JJNY : ผู้บริโภคกระเป๋าฉีก!│‘ก้าวไกล’ ซัด 3 เสี่ยง ดิจิทัลวอลเล็ต│เนทันยาฮูบอกไม่ทน│ทหารรัสเซียเสียชีวิตทะลุ 50,000

ผู้บริโภคกระเป๋าฉีก! หมูแพงขึ้น 4 บาท - ไข่ไก่ฟองละ 3.60 บาท แถมมีแนวโน้มราคาพุ่งอีก
https://ch3plus.com/news/economy/morning/396165
 
 
วานนี้ (17 เม.ย. 67) สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ประกาศปรับราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม ขึ้นอีกกิโลกรัมละ 4 บาท นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้น ครั้งที่ 3 ในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 4 บาท รวมแล้ว ปรับขึ้นไปแล้ว 12 บาทต่อกิโลกรัม

ส่งผลราคาหมูภาคต่าง ๆ มีดังนี้ 
ภาคเหนือ 75 บาท/กก.
ภาคอีสาน 74 บาท/กก.
ภาคตะวันออก 74 บาท/กก.

ภาคตะวัน 68 บาท/กก.

ภาคใต้ 70 บาท/กก.

อย่างไรก็ดี แม้ราคาจะปรับขึ้นมาถึง 12 บาทแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายที่เกษตรกรวางไว้ที่กิโลกรัมละ 80 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่จะคุ้มกับต้นทุนการเลี้ยงหมู

ขณะที่ผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ออกมาส่งสัญญาณ ราคาไมูมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก จากผลกระทบอากาศที่ร้อนจัด บวกกับภัยแล้ง ทำให้หมูเครียดง่าย กินอาหารน้อยลง ส่งผลให้การเติบโตช้า อ่อนแอ และติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดต่ำลง

ทำให้เกษตรกร ตัดสินใจเลี้ยงหมูลดลง เพื่อลดความเสี่ยงจากความเสียหาย ทำให้คาดว่า จะส่งผลให้ปริมาณหมูออกสู่ตลาดน้อยลง ส่งผลทิศทางราคามีแนวโน้มปรับขึ้นตามกลไกตลาด
 
------------
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากภาวะอากาศร้อนอบอ้าวและอากาศแล้งแห้งในหลายพื้นที่ ได้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตผักสดออกสู่ตลาด และราคาผักสดบางชนิดราคาสูงพรวด จากข้อมูลกรมการค้าภายในในการสำรวจราคาผักสดในตลาดสดทั่วประเทศ ก่อนหยุดยาวสงกรานต์ วันที่ 11 เมษายน เปรียบกับเปิดทำงานวันแรก 17 เมษายน พบว่า

ราคาผักชี ขยับขึ้น 70-80 บาทต่อกิโลกรัม จาก 130-140 บาท/กก.ในวันที่ 11 เมษายน เป็น 200-220 บาท/กก. ในวันที่ 17 เมษายน
 
------------
 
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาไข่ไก่ที่ปรับขึ้นฟองละ 20 สตางค์ จนเป็นฟองละ 3.60 บาท ว่า

ราคาไข่ไก่ที่ปรับขึ้นมาถือเป็นไปตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนของทุกปี แม่ไก่จะออกไข่น้อยลง หรือมีไซซ์ที่เล็กลง ก็ทำให้ปริมาณไข่ไก่หายไปประมาณ 10% และราคาอาจขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ

แต่ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ของกรม ให้จับตาร้านขายไข่ไก่ ไม่ให้ราคาเกินกว่านี้

------------
น.สพ.โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้กล่าวถึงกรณี ไข่ไก่ราคาฟองละ 3.60 บาท ว่า

โดยต้นทุนการผลิตไข่ไก่ไตรมาส 4 ปี 2566 เฉลี่ยฟองละ 3.63 บาท และต้นทุนการผลิตไข่ไก่ ไตรมาส 1 ปี 2567 เฉลี่ยฟองละ 3.63 บาท ซึ่งเท่ากับว่า ยังไม่คุ้มทุน

ดังนั้น ราคาไข่ไก่ขึ้นลงขึ้นอยู่กับสถานการณ์อื่นๆ เช่น ต้นทุนการผลิตที่อาจปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดแคลน และมีราคาสูง

ซึ่งการที่ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร อยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท จากเดิมราคา 3.40 บาทต่อฟอง ถือว่าราคาไข่ไม่ได้แพง เพราะยังต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ยังมีช่องว่างของราคาให้ปรับขึ้นได้
------------



‘ก้าวไกล’ ซัด 3 เสี่ยง ดิจิทัลวอลเล็ต หากรบ.ดันต่อ ทั้งขาดประสิทธิภาพ-หวั่นคอร์รัปชั่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4531051

‘ก้าวไกล’ ซัด 3 เสี่ยง ดิจิทัลวอลเล็ต หากรบ.ดันต่อ ทั้งขาดประสิทธิภาพรับมือวิกฤต-หมดโอกาสยกระดับชนชั้นกลาง-เสี่ยงคอร์รัปชัน ชี้ตัดโอกาสร้านเล็ก ห่วงหาบเร่แผงลอยหลุดวงโคจร งงคนเงินเดือนเกิน 7 หมื่นต้องรับจ่ายหนี้
 
เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงกรณีที่รัฐบาลยืนยันเดินหน้าดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้บริหารธนาคารในระดับอาเซียน อดห่วงไม่ได้กับท่าทีของรัฐบาลในโครงการนี้ จึงขอเตือนไปยังรัฐบาลในความเสี่ยง 3 เรื่องที่จะเกิดขึ้นคือ ความเสี่ยงที่ 1.การเตรียมตัวกับวิกฤตในอนาคต ในขณะนี้ทุกคนทราบข่าวการเกิดวิกฤตการสู้รบ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป ตะวันออกกลาง และอีกหลายแห่งทั่วโลกขึ้น และถ้าโลกเกิดวิกฤตจากความไม่สงบขึ้นจนกระทบเศรษฐกิจในระดับโลก หรือหากเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงในประเทศเหมือนปี 54 อีก ประเทศไทยจะประสบกับความยากลำบากในการเผชิญกับวิกฤต มองว่าเราใช้จ่ายเงินเกินตัว ถ้ามีการแจกเงิน 5 แสนล้านบาท ตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เศรษฐกิจของไทยไม่ได้เติบโตตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้หรือเติบโตน้อย ความเสี่ยงของประเทศไทยในการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกหรือภูมิภาคที่อาจจะเกิดขึ้นจะทำได้ยาก
 
รัฐบาลคงจะคาดหวังจากการเก็บภาษีมาเป็นรายได้ เพื่อรองรับวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตไม่ได้ เพราะหากมาดูตัวเลขรายได้ของประเทศจากภาษี ประเทศไทยมีรายได้จากเก็บภาษีราว 13.7% เมื่อเทียบกับจีดีพี ซึ่งน้อยมากเพราะลดลงกว่าเมื่อก่อนที่อยู่ราว 17% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับในประเทศพัฒนาแล้ว มีการเก็บภาษีได้ราว 35% ของจีดีพี ดังนั้นถือเป็นความเสี่ยงมากขึ้นของประเทศในการรับมือกับวิกฤตในอนาคต พูดง่ายๆ คือ เราใช้จ่ายเกินตัวแต่มีรายได้ต่ำ” นายจุลพงศ์ กล่าว
 
นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ความเสี่ยงเรื่องที่ 2.การขาดงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากของรัฐบาล เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรและคนชั้นกลาง คนยากจน และการช่วยเหลือเอสเอ็มอี หากเราไม่สามารถยกระดับเกษตรกรและคนยากจนขึ้นมาเป็นคนชั้นกลางได้ ประเทศไทยก็ไม่มีทางที่จะขับเคลื่อนด้วยคนชั้นกลางเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เขาสามารถข้ามกับดักรายได้ปานกลางได้ และหากไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนเอสเอ็มอีในจีดีพีให้มากขึ้น ประเทศไทยก็เดินหน้าต่อได้ยาก และหากเป้าหมายของการแจกเงิน 5 แสนล้านบาทไม่สำเร็จ เศรษฐกิจไม่โตตามที่รัฐบาลคาดไว้ รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลชุดหน้าก็จะไม่มีเงินมากพอที่จะดูแลคนยากจนและเกษตรกรได้ทั่วถึงอีกต่อไป ดูตัวอย่างง่ายๆจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อปลายปีที่แล้ว พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีหนี้โดยเฉลี่ย 450,000 บาทต่อครัวเรือน ดังนั้นการแจกเงินตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท โดยห้ามไม่ให้ใช้ในการชำระหนี้ คงไม่ได้ช่วยเกษตรกร
 
นายจุลพงศ์ กล่าวว่า ความเสี่ยงที่3. การทุจริตคอร์รัปชัน ที่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของไทยยังมีช่องว่างเยอะมาก เช่น การจัดทำซุปเปอร์แอป ซึ่งรัฐบาลเพิ่งจะบอกว่าจะสร้างขึ้นใหม่ ใครจะเป็นจัดทำ หากจะให้เอกชนเข้ามาทำ มีการจัดจ้างแล้ว หรือยัง ในเมื่อจะลงทะเบียนผู้ค้าในไตรมาส 3 ซึ่งจะเริ่มเดือนก.ค.แล้ว หรือถ้ามีแล้ว ผ่านการประกวดราคาเมื่อใด ระบบบล็อกเชนที่อ้างว่าจะใช้นั้นไม่มีคนกลาง เราตรวจสอบไม่ได้ว่าใครทำอะไร แล้วระบบที่รัฐบาลจะนำมาใช้กับโครงการ จะตรวจสอบได้หรือไม่ เกิดความเสี่ยงการคอร์รัปชัน จึงเป็นเดิมพันที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ
 
ชาวบ้านเขาฝากมาถามว่ารัฐบาลกำหนดว่าคนที่ได้รับจากงานก็ต้องมีรายได้ต่ำกว่า 70,000 บาทต่อเดือนถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการแจกเงิน ตัวเลขนี้มาจากไหน เราไม่เคยได้รับการอธิบายจากรัฐบาลเลย แล้วไม่รู้จะเปลี่ยนต่อไปอีกหรือไม่ ทำไมคนที่มีรายได้เกิน 70,000 บาท ต้องมารับจ่ายหนี้” นายจุลพงศ์ กล่าว
 
เมื่อถามว่า ในเงื่อนไขของรัฐบาล มีข้อสังเกตอะไรบ้าง นายจุลพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลเปลี่ยนเงื่อนมาโดยตลอด และในที่สุดเราก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนเงื่อนไขอีกหรือไม่ ตนกังวลว่าเงื่อนไขที่ออกมานั้น ร้านหาบเร่แผงลอยจะไม่ได้รับเหมือนตอนสมัยโครงการคนละครึ่ง ส่วนเงื่อนไขล่าสุดจะเอื้อนายทุนหรือไม่นั้น ตนเห็นว่า ทำให้โอกาสของร้านค้าขนาดเล็กที่มีน้อยอยู่แล้ว ตัดโอกาสลงไปมากขึ้น ตนไม่ขอพูดว่าเอื้อใคร เราควรจะดูร้านค้าขนาดเล็ก อย่างเมื่อวาน(17 เม.ย.)ตนผ่านร้านค้าขนาดเล็ก เห็นมีคิวอาร์โค้ดห้อยอยู่ แต่เราจะไม่เห็นแบบนี้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว


 
เนทันยาฮูบอกไม่ทน ย้ำตัดสินใจเอง ตอบโต้อิหร่านอย่างไร เตหะรานโวพร้อมโต้กลับ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4531073

เนทันยาฮูบอกไม่ทน ย้ำตัดสินใจเอง ตอบโต้อิหร่านอย่างไร เตหะรานโวพร้อมโต้กลับ
 
นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกมาประกาศจุดยืนว่า ประเทศอิสราเอลจะตัดสินใจเองว่าจะตอบโต้การโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ของอิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างไร โดยไม่สนใจต่อเสียงเรียกร้องของพันธมิตรที่ใกล้ชิดให้อิสราเอลยับยั้งชั่งใจ
 
อิสราเอลให้คำมั่นว่าจะตอบโต้การโจมตีตรงของอิหร่านต่ออิสราเอลที่ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ไม่ได้บอกว่าจะดำเนินเมื่อใดและอย่างไร ปล่อยให้ทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความรุนแรงต่อไป หลังต้องเผชิญกับสงครามในฉนวนกาซาที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 6 อยู่ในขณะนี้
พันธมิตรของอิสราเอลได้เรียกร้องตั้งแต่ถูกโจมตีในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ให้อิสราเอลยับยั้งชั่งใจและระงับการดำเนินการใดๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์ความไม่สงบทวีความรุนแรงและแพร่กระจายออกไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ทั้งยังมีการเรียกร้องซ้ำในการเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษและเยอรมนีในวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา
 
นายเนทันยาฮูกล่าวขอบคุณรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งคู่ที่เยือนอิสราเอลในวันพุธ และขอบคุณสำหรับการให้การสนับสนุนต่ออิสราเอล แต่ก็ยืนยันว่า อิสราเอลจะตัดสินใจเองว่าจะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร แม้จะมีข้อเสนอแนะและคำแนะนำทุกประเภทที่มาจากพันธมิตรของอิสราเอล ซึ่งบางประเทศ อาทิ สหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส ก็มีบทบาทในการช่วยเหลืออิสราเอลสอยโดรนและขีปนาวุธของอิหร่านที่โจมตีอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
 
ผมต้องการพูดให้ชัด การตัดสินใจใดๆ จะขึ้นกับเราเอง รัฐอิสราเอลจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องตนเอง” เนทันยาฮูกล่าว
 
คำประกาศของเนทันยาฮูมีขึ้นขณะที่ลอร์ดแคเมอรอน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษและแอนาเลนา แบร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี เดินทางเยือนภูมิภาคนี้ต่างออกมาร้องขอความสงบ
 
ลอร์ดแคเมอรอนกล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าอิสราเอลกำลังตัดสินใจที่จะดำเนินการกับอิหร่าน แต่เขาหวังว่าอิสราเอลจะทำอย่างฉลาดและแข็งแกร่ง พยายามทำให้ความขัดแย้งในภูมิภาคนี้บานปลายน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
 
ขณะที่แบร์บ็อกกล่าวว่า เยอรมนียืนหยัดด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างเต็มที่กับอิสราเอล แต่เรียกร้องให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ เพราะเวลานี้ทุกคนต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะอิสราเอลได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตนเองแล้วด้วยชัยชนะในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
 
ด้านประธานาธิบดีเอบราฮิม ไรซี ของอิหร่าน เตือนว่าการรุรานดินแดนอิหร่านแม้แต่เพียงเล็กน้อยที่สุดก็จะนำมาซึ่งการตอบสนองครั้งใหญ่ที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ทั้งยังอ้างด้วยว่าการโจมตีที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นเป็นการโจมตีอย่างจำกัด และหากอิหร่านต้องการที่จะทำการโจมตีครั้งใหญ่กว่านี้ขึ้น ระบอบไซออนิสต์จะไม่เหลืออะไรเลย
 
แม้อิสราเอลจะแสดงท่าทีแข็งกร้าว แต่เชื่อว่าการโจมตีอิหร่านโดยตรงไม่น่าจะเกิดขึ้นหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรสำคัญอย่างสหรัฐ ดังนั้นอิสราเอลน่าจะหันไปใช้การโจมตีแบบลับๆ อาทิ การโจมตีแบบกำหนดเป้าหมายโดยมุ่งเน้นไปที่ผู้บัญชาการอาวุโสของอิหร่าน หรือกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนโดยอิหร่านในประเทศอื่น หรือการโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า
 
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าอิหร่านจะตอบโต้กลับอย่างไรหากอิสราเอลทำการโจมตีซ้ำ แต่หากพิจารณาถึงความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาค การคำนวณผิดของทั้งสองฝ่ายมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดสงครามขึ้นในภูมิภาค
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่