เรื่องของเรื่องคือเรารู้ตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะว่าแม่เรามีโรคประจำตัว แต่ตอนนั้นยังเด็กมากๆเลยไม่ได้ใส่ใจ เราไปรับคุณแม่หลังจากหาหมอกับคุณตาทุกครั้งที่แม่ไป จนคุณตาเสียเราไม่เคยเห็นแม่ไปหาหมออีกเลย..จนตอนนี้เราอายุ19จะย่าง20 จู่ๆแม่ก็มีอาการไอเรื้อรัง ผอมลงมากๆในปากมีฝ้าขาวๆและร้อนๆหนาวๆตอนกลางคืน เราปิดเทอมกลับมาตกใจมากเลยกล่อมแม่ไปหาหมอค่ะ เราร้องไห้ทุกวันเพราะทั้งชีวิตนี้แม่คือโลกทั้งใบของเรา เราไม่อยากให้แม่ป่วยเป็นอะไรเราแพนิคมากๆค้นหาในอินเตอร์เน็ตทุกวัน ว่าอาการของแม่ใกล้เคียงกับโรคอะไรบ้าง จนตัดช้อยได้คือ มะเร็งปอดกับวัณโรคปอดเราแพนิคกว่าเดิมอีกค่ะ เพราะไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลย ณ ตอนนั้นคิดว่าวัณโรคก็ได้ มันยังรักษาหาย เราคิดไปต่างๆนาๆกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืน ตนแม่ยอมไปโรงพยสบาลกับเราค่ะ คุณหมอซักอาการต่างๆก็สงสัยว่าเป็นวัณโรคปอด แต่เขาบอกว่าต้องไปตรวจhivก่อน ก็ไปตรวจกัน เรากลัวมากๆเพราะไม่เคยคิดถึงhivเลย ตรวจเสร็จมานั่งรอจนผลเลือดออกแต่พยาบาลบอกว่าให้ไปตรวจเพื่อคอนเฟิร์มอีกครั้ง ตอนนั้นเราเหมือนโลกหยุดหมุนเลยเพราะนั่งอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ hiv มา2-3ชม. และใช่ค่ะผลเป็นบวก คุณหมอบอกว่าโรคนี้มันติดได้แค่ไม่กี่ทาง และมีเรื่องเพศสัมพันธ์ด้วย จนเราเอะใจเพราะคุณแม่หย่ากับคุณพ่อไป20กว่าปีได้แล้ว และไม่เคยมีอะไรกับใครเลย สิ่งนี้มันทำให้แม่สารภาพออกมาต่อหน้าเราว่า เคยเป็นhivแล้วรักษามาตลอดจนหยุดการรักษามา6ปี (ซึ่งไทม์ไลน์มันก็คือช่วงที่คุณตาป่วยหนักและเสียชีวิตพอดี) ความรู้สึกเราตอนนั้นเหมือนฟ้าผ่ากลางอกเลยค่ะ พยายามที่จะกลั้นน้ำตาให้มากที่สุดเพราะเราทราบดีว่าโรคนี้มันไม่มีวันหายและต้องกินยาต้านโรคไปเรื่อยๆมันเหมือนโลกทั้งใบพังลงมาต่อหน้าเลย แต่เราก็พยามจะเข้มแข็งและพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลเรื่อยๆ เราอยากให้แม่อยู่กับเราให้ได้นานที่สุด ได้เห็นเรารับปริญญาหรือประสบความสำเร็จในชีวิต ตอนนี้เรากลัวมากๆกลัวโรคมันลาม อ่อและที่สำคัญคือมันทำให้เรารู้ว่าแม่หย่ากับผู้ชายคนนั้นทำไม และทำไมครอบครัวเราถึงแอนตี้ผู้ชายคนนั้นมากๆ เพราะมันคือคนที่ทำให้แม่เราต้องได้รับโรคนี้ ทำให้เราต้องรับความเสี่ยง เราไม่ขอนับเป็นพ่อค่ะ มันอาจจะดูอกตัญญูแต่เราเกลียดเกลียดที่แพร่เชื้อมาหาแม่เรา
แม่เป็นโรคบางอย่างแต่ปกปิดเรามาเกือบ20ปี