คือผมเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล(บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งคำแปลเป็นไทยว่า"สัญญา") ผ่อนจ่ายครั้งสุดท้ายท้ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 และหยุดจ่ายไปเลย จนเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 เจ้าหนี้ได้ทำการหักเงินอัตโนมัติในบัญชีออมทรัพย์ 1,200 บาท และหักค่าธรรมเนียมการหักเงินอัตโนมัติ 10 บาท ต่อมาวันที่ 3 เมษายน 2567 ทางเจ้าหนี้ก็ได้มีการหักเงินอัตโนมัติในบัญชีอีก 1,200 บาท และ ค่าธรรมเนียมการหักเงินอัตโนมัติ 10 บาท โดนหักเงิน 2 วันติด ตอนที่ถูกหักเงินครั้งแรก มีเงินในบัญชีอยู่ประมาณ 4,600 บาท  โดนหักเงินพร้อมค่าธรรมเนียม 2 วันติดเป็นเงิน 2,420 บาท จึงโทรไปสอบถามทางธนาคารเจ้าของบช. เจ้าหน้าที่บอกว่าทางธนาคารได้รับเอกสารจากทางบริษัทเจ้าหนี้ให้ทำการหักเงินอัตโนมัติ ให้ทางผมติดต่อกับทางเจ้าหนี้โดยตรงครับ  ผมจึงได้โทรไปคุยกับบริษัทของเจ้าหนี้ตั้วแต่วันที่ถูกหักเงินในวันแรก ทางคอลเซ็นเตอร์ได้โอนสายไปยังแผนกที่เกี่ยวข้อง รออยู่พักใหญ่ทางคอลเซ็นเตอร์ได้แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายฯ ติดสายลูกค้าท่านอื่นอยู่ จะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อมาภายหลัง รอสายทั้งวันก็ไม่มีใครติดต่อมา จนสายๆ วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ได้โทรมา จึงได้สอบถามเรื่องการหักเงินในบัญชี ว่าทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ทางเจ้าหน้าที่ตอบว่า ทำได้เพราะ ในสัญญากู้มีรายละเอียดแจ้งไว้ ว่าหากลูกหนี้ ไม่มีการจ่ายชำระหนี้ ทางบริษัทสามารถหักเงินในบัญชีขิงลูกหนี้ได้ ผมจึงบอกไปว่า หนี้สินเชื่อหรือบัตรของที่อื่นๆ ที่ผมเป็นหนี้อยู่ จะมีเจ้าหนี้โทรมาคุย และตกลงกันก่อน บางที่ผมก็ผ่อนจ่ายทุกๆ เดือน  และบางที่เสนอปิดยอดโดยลดยอดให้ จาก เงินต้น 75,000 ผมปิดบัญชีไปด้วยยอดที่บริษัทเสนอให้ที่ 2 หมื่นกว่าบาท (จนปัจจุบันปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 2 บัญชี)ย เหลือแต่ของที่นี่ที่เดียวยอดหนี้เงินต้น 34,118 บาท ดอกเบี้ยอีก 31,879 ซึ่งเคยทราบมาว่าการที่เจ้าหนี้จะสามารถยึดทรัพย์ของลูกหนี้ได้ ต่อเมื่อลูกหนี้ถูกฟ้องต้องขึ้นศาล แต่ไม่ไปศาล มีการสืบทรัพย์ และกรมบังคับคดีทำการยึดทรัพย์ หรือหากลูกหนี้ ทำงานมีเงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไปจะถูกหักเงินจากบัญชีเงินเดือน อย่างน้อยลูกหนี้ก็ควรจะทราบก่อนไม่ใช่เหรอครับ (ผิดถูกอย่างไรขออภัยด้วยนะครับ) ซึ่งผมว่างงานตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน ไม่มีเงืนเดือนประจำ มีรายได้จากการค้าขายเล็กๆ น้อยเจ้าหนี้สามารถหักเงินในบัญชีของเราได้ด้วยเหรอครับ จึงอยากขอสอบถามความรู้จากพี่ๆ เพื่อนๆ สมาชิกหน่อยครับ