ แต่นั่นทำให้คำสารภาพของผมถึงภรรยาของผมสมหวัง”
“ถ้าไม่อยากคุย ผมขอตัวไปก่อนนะครับ”
ชายชรายิ้ม ผมจึงเดินออกมาด้วยความงง ผมมองตรงไปที่อีกฟากหนึ่งของตะวัน เป้าหมายไม่แน่นอนว่าจะอยู่ที่ใด แต่ผมรู้สึกได้ อาจเป็นสัญชาตญาณที่บอกให้ผมเดินหน้าต่อไป
ผมค่อย ๆ เดินค่อย ๆ ปีน แม้เส้นทางจะลำบากบ้าง แต่ก็เพื่อตัวผม
ว่าวหลายอันโผล่ขึ้นที่ด้านหน้า อยู่สูงจนไม่รู้ว่าที่มามาจากจุดไหน
เดินเริ่มเหนื่อยเลยหาที่พัก โชคดีที่ผมเห็นป้ายรอรถเมย์ ผมเลยเดินเข้าไปนั่ง
ไม่ว่าทางจะยกขึ้นสูงหรือลงต่ำ รถก็วิ่งไปได้แบบไร้ฟิสิกส์ใด ๆ
มีคนเดินออกจากรถเมย์และมานั่งอยู่ข้างผม เธอคุยโทรศัพท์อยู่นาน ผมไม่เข้าใจคำพูดของเธอหรอก เพราะเสียงที่ออกมาถูกย้อนกลับ
พื้นดินบางส่วนถูกยกสูงขึ้น ก่อนจะลอยค้างอยู่กับที่ ผมไม่กล้ามองพื้นด้านล่าง
แต่ก็มีชายชราคนหนึ่งปีนขึ้นบันไดไปบนพื้นที่ยกสูง แต่อีกทางชายชราอีกคนก็ข้ามตึกที่ล้มเป็นทางเดินไป
ทางเลือกเยอะจนไม่รู้จะทำตามใครดี
“อย่าคิดว่าการที่ได้อยู่ตรงนี้มันจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา” ชายชราเดินผ่านผมก่อนจะได้ยินแค่เสียงพึมพำกับตัวเอง
ผมคิดว่าปีนตามชายชราที่ไต่บันไดดีกว่า
พอปีนขึ้นมาได้ก็เริ่มเห็นสถานที่โดยรวมที่ผมเคยไปมาก่อน
คนถูกย้อนกลับชนผมจนผมเซเกือบจะตกลงไปด้านล่าง นั่นเลยทำให้ผมรู้ว่าผู้คนที่ย้อนการกระทำเป็นคนจริง ๆ
ผมเดินทางต่อและรู้เป้าหมายตอนไปคือ ร้านอาหารที่พักนี้ผมไปกินบ่อย ๆ
คนกินข้าวเสร็จย้อนจนเหมือนคนที่ไม่ชอบอาหารและเดินหนี ชายชราเจ้าของร้านยืนมองผมจนผมต้องถาม
“คุณตาครับ คุณ…” ระหว่างที่ผมนึกคำอยู่ชายชราก็พูด
“อ้าว เห็นด้วยเหรอ”
“ก็ต้องเห็นสิครับ”
“อยากกินอะไรเหรอ”
“ไม่รู้ครับ”
ชายเจ้าของร้านเหมือนกับชายชราที่อยู่ทั่วไปหมด แต่คุณตาท่านนี้กลับพูดในสิ่งที่ผมเข้าใจ ไม่ได้พูดย้อนกลับ
“งั้นเอาเป็นข้าวสวยกับไข่ดาวเป็นไง”
คำพูดของเจ้าของร้านทำให้ผมรู้สึกว่าตนเองยังไม่ตาย
“ดีเหมือนกันครับ”
มือของเจ้าของร้านไวมาก มันน่าทึ่งที่เขาแก่มากแล้วแต่ยังจับอะไรคล่องเหมือนคนหนุ่ม ๆ
ผมรับจานเขามา มองไปที่ในร้านว่ามีโต๊ะนั่งรึเปล่า เจ้าของร้านบอกที่นั่งมา
“เชิญด้านบนเลยครับ”
“มีที่นั่งชั้นบนเหรอครับ”
“คุณแค่ดึงชั้นสองลงมา”
ผมเอ๊ะทันที ไม่เข้าใจสิ่งที่ชายชราบอกสักเท่าไหร่
“ตรงไหนครับ”
“ดึงเชือกที่ห้อยอยู่ด้านบน”
ผมเห็น มือหนึ่งถือจาน อีกมือดึงเชือกลงมา ผมแค่ทำตามชายเจ้าของร้านบอก แต่มันผิดพลาดกว่าที่ผมคิด
เมื่อผมดึงเชือกลง สิ่งที่ติดกับเชือกก็เลื่อนลงมาด้วย มันเหมือนผ้าใบที่บนผ้าใบมีภาพห้องแห่งหนึ่งที่มีชายชราหลายคนนั่งกินอาหารอยู่
ผมเดินเข้าไป ชายชราที่นั่งอยู่มองมาที่ผม
“กี่ครั้งแล้วของคุณ” ชายชราหัวล้านเอ่ยขึ้น
“ผมงงไปหมด ที่นี่คือที่ไหน”
“เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ นะ ที่นี่คือสวรรค์กับนรก และเป็นช่องว่างระหว่างโลกคนเป็นและโลกของคนตาย สิ่งที่คุณต้องทำคือ เดินทางไปที่ปลายสุดของที่นี่”
ผมเชื่อสนิทว่าสิ่งที่ชายชราพูดคือเรื่องจริง
ผมเดินมานั่งที่โต๊ะว่างที่ไม่มีคนนั่ง สับสนนิดหน่อยว่าควรทำตามสิ่งที่ชายชราบอกหรือเปล่า ผมกิน กินแบบไม่ค่อยหิว
เสร็จจากที่นี่ผมก็เดินทางต่อ เส้นทางที่ตะวันจะตกมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
ผมสังเกตเห็นรถไฟที่ตัดส่วนหัวออก เห็นคนด้านในลุกเดินและนั่งวนเวียนอยู่ในรถไฟ ไม่มีคนออกจากรถไฟเหมือนการย้อนการกระทำจะอยู่แค่ในตัวรถไฟ แต่ชายชราหลายคนก็นั่งอยู่บนนั้น โดยที่ไม่คิดจะลุกเดิน
ผมยืนสังเกตว่ารถไฟเคลื่อนตัวแบบไหน หลัก ๆ หนึ่งรางจะวิ่งไปกลับเท่านั้น ผมเลยขึ้นเลย
ถึงห้างสรรพสินค้า คนย้อนการกระทำเข้าออกเป็นว่าเล่น ทว่าชายชราที่คุยเข้าใจกลับไม่มีสักคน ผมเดินทะลุไปด้านหลังของห้างแห่งนี้
ขณะเดียวกันพระอาทิตย์ก็ตั้งฉากก่อนที่ลูกบอลแสงจะลอยขึ้นจากร่องแยก ลอยขึ้นไปรวมกับพระอาทิตย์ที่อยู่ด้านบน มันสวยงามมากจะบอกให้ แต่นั่นยิ่งทำให้องศาของบรรยากาศร้อนขึ้นตาม
ครึ่งวันแล้ว แต่ผมก็แทบจะมองไม่เห็นว่าจุดหมายปลายทางเป็นยังไง
มันร้อนจริง ๆ ผมเลยต้องเดินทางต่อแบบหยุด ๆ เดิน ๆ
ผมเริ่มเห็นตึกสูงเรียงต่อกันเป็นกำแพงยาวขวาง ผมเห็นตึกที่คุ้นเคยและเดินเข้า
ผมขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสูงที่สุด ครึ่งทางลิฟต์ก็รับชายชราที่ผมคิดว่าคุยรู้เรื่องเข้ามา
“โลกใบนี้ยาวนานจังเลยนะ” ชายชรามองเลขบนตัวเลขชั้นของตึกว่าอยู่ชั้นไหนแล้ว
“คุยกับผมหรือเปล่า” ผมสงสัย
“มันมีคนอื่นที่อยู่ที่นี่ไหมละ”
ผมจำยอมกับคำพูดของเขา “คุณตาครับ สุดปลายทางที่ตะวันจะตกอยู่ไกลไหมครับ”
ผมคิดว่าชายชราที่คุยกับผมรู้เรื่อง พวกเขาต้องรู้โลกที่เกิดขึ้นตอนนี้ของผมแน่นอน
“มันไม่มีที่สิ้นสุด จุดเริ่มต้นก็เท่ากับจุดจบ”
ผมยังไม่เข้าใจความหมายของชายชราจะสื่อ
เมื่อถึงชั้นสุดท้ายของตึก ผมเข้าห้องสุดท้ายและเดินเข้าไป ชายชราบอกลา เขาเข้าไปในห้องอื่น ส่วนผมรีบเดินไปดูกระจกที่มองออกไปด้านนอกได้
หลังตึกมีร่องขนาดใหญ่และกว้างส่องลงไปเห็นแต่ความมืด ปลายทางของอีกฝั่งมีบ้านเรือนกระจัดกระจาย ต้นไม้มีบ้าง แต่พื้นที่การเกษตรเยอะกินพื้นที่ที่ผมเห็นไปหมดเลย
ทางข้ามร่องขนาดใหญ่นี้ดูเหมือนจะไม่มี หมดสิ้นความตั้งใจแล้ว ผมอยากยัดตัวเองนอนสักที่เพื่อปลดทุกข์ที่หนักออกจากอก
ผมเดินไปนั่งที่โซฟา มองโต๊ะกระจกใสที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ผมวางขาสองข้างไว้บนนั้น
สักเกือบ 1 นาทีได้ พายุลูกเล็บก็ถล่ม เป็นพายุที่แรงมาก รวมถึงลูกเห็บก็ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น
ผมข่มตานอนหลับไม่ได้ เสียงจากด้านนอกดังเข้ามา ถึงจะไม่ได้ดัง แต่ผมอยู่ที่สูงเลยกลัวว่าตึกจะพัง
เพียงไม่นานพายุก็สงบลง ตัวห้องยืดออกไปทุกทิศจนมันรู้สึกว่ายิ่งอยู่สูงยิ่งหนาว
ตะวันเคลื่อนมาอยู่ด้านหน้าผมแล้ว ผมมองตรง ๆ ยังไม่ได้ ห้องบนสุดนี้คือทำออกมาดี บางครั้งก็อยากอยู่ที่นี่ไปตลอด
แต่จู่ ๆ ชายชราคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามา ก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าวก่อนห้องจะกลับมาสู่ในสภาพเดิม
“ผมลืมบอกคุณไป ข้างนอกแถวนี้มันอันตราย”
ชายชราที่มาคุยกับผม น่าจะคนเดียวกับที่ขึ้นลิฟต์กับผมมา ผมนั่งตัวตรงและพูดตอบ
“อะไรเหรอครับ ผมขึ้นมาเพื่อดูด้านหลังตึกว่ามีอะไร”
“เอาเป็นว่า ลองมองกระจกนั่นให้ดี”
“กระจกไหนครับ” ผมมองกระจกที่เป็นโต๊ะ
“ไม่ใช่ กระจกที่เห็นด้านนอก”
ผมหันควับไปมอง แต่ไม่เห็นอะไรแตกต่างจากที่ผมเดินเข้ามา ชายชราเหมือนอยากให้ผมเห็นอะไรสักอย่างเขาจึงเดินไปดูจุดที่บอก
ผมลุกขึ้นยืน ไปดูใกล้ ๆ แล้วก็เริ่มเห็นกระจกมีรอยร้าว
“มันจะแตกหรือเปล่าครับ” ผมถาม
“มานี่มา ตรงนี้” ชายชราชี้นิ้วไปที่กระจก
ผมเดินไปมองแบบใกล้ที่สุดเพื่อมอง ในขณะที่ผมมองรอยร้าวชายชราก็ผลักผมใส่กระจกพร้อมกับตัวเขา
กระจกแตก ก่อนที่ผมจะล่วงลงไป
“บาย บาย” ชายชรายันร่างผมลงไปอีก ตัวชายชราจับว่าวและลอยขึ้น
ผมตกลงสู่น้ำ ผมรู้ยังไงเหรอ สัมผัสที่เปียกและเสียงอื้ออึงในหู แต่น้ำที่อยู่รอบตัวผมมันต่างจากน้ำทั่วไป ผมต้องกลั้นหายใจ พยายามว่าย เพราะน้ำมันหนัก เหมือนตัวผมจะจมดึงสู่ก้น เหมือนอะไรสักอย่างดึงผมลงไป
มันมืดเหลือเกิน
สุดท้ายผมก็หลุดออกจากน้ำ ผมลอยอยู่บนอากาศ ผมถูกดึงลงไปด้วยแรงที่จับต้องไม่ได้
สุดท้ายหัวของผมก็กระแทกกับของแข็ง
นิยายเรื่อง เมื่อตะวันขึ้นทิศตะวันตก
ดวงอาทิตย์หายไปในเส้นขอบฟ้า แสงใกล้จะหายไป จู่ ๆ ดวงอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นที่ด้านที่มันตก แล้วในวันนั้นก็ทำให้สรรพสิ่งย้อนกลับ
บ้านที่ผมอยู่หายไป ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่ที่มีป้ายติดว่า “เช่าหรือขาย”
ผมลองเดินวนดูรอบ ๆ นี้ ไม่พบว่าบ้านของผมเคยตั้งอยู่ที่นี่
สักพักผมก็สัมผัสได้ถึงคนรอบ ๆ ที่หยุดนิ่ง ผมมัวแต่สนใจบ้านเลยไม่ได้สังเกตผู้คน
คนที่ขยับได้มีแค่ผม …และ… ชายชราคนหนึ่ง ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผม เขามีเส้นผมที่ขาวทั้งหมด ผิวเหี่ยวย่นสะท้อนถึงอายุ
ผมควรตื่นตระหนกกับเรื่องอะไรก่อน ชายชราเดินมาหาผมและพูด
“ยามฝนตก ทุกคนก็แทบจะไม่สนใจอะไร”
จบชายชราก็เดินผ่านไป น้ำบนพื้นลอยขึ้นสูงขึ้นด้านบน หยดน้ำที่โดนตัวผมลัดเลาะพยายามหาทางขึ้นไปบนฟ้ากับเพื่อน ๆ
ผมรู้ว่านี่ต้องเป็นต่างโลกชัวร์ ไม่งั้นน้ำจะไหลขึ้นด้านบนได้ไง
ผมจะกลับบ้าน แต่บ้านไม่เห็นว่าจะอยู่ที่เก่า
ดวงอาทิตย์เริ่มขยับ ทุกคนที่หยุดนิ่งก็เริ่มขยับย้อนกลับ แม้กระทั่งคำพูดก็ยังย้อนกลับ
ชายชราหลายคนปรากฏขึ้นทั่วในเมือง
“ลมพัดโหมกระหน่ำ รุนแรงเข้าเมืองใหญ่”
กระแสลมพัดจากด้านหนึ่งไปด้านหนึ่ง แต่ก็แค่ไม่ถึงนาที ผมจำได้ว่าตอนที่จะกลับบ้านมีลมพัดอยู่
ผมเดินกลับทางเดิม สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังมีสติคือ ชายชราที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพูดให้ฟัง
สับสนไม่รู้จะเอาอะไรต่อจากนี้ ขณะที่ผมยืนงงและดูรอบทุกทิศ ชายชราถือไม้ค้ำยันก็เดินมาหาผม มือที่ไม่ได้ใช้ไม้ค้ำชี้ไปที่ถนน
“ให้ไปเหรอครับ”
“จุดจบ” ชายชรากล่าวมาและเดินกลับ
ถ้าเป็นแนวนี้อาจหมายถึงว่าผมอาจตายแล้ว
แต่ขณะที่มองเหตุการณ์รอบตัวย้อนหลัง ลิงฝูงหนึ่งก็ปาเปลือกกล้วยใส่ผม หลังจากนั้น 5 วินาที แผ่นดินก็ไหวอย่างรุนแรง ถนนหนทางมีรอยแยกออกจากกัน พื้นที่บางส่วนถูกยกสูง
ผมแทบจะไม่อยากเชื่อว่าคนที่เดินย้อนกลับไม่มีใครสักคนที่ถูกปรากฏการณ์นี้เล่นงาน
ลิงกระโดดโลดเต้นเพราะไม่เคยเห็น พวกมันมุ่งตรงปีนป่ายไปที่โรงพยาบาลด้านหน้า
ผมคิดว่าควรอยู่ห่าง ๆ จากฝูงลิง ไม่อยากถูกทำร้ายร่างกายจากสัตว์ประเภทนี้
ผมหันไปมองด้านหลัง ทุกอย่างยังย้อนกลับตั้งแต่ที่บ้านหาย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุการณ์บ้า ๆ นี้เกิดขึ้นได้ไง
ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้คนเดียว
ชายชราที่ปรากฏทั่วทุกที่ ผมเข้าใจว่าพวกเขาไม่เป็นอันตรายต่อผม
พอผมเข้าใกล้ชายชราเป้าหมาย เขาก็พูดประโยคหนึ่งออกมา
“แผ่นดินแยกพังทลาย”
ผมที่ทนไม่ไหวที่ชายชราพูดอะไรออกมาแล้วผมก็ไม่เข้าใจเลยสนทนาไปหนึ่งที
“มันหมายความว่าอะไร ที่นี่ไหน สวรรค์หรือนรก”
ชายชราที่เห็นผมคุยด้วยก็ยิ้มแล้วแตะที่นั่งเหมือนอยากให้ผมนั่ง ผมเลยนั่งเพราะรู้สึกว่าทุกอย่างที่เห็นมันเกินจินตนาการของเขาไปเยอะ
“ผมเคยตั้งมั่นว่าจะรักครอบครัวเป็นอันดับแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างมันความผิดผม” ชายชรากล่าวอย่างไร้ความรู้สึก
“คุณตา ที่นี่ที่ไหนครับ”
“ถ้าจะขออะไร ควรเริ่มจากลูกอม ถึงผมจะไม่ชอบ แต่นั่นทำให้คำสารภาพของผมถึงภรรยาของผมสมหวัง”
“ถ้าไม่อยากคุย ผมขอตัวไปก่อนนะครับ”
ชายชรายิ้ม ผมจึงเดินออกมาด้วยความงง ผมมองตรงไปที่อีกฟากหนึ่งของตะวัน เป้าหมายไม่แน่นอนว่าจะอยู่ที่ใด แต่ผมรู้สึกได้ อาจเป็นสัญชาตญาณที่บอกให้ผมเดินหน้าต่อไป
ผมค่อย ๆ เดินค่อย ๆ ปีน แม้เส้นทางจะลำบากบ้าง แต่ก็เพื่อตัวผม
ว่าวหลายอันโผล่ขึ้นที่ด้านหน้า อยู่สูงจนไม่รู้ว่าที่มามาจากจุดไหน
เดินเริ่มเหนื่อยเลยหาที่พัก โชคดีที่ผมเห็นป้ายรอรถเมย์ ผมเลยเดินเข้าไปนั่ง
ไม่ว่าทางจะยกขึ้นสูงหรือลงต่ำ รถก็วิ่งไปได้แบบไร้ฟิสิกส์ใด ๆ
มีคนเดินออกจากรถเมย์และมานั่งอยู่ข้างผม เธอคุยโทรศัพท์อยู่นาน ผมไม่เข้าใจคำพูดของเธอหรอก เพราะเสียงที่ออกมาถูกย้อนกลับ
พื้นดินบางส่วนถูกยกสูงขึ้น ก่อนจะลอยค้างอยู่กับที่ ผมไม่กล้ามองพื้นด้านล่าง
แต่ก็มีชายชราคนหนึ่งปีนขึ้นบันไดไปบนพื้นที่ยกสูง แต่อีกทางชายชราอีกคนก็ข้ามตึกที่ล้มเป็นทางเดินไป
ทางเลือกเยอะจนไม่รู้จะทำตามใครดี
“อย่าคิดว่าการที่ได้อยู่ตรงนี้มันจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา” ชายชราเดินผ่านผมก่อนจะได้ยินแค่เสียงพึมพำกับตัวเอง
ผมคิดว่าปีนตามชายชราที่ไต่บันไดดีกว่า
พอปีนขึ้นมาได้ก็เริ่มเห็นสถานที่โดยรวมที่ผมเคยไปมาก่อน
คนถูกย้อนกลับชนผมจนผมเซเกือบจะตกลงไปด้านล่าง นั่นเลยทำให้ผมรู้ว่าผู้คนที่ย้อนการกระทำเป็นคนจริง ๆ
ผมเดินทางต่อและรู้เป้าหมายตอนไปคือ ร้านอาหารที่พักนี้ผมไปกินบ่อย ๆ
คนกินข้าวเสร็จย้อนจนเหมือนคนที่ไม่ชอบอาหารและเดินหนี ชายชราเจ้าของร้านยืนมองผมจนผมต้องถาม
“คุณตาครับ คุณ…” ระหว่างที่ผมนึกคำอยู่ชายชราก็พูด
“อ้าว เห็นด้วยเหรอ”
“ก็ต้องเห็นสิครับ”
“อยากกินอะไรเหรอ”
“ไม่รู้ครับ”
ชายเจ้าของร้านเหมือนกับชายชราที่อยู่ทั่วไปหมด แต่คุณตาท่านนี้กลับพูดในสิ่งที่ผมเข้าใจ ไม่ได้พูดย้อนกลับ
“งั้นเอาเป็นข้าวสวยกับไข่ดาวเป็นไง”
คำพูดของเจ้าของร้านทำให้ผมรู้สึกว่าตนเองยังไม่ตาย
“ดีเหมือนกันครับ”
มือของเจ้าของร้านไวมาก มันน่าทึ่งที่เขาแก่มากแล้วแต่ยังจับอะไรคล่องเหมือนคนหนุ่ม ๆ
ผมรับจานเขามา มองไปที่ในร้านว่ามีโต๊ะนั่งรึเปล่า เจ้าของร้านบอกที่นั่งมา
“เชิญด้านบนเลยครับ”
“มีที่นั่งชั้นบนเหรอครับ”
“คุณแค่ดึงชั้นสองลงมา”
ผมเอ๊ะทันที ไม่เข้าใจสิ่งที่ชายชราบอกสักเท่าไหร่
“ตรงไหนครับ”
“ดึงเชือกที่ห้อยอยู่ด้านบน”
ผมเห็น มือหนึ่งถือจาน อีกมือดึงเชือกลงมา ผมแค่ทำตามชายเจ้าของร้านบอก แต่มันผิดพลาดกว่าที่ผมคิด
เมื่อผมดึงเชือกลง สิ่งที่ติดกับเชือกก็เลื่อนลงมาด้วย มันเหมือนผ้าใบที่บนผ้าใบมีภาพห้องแห่งหนึ่งที่มีชายชราหลายคนนั่งกินอาหารอยู่
ผมเดินเข้าไป ชายชราที่นั่งอยู่มองมาที่ผม
“กี่ครั้งแล้วของคุณ” ชายชราหัวล้านเอ่ยขึ้น
“ผมงงไปหมด ที่นี่คือที่ไหน”
“เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ นะ ที่นี่คือสวรรค์กับนรก และเป็นช่องว่างระหว่างโลกคนเป็นและโลกของคนตาย สิ่งที่คุณต้องทำคือ เดินทางไปที่ปลายสุดของที่นี่”
ผมเชื่อสนิทว่าสิ่งที่ชายชราพูดคือเรื่องจริง
ผมเดินมานั่งที่โต๊ะว่างที่ไม่มีคนนั่ง สับสนนิดหน่อยว่าควรทำตามสิ่งที่ชายชราบอกหรือเปล่า ผมกิน กินแบบไม่ค่อยหิว
เสร็จจากที่นี่ผมก็เดินทางต่อ เส้นทางที่ตะวันจะตกมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
ผมสังเกตเห็นรถไฟที่ตัดส่วนหัวออก เห็นคนด้านในลุกเดินและนั่งวนเวียนอยู่ในรถไฟ ไม่มีคนออกจากรถไฟเหมือนการย้อนการกระทำจะอยู่แค่ในตัวรถไฟ แต่ชายชราหลายคนก็นั่งอยู่บนนั้น โดยที่ไม่คิดจะลุกเดิน
ผมยืนสังเกตว่ารถไฟเคลื่อนตัวแบบไหน หลัก ๆ หนึ่งรางจะวิ่งไปกลับเท่านั้น ผมเลยขึ้นเลย
ถึงห้างสรรพสินค้า คนย้อนการกระทำเข้าออกเป็นว่าเล่น ทว่าชายชราที่คุยเข้าใจกลับไม่มีสักคน ผมเดินทะลุไปด้านหลังของห้างแห่งนี้
ขณะเดียวกันพระอาทิตย์ก็ตั้งฉากก่อนที่ลูกบอลแสงจะลอยขึ้นจากร่องแยก ลอยขึ้นไปรวมกับพระอาทิตย์ที่อยู่ด้านบน มันสวยงามมากจะบอกให้ แต่นั่นยิ่งทำให้องศาของบรรยากาศร้อนขึ้นตาม
ครึ่งวันแล้ว แต่ผมก็แทบจะมองไม่เห็นว่าจุดหมายปลายทางเป็นยังไง
มันร้อนจริง ๆ ผมเลยต้องเดินทางต่อแบบหยุด ๆ เดิน ๆ
ผมเริ่มเห็นตึกสูงเรียงต่อกันเป็นกำแพงยาวขวาง ผมเห็นตึกที่คุ้นเคยและเดินเข้า
ผมขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสูงที่สุด ครึ่งทางลิฟต์ก็รับชายชราที่ผมคิดว่าคุยรู้เรื่องเข้ามา
“โลกใบนี้ยาวนานจังเลยนะ” ชายชรามองเลขบนตัวเลขชั้นของตึกว่าอยู่ชั้นไหนแล้ว
“คุยกับผมหรือเปล่า” ผมสงสัย
“มันมีคนอื่นที่อยู่ที่นี่ไหมละ”
ผมจำยอมกับคำพูดของเขา “คุณตาครับ สุดปลายทางที่ตะวันจะตกอยู่ไกลไหมครับ”
ผมคิดว่าชายชราที่คุยกับผมรู้เรื่อง พวกเขาต้องรู้โลกที่เกิดขึ้นตอนนี้ของผมแน่นอน
“มันไม่มีที่สิ้นสุด จุดเริ่มต้นก็เท่ากับจุดจบ”
ผมยังไม่เข้าใจความหมายของชายชราจะสื่อ
เมื่อถึงชั้นสุดท้ายของตึก ผมเข้าห้องสุดท้ายและเดินเข้าไป ชายชราบอกลา เขาเข้าไปในห้องอื่น ส่วนผมรีบเดินไปดูกระจกที่มองออกไปด้านนอกได้
หลังตึกมีร่องขนาดใหญ่และกว้างส่องลงไปเห็นแต่ความมืด ปลายทางของอีกฝั่งมีบ้านเรือนกระจัดกระจาย ต้นไม้มีบ้าง แต่พื้นที่การเกษตรเยอะกินพื้นที่ที่ผมเห็นไปหมดเลย
ทางข้ามร่องขนาดใหญ่นี้ดูเหมือนจะไม่มี หมดสิ้นความตั้งใจแล้ว ผมอยากยัดตัวเองนอนสักที่เพื่อปลดทุกข์ที่หนักออกจากอก
ผมเดินไปนั่งที่โซฟา มองโต๊ะกระจกใสที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ผมวางขาสองข้างไว้บนนั้น
สักเกือบ 1 นาทีได้ พายุลูกเล็บก็ถล่ม เป็นพายุที่แรงมาก รวมถึงลูกเห็บก็ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น
ผมข่มตานอนหลับไม่ได้ เสียงจากด้านนอกดังเข้ามา ถึงจะไม่ได้ดัง แต่ผมอยู่ที่สูงเลยกลัวว่าตึกจะพัง
เพียงไม่นานพายุก็สงบลง ตัวห้องยืดออกไปทุกทิศจนมันรู้สึกว่ายิ่งอยู่สูงยิ่งหนาว
ตะวันเคลื่อนมาอยู่ด้านหน้าผมแล้ว ผมมองตรง ๆ ยังไม่ได้ ห้องบนสุดนี้คือทำออกมาดี บางครั้งก็อยากอยู่ที่นี่ไปตลอด
แต่จู่ ๆ ชายชราคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามา ก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าวก่อนห้องจะกลับมาสู่ในสภาพเดิม
“ผมลืมบอกคุณไป ข้างนอกแถวนี้มันอันตราย”
ชายชราที่มาคุยกับผม น่าจะคนเดียวกับที่ขึ้นลิฟต์กับผมมา ผมนั่งตัวตรงและพูดตอบ
“อะไรเหรอครับ ผมขึ้นมาเพื่อดูด้านหลังตึกว่ามีอะไร”
“เอาเป็นว่า ลองมองกระจกนั่นให้ดี”
“กระจกไหนครับ” ผมมองกระจกที่เป็นโต๊ะ
“ไม่ใช่ กระจกที่เห็นด้านนอก”
ผมหันควับไปมอง แต่ไม่เห็นอะไรแตกต่างจากที่ผมเดินเข้ามา ชายชราเหมือนอยากให้ผมเห็นอะไรสักอย่างเขาจึงเดินไปดูจุดที่บอก
ผมลุกขึ้นยืน ไปดูใกล้ ๆ แล้วก็เริ่มเห็นกระจกมีรอยร้าว
“มันจะแตกหรือเปล่าครับ” ผมถาม
“มานี่มา ตรงนี้” ชายชราชี้นิ้วไปที่กระจก
ผมเดินไปมองแบบใกล้ที่สุดเพื่อมอง ในขณะที่ผมมองรอยร้าวชายชราก็ผลักผมใส่กระจกพร้อมกับตัวเขา
กระจกแตก ก่อนที่ผมจะล่วงลงไป
“บาย บาย” ชายชรายันร่างผมลงไปอีก ตัวชายชราจับว่าวและลอยขึ้น
ผมตกลงสู่น้ำ ผมรู้ยังไงเหรอ สัมผัสที่เปียกและเสียงอื้ออึงในหู แต่น้ำที่อยู่รอบตัวผมมันต่างจากน้ำทั่วไป ผมต้องกลั้นหายใจ พยายามว่าย เพราะน้ำมันหนัก เหมือนตัวผมจะจมดึงสู่ก้น เหมือนอะไรสักอย่างดึงผมลงไป
มันมืดเหลือเกิน
สุดท้ายผมก็หลุดออกจากน้ำ ผมลอยอยู่บนอากาศ ผมถูกดึงลงไปด้วยแรงที่จับต้องไม่ได้
สุดท้ายหัวของผมก็กระแทกกับของแข็ง