เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.prachachat.net/ict/news-1537336
ดีอีนัด ธปท.-แบงก์ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือ 9 เม.ย. 2567 ดึงข้อมูลจากศูนย์ AOC 1441 ร่วมวิเคราะห์ เร่งปราบเครือข่ายมิจฉาชีพออนไลน์ภายใน 1 เดือน
วันที่ 5 เมษายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายภาคส่วน
โดยกระทรวงจะมีการหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ตัวแทนธนาคารพาณิชย์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลฯ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในวันที่ 9 เมษายน 2567 นี้ เพื่อเร่งดำเนินการขยายผลจับกุมแก๊งอาชญากรออนไลน์ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการจัดการอย่างจริงจังภายใน 1 เดือน
นายประเสริฐกล่าวด้วยว่า เนื่องจากภารกิจเกี่ยวข้องกับหลายส่วนที่ต้องประสานงานกัน อย่างเช่น เรื่องแรก คือ การกวาดล้างแหล่งสัญญาณเถื่อนที่อาชญากรใช้ส่งสัญญาณกลับมาหลอกลวงประชาชน เช่นล่าสุดมีการรื้อสายเคเบิลที่เป็นสายสื่อสารของโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีการลักลอบเชื่อมกับเอกชนรายหนึ่งแล้วลากสายข้ามพรมแดนยาวกว่า 1 กม.
“จากการตรวจสอบแล้วยังมีอีกหลายจุด ส่วนนี้โดยหลักแล้วเป็นภารกิจของ กสทช. ซึ่งจะมีการร่วมมือประสานงานทั้งดีอี กสทช. และดีเอสไอเพื่อกวาดล้างต่อไป”
ทั้งนี้ การต่อสายใต้ดินลอดข้ามพรมแดน อาจต้องปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง กรณีมีสัญญาต่อไปต่างประเทศ อาจเข้าข่ายการกระทำความผิด ในการเอาสัญญาณไปใช้ในการประกอบความผิดในต่างประเทศ
อีกส่วนที่เกี่ยว กสทช. และแบงก์ชาติ-แบงก์พาณิชย์ คือการพยายามตัดตอนซิมม้า-บัญชีม้า ที่เข้าข่ายต้องสงสัยว่าจะถูกใช้โดยมิจฉาชีพ
ซิมม้า ประสานค่ายมือถือที่ดูแลซิมจะต้องทำงานร่วมกับ กสทช. ระงับการใช้ซิมไปแล้ว 7 แสนกว่าซิมที่ไม่มายืนยันตัวตน (ถือครองซิมจำนวนมากกว่า 6 เลขหมายขึ้นไป ต้องไปยืนยันตัวตนใหม่ ไม่เช่นนั้นจะถือว่านำไปใช้ในทางมิชอบ) แต่ยังมีซิมจำนวนมากที่ยังไม่มาแจ้งการครอบครองก็จะดำเนินการตัดวงจรต่อไป
ทั้งซิมการ์ดที่มีพฤติการณ์ผิดปกติ หรือมีอัตราการโทร.สูงถึง 100 ครั้งต่อวัน แม้จะแสดงตนแล้วก็จะมีการสอบทานว่าใช้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าใช้ทำมาค้าขายถูกต้องก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ใช่ก็จะดำเนินการ
ส่วนเรื่องบัญชีม้า จะมีการกำชับแบงก์ชาติ แบงก์พาณิชย์ เรื่องการ “เปิดบัญชีออนไลน์” เพราะมิจฉาชีพส่วนใหญ่นิยมเปิดบัญชีออนไลน์ ดังนั้นหากมีการรายงานเส้นทางการเงินที่ผิดปกติหรือต้องสงสัยว่าเป็นบัญชีม้า เรื่องปิดบัญชีก็ต้องเร็วกว่านี้
การตัดตอนซิมม้าและบัญชีม้า ส่งผลให้การรับจ้างเปิดบัญชีทำได้ยากขึ้น บัญชีม้าเดิมให้ชาวบ้านไปเปิดบัญชีละ 1,500 บาท ตอนนี้ราคาขึ้นไป 15,000 บาท และมีการขยับเป็นนิติบุคคลก็มี ราคากว่า 1.5 แสน ก็ต้องรีบดำเนินการตามกฎหมาย
อนึ่ง จะมีการรวบรวมข้อมูลจากศูนย์ AOC +441 หลังจากดำเนินการมา 5 เดือน ในวันที่ 9 เมษายนนี้ จะให้หน่วยงานต่าง ๆ เอาข้อมูลมาให้เราวิเคราะห์เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน เพื่อนำไปสู่กระบวนการขยายผลและจับกุมแต่ละเคสต่อไป
“การขยายผลจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในบ้านเรามีส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เครือข่ายอยู่ตามตะเข็บชายแดนกัมพูชาและเมียนมา ได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อดำเนินการ พูดคุยตกลงกันในการปราบปรามแล้ว และยังการขยายผลพบว่ามีตัวการใหญ่ในจีนและญี่ปุ่น ส่วนนี้กำลังสืบสวนอยู่”
ดีอี เชิญ ธปท.-แบงก์ หารือ 9 เม.ย.นี้ เร่งปิดบัญชีม้าเร็วขึ้น
https://www.prachachat.net/ict/news-1537336
ดีอีนัด ธปท.-แบงก์ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือ 9 เม.ย. 2567 ดึงข้อมูลจากศูนย์ AOC 1441 ร่วมวิเคราะห์ เร่งปราบเครือข่ายมิจฉาชีพออนไลน์ภายใน 1 เดือน
วันที่ 5 เมษายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายภาคส่วน
โดยกระทรวงจะมีการหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ตัวแทนธนาคารพาณิชย์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลฯ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในวันที่ 9 เมษายน 2567 นี้ เพื่อเร่งดำเนินการขยายผลจับกุมแก๊งอาชญากรออนไลน์ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการจัดการอย่างจริงจังภายใน 1 เดือน
นายประเสริฐกล่าวด้วยว่า เนื่องจากภารกิจเกี่ยวข้องกับหลายส่วนที่ต้องประสานงานกัน อย่างเช่น เรื่องแรก คือ การกวาดล้างแหล่งสัญญาณเถื่อนที่อาชญากรใช้ส่งสัญญาณกลับมาหลอกลวงประชาชน เช่นล่าสุดมีการรื้อสายเคเบิลที่เป็นสายสื่อสารของโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีการลักลอบเชื่อมกับเอกชนรายหนึ่งแล้วลากสายข้ามพรมแดนยาวกว่า 1 กม.
“จากการตรวจสอบแล้วยังมีอีกหลายจุด ส่วนนี้โดยหลักแล้วเป็นภารกิจของ กสทช. ซึ่งจะมีการร่วมมือประสานงานทั้งดีอี กสทช. และดีเอสไอเพื่อกวาดล้างต่อไป”
ทั้งนี้ การต่อสายใต้ดินลอดข้ามพรมแดน อาจต้องปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง กรณีมีสัญญาต่อไปต่างประเทศ อาจเข้าข่ายการกระทำความผิด ในการเอาสัญญาณไปใช้ในการประกอบความผิดในต่างประเทศ
อีกส่วนที่เกี่ยว กสทช. และแบงก์ชาติ-แบงก์พาณิชย์ คือการพยายามตัดตอนซิมม้า-บัญชีม้า ที่เข้าข่ายต้องสงสัยว่าจะถูกใช้โดยมิจฉาชีพ
ซิมม้า ประสานค่ายมือถือที่ดูแลซิมจะต้องทำงานร่วมกับ กสทช. ระงับการใช้ซิมไปแล้ว 7 แสนกว่าซิมที่ไม่มายืนยันตัวตน (ถือครองซิมจำนวนมากกว่า 6 เลขหมายขึ้นไป ต้องไปยืนยันตัวตนใหม่ ไม่เช่นนั้นจะถือว่านำไปใช้ในทางมิชอบ) แต่ยังมีซิมจำนวนมากที่ยังไม่มาแจ้งการครอบครองก็จะดำเนินการตัดวงจรต่อไป
ทั้งซิมการ์ดที่มีพฤติการณ์ผิดปกติ หรือมีอัตราการโทร.สูงถึง 100 ครั้งต่อวัน แม้จะแสดงตนแล้วก็จะมีการสอบทานว่าใช้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าใช้ทำมาค้าขายถูกต้องก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ใช่ก็จะดำเนินการ
ส่วนเรื่องบัญชีม้า จะมีการกำชับแบงก์ชาติ แบงก์พาณิชย์ เรื่องการ “เปิดบัญชีออนไลน์” เพราะมิจฉาชีพส่วนใหญ่นิยมเปิดบัญชีออนไลน์ ดังนั้นหากมีการรายงานเส้นทางการเงินที่ผิดปกติหรือต้องสงสัยว่าเป็นบัญชีม้า เรื่องปิดบัญชีก็ต้องเร็วกว่านี้
การตัดตอนซิมม้าและบัญชีม้า ส่งผลให้การรับจ้างเปิดบัญชีทำได้ยากขึ้น บัญชีม้าเดิมให้ชาวบ้านไปเปิดบัญชีละ 1,500 บาท ตอนนี้ราคาขึ้นไป 15,000 บาท และมีการขยับเป็นนิติบุคคลก็มี ราคากว่า 1.5 แสน ก็ต้องรีบดำเนินการตามกฎหมาย
อนึ่ง จะมีการรวบรวมข้อมูลจากศูนย์ AOC +441 หลังจากดำเนินการมา 5 เดือน ในวันที่ 9 เมษายนนี้ จะให้หน่วยงานต่าง ๆ เอาข้อมูลมาให้เราวิเคราะห์เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน เพื่อนำไปสู่กระบวนการขยายผลและจับกุมแต่ละเคสต่อไป
“การขยายผลจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในบ้านเรามีส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เครือข่ายอยู่ตามตะเข็บชายแดนกัมพูชาและเมียนมา ได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อดำเนินการ พูดคุยตกลงกันในการปราบปรามแล้ว และยังการขยายผลพบว่ามีตัวการใหญ่ในจีนและญี่ปุ่น ส่วนนี้กำลังสืบสวนอยู่”