ลาออกจาก "ชีวิตในเมือง" เพื่อพบความสุขจาก "ชีวิตติดดิน" [Part 4]

สืบเนื่องจาก เคยเล่าประสบการณ์ชีวิตที่ลาออกจากงานเมื่อปี 59 เพื่อมาอยู่ที่ดอยเต่า
ผ่านมาเกือบจะ 10 ปี .. มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย อยากเล่าต่อค่ะ 😊😊
Part 1
Part2
Part3
อ่านจบ ต่อ >>Part 5 การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่

สรุป ผ่านมาเกือบจะ 10 ปี บ้านดินยังไม่เสร็จนะคะ แต่กระต๊อบดินที่สร้างยังอยู่ดี ขยายใหญ่ขึ้นเยอะเลยค่ะ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 60-61 ก็ยังคงเป็นผู้ช่วยนักวิจัยบนดอย ติดตามเขาไปทำงาน กัลยาเอย-แม่แจ่มเอย
แม่จันใต้เชียงรายที่เป็นต้นกำเนิดกาแฟ "อาข่า อามา" ที่หลายคนคงคุ้นหูดี 
ได้เรียนรู้อะไรเยอะมากค่ะ กับอาชีพที่เราได้ทำนี้ สถานที่ ผู้คน ประเพณี วิถีชีวิต

หลังจากนั้นก็มีงานใหญ่ คือสร้างห้องสมุดให้น้องๆ ที่ ศูนย์การเรียนรู้หญ้าแพรกสาละวิน แม่ฮ่องสอน เป็น 2 อาทิตย์ที่ไม่มีสัญญาณมือถือ
อยู่กับป่า แมลง สายลม ผู้คน แบบเต็มที่จนเสร็จ
ลืมบอกไปว่า ไปกับน้องๆที่เทคโนตีนดอย (ม.ราชมงคลล้านนา) ณ ปัจจุบันน้องๆบางคนแต่งงานมีลูกไปแล้ว 🤣🤣 กว่าจะได้มาเล่าก็นานมากจริงๆค่ะ

จะเล่าว่าฝรั่งที่อยู่ในรูป เราเจอกันโดยบังเอิญ .. ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมชีวิตถึงเจอแต่เรื่องตื่นเต้นตลอดเวลา
ก่อนหน้าจะมาทำห้องสมุดที่นี่ ได้นั่งรถไฟฟรี จาก เชียงใหม่ - หัวลำโพง ไปสอบใบประกอบวิชาชีพมา ไปๆมาๆคนเดียวเกือบ 2-3 รอบ จนผ่านได้ใบมา
แต่ ตั๋วรอบสุดท้ายที่จะกลับเชียงใหม่ กำลังนั่งรอรถไฟ มีฝรั่งเดินมาถามทาง เลยได้นั่งคุยกันสักพัก ขอ contact กัน
เอ่ยปากชวนคุณฝรั่งไปวันนั้น ก็ไม่คิดว่าเขาจะสนใจและตามมาหาถึงเชียงใหม่ เพื่อมาช่วยสร้างห้องสมุดให้น้องๆในครั้งนี้ด้วย
ลืมบอกไปค่ะ เขาชื่อ คริสติน่า และน่ารักมากๆ กลายเป็นมิตรภาพแบบ งงๆ ขึ้นจากสถานีรถไฟในวันนั้น

______________________________________________________________________
ชีวิตก็ยังเรื่อยๆค่ะ พอดีรับฟรีแลนส์ทำบูธให้เครือเซนทรัลเวลามีงานออกบูธขายของ จะบอกว่าเงินดีมากค่ะ แบ่งเก็บได้เป็นก้อน เหลือไว้ใช้ที่ดอยเต่าเดือน 3,000 เอาจริงๆ มันเพียงพอสำหรับเรา 2 คน (เฉยเลย) ตั้งใจเก็บเงิน 1 ก้อน

แฟนเลยพูดมาประโยคนึงว่า " เราควรจะทำร้านเพื่อเก็บเงินก่อนที่จะทำบ้านนะ" ประโยคเปลี่ยนชีวิตอีกแล้ว 😀😀
หลังจากประโยคนั้นจบ อยู่ดีๆก็มีคนโทรมาขาย "หลองข้าว" ในภาษาเหนือ ถ้าภาษาทั่วไปน่าจะเรียกว่ายุ้งข้าว
แต่ความพิเศษคือ เสาใหญ่ คานใหญ่ สวยตามแบบฉบับของภาคเหนือ

ก็ได้ไปซื้อมาเก็บไว้ ไปรื้อเองขนเองกับแฟนและเพื่อนเขา 2-3 คน ทำเรื่องขนย้ายไม้จากในเมืองมาดอยเต่า 135 กิโล
ขน 2 รอบ รถ 2 คัน ... เหนื่อยค่ะ แต่สู้ !! 
ใครขายอะไรเล็กๆน้อยๆก็เก็บมาเป็นปีๆ เลยตัดสินใจ "สร้างร้าน" 
เริ่มจากการ วางผัง ตีผัง ขุดหลุม เทตอม่อ มัดเหล็ก เทเสา

และเช่นเคย เราไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะจ้างใครได้นอกจาก ช่างเชื่อมเหล็ก เรียกว่า 70% ทำกันเอง 2 คน แฟนหนักหน่อยค่ะ มัดเหล็ก วางผัง ขุดหลุม เทตอม่อ เทเสา ตั้งเสาไม้ บลาๆ ก็ยังมีความโชคดีที่เพื่อนๆและเด็กๆที่ดอยเต่าแวะเวียนมาช่วยเหลือกัน ซึ่งทุกคนที่มาไม่ได้หวังเงินเป็นสิ่งตอบแทน
แต่เขาอาจจะหวังว่า อยากเห็นเพื่อนทำในสิ่งที่รัก เขาก็มาช่วย 😊

ตอนแรกโดนคนว่าบ่อยมากค่ะ "ร้านอยู่ในหลืบใครจะมากิน" "ทำทำไมทำไมไม่เอาเงินไปทำอย่างอื่นที่ดีกว่านี้" อ่ะ ไม่เป็นไร เราอยากทำ ก็ทำต่อไป
ไม่ได้สนใจคำพูดคนอื่นสะเท่าไหร่ เพราะพื้นที่เราอยู่ในนี้ เราไม่มีทุนจะไปเช่าตึกติดถนน
ก็เลยสร้างในนี้แหละ ให้กลายเป็นบ้านและร้านไปเลย สบายใจ~

ต่อมาเริ่มขึ้นโครงผนัง หลังคา ตกแต่ง ขัดพื้น ทาเคลือบพื้น ก็ยังทำกัน 2 คน 

ตอนแรกแฟนจะทำเป็นร้านนม เราเองไม่ค่อยเห็นด้วย อยากทำร้านกาแฟ เพราะเขาดื่มกาแฟทุกวัน
คิดง่ายๆ ไม่ต้องไปซื้อเขากิน อยากกินเท่าไหร่ก็ชงกินที่บ้านนี่แหละ เต็มที่!!

สมัยนั้นร้านกาแฟยังไม่บูมเท่าทุกวันนี้(ปี 67) ตอนนั้นร้านใหญ่ๆในดอยเต่าน่าจะมีแค่ร้าน 2 ร้านที่เป็นกาแฟสด
พอจะเปิดร้านกาแฟ มีใครไม่รู้ทักมาขายเครื่องชงกาแฟ 55 ตัดสินใจนานมาก เพราะราคาก็ค่อนข้างสูง แต่สุดท้ายก็ซื้อค่ะ 555

เมื่อเครื่องชงกาแฟมา สูตรมีแล้ว หาเมล็ดมาลองกัน กว่าจะได้ก็ตาค้างกันไปหลายวัน
แรกๆขายปังชีสอย่างเดียวเลยค่ะ เพราะแฟนทำไฟไว้แค่จุดเดียว .. ค่อยๆเพิ่มจุดจ่ายไฟ กับเครื่องใช้ไฟฟ้าไปทีละอย่าง
ค่ะฟังไม่ผิด ทำร้านเอง ทำไฟเอง ตกแต่งเอง เดี๋ยวจบ Part นี้จะบอกราคาที่เราสร้างกันเองแบบแทบจะไม่ได้จ้างว่าจะหมดไปเท่าไหร่

เริ่มเปิด ลูกค้าที่มาแรกๆก็คงไม่พ้นเพื่อนฝูงนี่แหละค่ะที่มาอุดหนุนให้กำลังใจกัน ส่วนคนที่มาช่วยเรา ให้ทานฟรีบ้าง ลดแลกแจกแถมไปบ้าง
เพราะตอนเขามาช่วยเราก็ไม่มีอะไรให้เลยนอกจากขนมบ้างข้าวบ้าง น้ำเก๊กฮวยมีฟองบ้าง .. แต่ทุกคนสุขใจ😊
พร้อมจะดูบรรยากาศตอนเปิดร้านรึยังคะ ... ไปดูกันเล้ยยยยย


หยิบจับอะไรได้ก็เอามา diy กันในแบบฉบับคนงบน้อยแบบเรา 😆😆😆
บรรยากาศดีมาก เสียงตอบรับดี ใช้วัตถุดิบที่ดีมาก สั่งมาแทบทุกอย่าง
ราคาแอบแรงกว่าร้านอื่นๆ เพราะต้นทุนวัตถุดิบเราด้วย
คิดง่ายๆให้อยู่แบบสบายใจคือ "ขายได้น้อยได้มากหรือไม่ได้เลยไม่เป็นไร เพราะเราได้ อยู่บ้าน"

การอยู่บ้านและเปิดร้านไปด้วยในครั้งนี้ งบรวมซื้อหลองข้าว อยู่ที่ราวๆ 120,000 หลองข้าวเอาไปแล้ว 18,000
และใช้เวลาในการสร้าง 1 ปีเต็ม ด้วยกายและใจของเราสองคน พร้อมกันเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่แวะเวียนมาช่วยเหลือกัน
Part นี้ขอจบแบบยิ้มๆ กับบรรยากาศร้านไปก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อกันอีก เรื่องเล่าเยอะมากจริงๆ
เอ้อ ชื่อร้านเรา " Bandin in the Doi" เสริทใน google ขับรถมาถึงแน่นอน
ใครมาดอยเต่าไม่มีที่พัก ทักมาได้นะคะ ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ 😊😊

Facebook page : Bandin in the Doi
ไปต่อ >> Part 5 🌈🌈
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่