ผมโตมากับความชอบ หนังแนว GTH ที่เน้นเนื้อหาปัจจุบัน วิถึชีวิตใกล้ตัว แทรกอารมณ์ขันและมักจบได้แบบ feel good
หลังค่ายมีการแยกตัว กลายเป็น GDH แม้หน้าหนังจะน่าสนใจ จนดึงคนแบบผมกลับไปดูเหมือนเดิมด้วยความโหยหาความผูกพันธ์แบบเดิม
แต่ก็โดนหักหลัง ด้วยการทำหนังสไตล์ เท่เข้าว่า แต่เขียนบทให้จบแบบ หม่นหมอง หลายต่อหลายเรื่องจนผมไม่คิดจะดูหนังค่ายนี้อีก
ตอนได้ดูตัวอย่างหนัง เพื่อน(ไม่)สนิท ที่มาแนว พอ แอบอ้างเป็นเพื่อนสนิทคนตายเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง ผมจึงไม่คิดมากเลยที่จะไม่ดู
จนหนังมาเข้า สตรีมมิ่ง แล้วผมที่ว่างไม่มีอะไรดูช่วงนี้เลยดูก็ได้วะ สรุปคือดูเพราะว่างจัด +ไม่คาดหวัง
และนี่คือบทสรุปหลังดู
1. บทเขียนได้ดี ในแง่เรื่องราว คสพ. และการหักมุมที่เผยรายละเอียดด้านต่างๆ นะ
ตอนแรก หนังพาเราเดินไปพร้อม พอ.ที่ต้องย้ายโรงเรียน ไปเจอเพื่อนใหม่ ที่มนุษย์สัมพันธ์ดีเวอร์จนน่ารำคาญ
พอ.ด้วยไม่อยากให้ใครรู้ถึงความผิดตัวเอง ก็ไม่อยากสนิทใคร "เพราะอีกแค่ปีเดียวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว"
แล้วอยู่ๆ เพื่อนคนนี้ที่ชื่อโจ ก็ ตุย
***หนังหลอกให้เราคิดก่อนว่า พอ. มันไม่ได้สนิทอะไรกับคนตาย นะเว้ย
แล้วเดินเรื่องโดย อยู่ดีๆ พอ.มีโอกาสได้โควต้ามหาลัยด้วยการทำหนังอาลัยโจ
แล้วก็มี "อดีต"เพื่อนสนิท โผล่มา เป็นจุดไต้ตำตอ ที่กุมความลับ พอ. ไว้ ว่าไม่ได้สนิทโจ แต่จะทำหนังในฐานะ"เพื่อนสนิท"เนี่ยนะ
เป็นที่มาของชื่อเรือง " เพือน(ไม่)สนิท "
ระหว่างทาง ของการทำหนัง มิตรภาพก็ก่อเกิด ทั้ง พอ. ,โบ, แก็งค์ไอแมค ก็สนิทกัน
พอทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี หนังกำลังจะเสร็จ
บทใส่ ตัวละครใหม่เพิ่มมา เป็นอดีตเพื่อนสนิทโจคนที่สอง คนนี้คือตัวที่เผยว่า โจมีความลับบางอย่าง และไม่ได้ดีอย่างที่คิด
ดึงให้เรา ผิดหวังกับ โจ ร่วมกับ พอ
พอ.มาถึงทางเลือก ว่าจะทำหนังต่อ เปลี่ยนบท ได้หนังมาเอาโควต้า แต่โจ เสียหมา
หรือจะไม่ส่งหนัง เพื่อรักษาความลับเพื่อน
เรื่องมาเฉลยว่า จริงๆ พอ.กับ โจ สนิทกันจริงว่ะ และโจก็ไม่ได้เลวร้ายเอางานเพื่อนไปส่ง เขาเลือกสละสิทธิ์และสารภาพตรงๆกับกรรมการด้วย
ในเรื่อง อาจมีคนทำพลาด ทั้ง พอ.ใช้ความรุนแรง โจ ก๊อปงานเพื่อน โบเอาความลับโจมาเปิด หลิวมีคนใหม่อย่างรวดเร็ว
พวกเขาทำผิด แต่มันเป็นการพลาดในจังหวะหนึ่งของชีวิต ไม่มีใครที่เลวร้ายโดยสันดานเลย
แล้วเรื่องก็จบลงไปอย่างที่มันต้องเป็น ไม่ได้happyendingสัสๆ ไม่ได้ดาร์คโหมดโลกหม่น แต่เป็นแค่ทุกอย่างก็เดินไปต่อ
ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง ปัญหาของตัวเอง และต้องจัดการด้วยตัวเอง
เหมือนการที่เสื้อเหม็นเพราะบ้านเป็นโรงงาน มันก็เลือกได้ว่าจะปล่อยให้เหม็นไป เอาแต่โทษพ่อโทษครอบครัว หรือ ลุกมาทำห้องตากผ้าสักมุมให้ผ้าไม่เหม็นแล้วใช้ชีวิตต่อ
หลังดูจบ สรุปว่า ผมค่อนข้างชอบนะ โดยเฉพาะรอยยิ้มน้องหลิว
เพื่อน(ไม่)สนิท [ Netflix ] หนังที่ผมไม่คิดจะดู แต่...
หลังค่ายมีการแยกตัว กลายเป็น GDH แม้หน้าหนังจะน่าสนใจ จนดึงคนแบบผมกลับไปดูเหมือนเดิมด้วยความโหยหาความผูกพันธ์แบบเดิม
แต่ก็โดนหักหลัง ด้วยการทำหนังสไตล์ เท่เข้าว่า แต่เขียนบทให้จบแบบ หม่นหมอง หลายต่อหลายเรื่องจนผมไม่คิดจะดูหนังค่ายนี้อีก
ตอนได้ดูตัวอย่างหนัง เพื่อน(ไม่)สนิท ที่มาแนว พอ แอบอ้างเป็นเพื่อนสนิทคนตายเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง ผมจึงไม่คิดมากเลยที่จะไม่ดู
จนหนังมาเข้า สตรีมมิ่ง แล้วผมที่ว่างไม่มีอะไรดูช่วงนี้เลยดูก็ได้วะ สรุปคือดูเพราะว่างจัด +ไม่คาดหวัง
และนี่คือบทสรุปหลังดู
1. บทเขียนได้ดี ในแง่เรื่องราว คสพ. และการหักมุมที่เผยรายละเอียดด้านต่างๆ นะ
ตอนแรก หนังพาเราเดินไปพร้อม พอ.ที่ต้องย้ายโรงเรียน ไปเจอเพื่อนใหม่ ที่มนุษย์สัมพันธ์ดีเวอร์จนน่ารำคาญ
พอ.ด้วยไม่อยากให้ใครรู้ถึงความผิดตัวเอง ก็ไม่อยากสนิทใคร "เพราะอีกแค่ปีเดียวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว"
แล้วอยู่ๆ เพื่อนคนนี้ที่ชื่อโจ ก็ ตุย
***หนังหลอกให้เราคิดก่อนว่า พอ. มันไม่ได้สนิทอะไรกับคนตาย นะเว้ย
แล้วเดินเรื่องโดย อยู่ดีๆ พอ.มีโอกาสได้โควต้ามหาลัยด้วยการทำหนังอาลัยโจ
แล้วก็มี "อดีต"เพื่อนสนิท โผล่มา เป็นจุดไต้ตำตอ ที่กุมความลับ พอ. ไว้ ว่าไม่ได้สนิทโจ แต่จะทำหนังในฐานะ"เพื่อนสนิท"เนี่ยนะ
เป็นที่มาของชื่อเรือง " เพือน(ไม่)สนิท "
ระหว่างทาง ของการทำหนัง มิตรภาพก็ก่อเกิด ทั้ง พอ. ,โบ, แก็งค์ไอแมค ก็สนิทกัน
พอทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี หนังกำลังจะเสร็จ
บทใส่ ตัวละครใหม่เพิ่มมา เป็นอดีตเพื่อนสนิทโจคนที่สอง คนนี้คือตัวที่เผยว่า โจมีความลับบางอย่าง และไม่ได้ดีอย่างที่คิด
ดึงให้เรา ผิดหวังกับ โจ ร่วมกับ พอ
พอ.มาถึงทางเลือก ว่าจะทำหนังต่อ เปลี่ยนบท ได้หนังมาเอาโควต้า แต่โจ เสียหมา
หรือจะไม่ส่งหนัง เพื่อรักษาความลับเพื่อน
เรื่องมาเฉลยว่า จริงๆ พอ.กับ โจ สนิทกันจริงว่ะ และโจก็ไม่ได้เลวร้ายเอางานเพื่อนไปส่ง เขาเลือกสละสิทธิ์และสารภาพตรงๆกับกรรมการด้วย
ในเรื่อง อาจมีคนทำพลาด ทั้ง พอ.ใช้ความรุนแรง โจ ก๊อปงานเพื่อน โบเอาความลับโจมาเปิด หลิวมีคนใหม่อย่างรวดเร็ว
พวกเขาทำผิด แต่มันเป็นการพลาดในจังหวะหนึ่งของชีวิต ไม่มีใครที่เลวร้ายโดยสันดานเลย
แล้วเรื่องก็จบลงไปอย่างที่มันต้องเป็น ไม่ได้happyendingสัสๆ ไม่ได้ดาร์คโหมดโลกหม่น แต่เป็นแค่ทุกอย่างก็เดินไปต่อ
ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง ปัญหาของตัวเอง และต้องจัดการด้วยตัวเอง
เหมือนการที่เสื้อเหม็นเพราะบ้านเป็นโรงงาน มันก็เลือกได้ว่าจะปล่อยให้เหม็นไป เอาแต่โทษพ่อโทษครอบครัว หรือ ลุกมาทำห้องตากผ้าสักมุมให้ผ้าไม่เหม็นแล้วใช้ชีวิตต่อ
หลังดูจบ สรุปว่า ผมค่อนข้างชอบนะ โดยเฉพาะรอยยิ้มน้องหลิว