เมื่อก่อนต้องไว้ในรถ ตอนนี้สะพานหลังได้แล้ว
เพิ่มเติมข้อมูล อุปกรณ์ “stingray” เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ปลอมเสาสัญญาณและส่ง sms ให้กับผู้เสียหาย ปกติจะถูกใช้กรณีเกิดภัยพิบัติที่สัญญาณมือถือไม่สามารถใช้การได้ เป็นช่องทางสื่อสารถึงผู้ประสบภัย หรือใช้ในหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาในการดักรับข้อมูล เนื่องจากเป็นเสาสัญญาณที่มีขนาดเล็กสามารถหลอกให้มือถือในพื้นที่มาเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณดังกล่าวได้ มันสามารถตั้งค่าชื่อผู้ส่งเป็นหน่วยงานต่างๆได้ ตอนนี้อุปกรณ์ชนิดดังกล่าวเข้ามาในไทยจำนวนมาก และยังพบว่าถูกใช้ในการส่งลิงก์เว็บไซต์พนันออนไลน์อีกต่างหากด้วย... สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/articles/2356774/
ตำรวจไซเบอร์ บุกรวบ 2 หนุ่มฮ่องกง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางห้างดัง แบกเครื่องส่งสัญญาณ SMS แนบลิงก์ปลอม หลอกดูดเงินเหยื่อ
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 9 เมษายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ, พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, นายวิสิฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการส่วนงานองค์กรสัมพันธ์ AIS และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลจับกุมนายไทลอยส์ (MR.TAI LOI) อายุ 43 ปี และนายมันลุคลี (MR.MAN LOK LEE) อายุ 25 ปี สัญชาติฮ่องกง
พร้อมด้วยของกลางเครื่องจำลองสถานี (False Base Station) แบบพกพา หรือเครื่องสตริงเลย์ หรือปลากระเบน จำนวน 1 ตัว โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กทม.
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่
ได้รับการประสานงานทาง ais monitor ว่ามีคนร้ายส่งข้อความไปยังผู้ใช้บริการเครือข่าย ระบุว่า แจ้งบัญชีสะสมคะแนนกำลังจะหมดอายุ ที่ใช้เข้าไปกดแลกสินค้า หรือแลกของสมนาคุณ และหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัว บัตรเครดิต ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อก็จะกดลิงก์เข้าไปที่หน้าเว็บที่คนร้ายสร้างขึ้นมาและกรอกข้อมูลเข้าไป คนร้ายก็จะดูดเงินออกไปจนเกลี้ยงบัญชี
นอกจากนี้ยังพบข้อความในลักษณะต่างๆ จำนวนมากที่ใช้ในการหลอก ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก
หลังรับแจ้งชุดสืบสวนทำการตรวจสอบและถอดแผนพฤติกรรม กระทั่งพบว่าคนร้ายได้มีการใช้เครื่องสตริงเลย์ ในการส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วส่งข้อความแนบลิงก์ปลอม ต่อมาได้ตรวจพบความเคลื่อนไหวได้ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงก็พบผู้ต้องหาทั้งสองคนในลักษณะต้องสงสัยมีการสะพายกระเป๋าเดินวนไปมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอทำการตรวจสอบ ก็พบเครื่องสตริงเลย์ จำนวน 1 เครื่อง ผลิตจากประเทศมาเลเชีย ก่อนนำตัวไปตรวจค้นที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางรัก กทม. พบแบตเตอรี่สำรอง 1 เครื่องจึงทำการตรวจยึดไว้
ทั้งนี้จากข้อมูลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า มิจฉาชีพจะนำเครื่อง "สตริงเลย์" สะพายไปยังสถานที่ต่างๆ ก่อนส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วส่ง SMS แนบลิงก์ปลอม ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง บช.สอท.เคยจับกุมได้ โดยครั้งนั้นเครื่องสตริงเลย์จะมีแบตเตอรี่ ทำหน้าที่ชาร์จไฟอุปกรณ์, คอมพิวเตอร์ เพื่อป้อนข้อความเข้าระบบ ก่อนจะส่งเข้ามือถือประชาชน ซึ่งจะถูกติดตั้งโปรแกรมมาแล้ว, กล่องเสาสัญญาณ เพื่อปล่อยสัญญาณ และอุปกรณ์สำคัญ คือ IMSI-catcher หรือ เสาส่งสัญญาณแบบพกพา แต่จากการจับกุมในครั้งนี้พบว่าคนร้ายมีพัฒนาแผนประทุษกรรม โดยนำเครื่องสตริงเลย์เชื่อมต่อมือถือแทนคอมพิวเตอร์ตระเวนไปตามเป้าหมายหลัก เช่น ย่านชุมชน ตลาด หรือห้างสรรพสินค้า เพราะกลุ่มคนที่จับจ่ายซื้อของ มักจะใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและยากต่อการติดตาม โดยสามารถส่งข้อความได้ 2-3 หมื่นเลขหมาย ในระยะ 1 กม. อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะทำการส่งของกลางให้กับทาง บก.ตอท.เพื่อทำการพิสูจน์ทราบต่อไป
จากการสอบสวนทั้งสองให้การว่า เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนและเพื่อน ได้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศมาเลเซีย จากนั้นได้รู้จักกับชายคนหนึ่งไม่ทราบสัญชาติ ชื่อว่า อาเคน และได้มีการพูดคุยกันว่าจะเดินทางมาท่องเที่ยวต่อที่ประเทศไทย ซึ่งอาเคนได้บอกว่าหากถึงประเทศไทยให้ติดต่อมาหา จากนั้นตนและเพื่อนได้เดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ผ่านด่านพรมแดนสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อมาถึงที่กรุงเทพฯ ก็ได้มีการพูดคุยกับนายอาเคน ก่อนที่อาเคนจะให้ไปรับสิ่งของลักษณะเป็นกระเป๋าเป้ที่บริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ โดยมีคนไทยไม่ทราบชื่อมาส่งมอบให้ ซึ่งตนไม่ทราบว่าภายในกระเป๋าดังกล่าวมีสิ่งของอะไร ทราบแต่เพียงว่านายอาเคนบอกว่า หากไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ให้สะพายไปด้วย โดยก่อนหน้านี้ได้สะพายไปตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ จำนวนสามจุด ประกอบไปด้วยเซ็นทรัลเวิลด์ ไอคอนสยาม ก่อนที่ทำมาถูกจับกุมที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน
เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม"
พล.ต.ท.วรวัฒน์ ฝากเตือนประชาชนว่า ทางมิจฉาชีพจะใช้การส่งข้อความหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ผ่านระบบสัญญาณ 2 จี เท่านั้น ควรเข้าไปตั้งค่าในมือถือปิดกั้นการรับสัญญาณ 2 จี ก็ไม่สามารถรับข้อความจากมิจฉาชีพได้ และควรตรวจสอบข้อความที่ได้รับให้แน่ชัดก่อนจะดำเนินการในส่วนอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
Cr.
https://www.thairath.co.th/news/crime/2777276
รวบ 2 หนุ่มแก๊งคอลฯ กลางห้างพารากอน แบกเครื่องส่งสัญญาณ SMS หลอกดูดเงินเหยื่อ
เพิ่มเติมข้อมูล อุปกรณ์ “stingray” เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ปลอมเสาสัญญาณและส่ง sms ให้กับผู้เสียหาย ปกติจะถูกใช้กรณีเกิดภัยพิบัติที่สัญญาณมือถือไม่สามารถใช้การได้ เป็นช่องทางสื่อสารถึงผู้ประสบภัย หรือใช้ในหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาในการดักรับข้อมูล เนื่องจากเป็นเสาสัญญาณที่มีขนาดเล็กสามารถหลอกให้มือถือในพื้นที่มาเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณดังกล่าวได้ มันสามารถตั้งค่าชื่อผู้ส่งเป็นหน่วยงานต่างๆได้ ตอนนี้อุปกรณ์ชนิดดังกล่าวเข้ามาในไทยจำนวนมาก และยังพบว่าถูกใช้ในการส่งลิงก์เว็บไซต์พนันออนไลน์อีกต่างหากด้วย... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/articles/2356774/
ตำรวจไซเบอร์ บุกรวบ 2 หนุ่มฮ่องกง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางห้างดัง แบกเครื่องส่งสัญญาณ SMS แนบลิงก์ปลอม หลอกดูดเงินเหยื่อ
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 9 เมษายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ, พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, นายวิสิฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการส่วนงานองค์กรสัมพันธ์ AIS และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลจับกุมนายไทลอยส์ (MR.TAI LOI) อายุ 43 ปี และนายมันลุคลี (MR.MAN LOK LEE) อายุ 25 ปี สัญชาติฮ่องกง พร้อมด้วยของกลางเครื่องจำลองสถานี (False Base Station) แบบพกพา หรือเครื่องสตริงเลย์ หรือปลากระเบน จำนวน 1 ตัว โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กทม.
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการประสานงานทาง ais monitor ว่ามีคนร้ายส่งข้อความไปยังผู้ใช้บริการเครือข่าย ระบุว่า แจ้งบัญชีสะสมคะแนนกำลังจะหมดอายุ ที่ใช้เข้าไปกดแลกสินค้า หรือแลกของสมนาคุณ และหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัว บัตรเครดิต ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อก็จะกดลิงก์เข้าไปที่หน้าเว็บที่คนร้ายสร้างขึ้นมาและกรอกข้อมูลเข้าไป คนร้ายก็จะดูดเงินออกไปจนเกลี้ยงบัญชี
นอกจากนี้ยังพบข้อความในลักษณะต่างๆ จำนวนมากที่ใช้ในการหลอก ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก
หลังรับแจ้งชุดสืบสวนทำการตรวจสอบและถอดแผนพฤติกรรม กระทั่งพบว่าคนร้ายได้มีการใช้เครื่องสตริงเลย์ ในการส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วส่งข้อความแนบลิงก์ปลอม ต่อมาได้ตรวจพบความเคลื่อนไหวได้ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงก็พบผู้ต้องหาทั้งสองคนในลักษณะต้องสงสัยมีการสะพายกระเป๋าเดินวนไปมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอทำการตรวจสอบ ก็พบเครื่องสตริงเลย์ จำนวน 1 เครื่อง ผลิตจากประเทศมาเลเชีย ก่อนนำตัวไปตรวจค้นที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางรัก กทม. พบแบตเตอรี่สำรอง 1 เครื่องจึงทำการตรวจยึดไว้
ทั้งนี้จากข้อมูลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า มิจฉาชีพจะนำเครื่อง "สตริงเลย์" สะพายไปยังสถานที่ต่างๆ ก่อนส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วส่ง SMS แนบลิงก์ปลอม ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง บช.สอท.เคยจับกุมได้ โดยครั้งนั้นเครื่องสตริงเลย์จะมีแบตเตอรี่ ทำหน้าที่ชาร์จไฟอุปกรณ์, คอมพิวเตอร์ เพื่อป้อนข้อความเข้าระบบ ก่อนจะส่งเข้ามือถือประชาชน ซึ่งจะถูกติดตั้งโปรแกรมมาแล้ว, กล่องเสาสัญญาณ เพื่อปล่อยสัญญาณ และอุปกรณ์สำคัญ คือ IMSI-catcher หรือ เสาส่งสัญญาณแบบพกพา แต่จากการจับกุมในครั้งนี้พบว่าคนร้ายมีพัฒนาแผนประทุษกรรม โดยนำเครื่องสตริงเลย์เชื่อมต่อมือถือแทนคอมพิวเตอร์ตระเวนไปตามเป้าหมายหลัก เช่น ย่านชุมชน ตลาด หรือห้างสรรพสินค้า เพราะกลุ่มคนที่จับจ่ายซื้อของ มักจะใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและยากต่อการติดตาม โดยสามารถส่งข้อความได้ 2-3 หมื่นเลขหมาย ในระยะ 1 กม. อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะทำการส่งของกลางให้กับทาง บก.ตอท.เพื่อทำการพิสูจน์ทราบต่อไป
จากการสอบสวนทั้งสองให้การว่า เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนและเพื่อน ได้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศมาเลเซีย จากนั้นได้รู้จักกับชายคนหนึ่งไม่ทราบสัญชาติ ชื่อว่า อาเคน และได้มีการพูดคุยกันว่าจะเดินทางมาท่องเที่ยวต่อที่ประเทศไทย ซึ่งอาเคนได้บอกว่าหากถึงประเทศไทยให้ติดต่อมาหา จากนั้นตนและเพื่อนได้เดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ผ่านด่านพรมแดนสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อมาถึงที่กรุงเทพฯ ก็ได้มีการพูดคุยกับนายอาเคน ก่อนที่อาเคนจะให้ไปรับสิ่งของลักษณะเป็นกระเป๋าเป้ที่บริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ โดยมีคนไทยไม่ทราบชื่อมาส่งมอบให้ ซึ่งตนไม่ทราบว่าภายในกระเป๋าดังกล่าวมีสิ่งของอะไร ทราบแต่เพียงว่านายอาเคนบอกว่า หากไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ให้สะพายไปด้วย โดยก่อนหน้านี้ได้สะพายไปตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ จำนวนสามจุด ประกอบไปด้วยเซ็นทรัลเวิลด์ ไอคอนสยาม ก่อนที่ทำมาถูกจับกุมที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน
เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม"
พล.ต.ท.วรวัฒน์ ฝากเตือนประชาชนว่า ทางมิจฉาชีพจะใช้การส่งข้อความหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ผ่านระบบสัญญาณ 2 จี เท่านั้น ควรเข้าไปตั้งค่าในมือถือปิดกั้นการรับสัญญาณ 2 จี ก็ไม่สามารถรับข้อความจากมิจฉาชีพได้ และควรตรวจสอบข้อความที่ได้รับให้แน่ชัดก่อนจะดำเนินการในส่วนอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
Cr. https://www.thairath.co.th/news/crime/2777276