สงสัยว่าทำไมมนุษย์เราต้องฝืนตัวเอง

_คือช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมสำหรับนักเรียนใช่มั้ยคะ ซึ่งตามที่เราเข้าใจ มันควรจะเป็นเวลาที่เราได้พัก ช่วงปิดเทอมนี้เราอยากนอนหลับเต็มอิ่ม ไม่ต้องฝืนตัวเองตื่นเช้า วันๆนั่งๆนอนๆดูซีรี่ย์ดูอนิเมะแล้วก็หาของกินอร่อยๆกิน มันควรจะเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอคะ ทำไมคนอื่นถึงมองว่ามันแปลก ในเมื่อเวลาที่ต้องเรียนต้องทำงานเราก็ทำเต็มที่ จะขอพักบ้างไม่ได้หรอ วันนี้มีจัดติว A-level ที่โรงเรียนตั้งแต่ 7.30 เราว่ามันเช้าจนคิดว่าต่อให้ไปก็คงไปนั่งสัปหงก ยอมรับว่าขี้เกียจจริงๆ แต่หลังจากทบทวนผลดีผลเสียแล้ว ก็เลยคิดว่า นอนอยู่บ้านดีกว่า เราว่าการติวแค่ 3 ชม.อาจจะได้อะไรบ้างแหละ แต่มันคงไม่คุ้มค่าที่เราต้องยอมง่วง ส่วนเรื่องเงินก็ไม่ต้องเสียดาย เพราะยังไงมันก็ฟรี อ้อ ขอบอกเลยว่าจริงๆอยู่บ้านเราก็เรียนออนไลน์อยู่บ้าง วันละ1-2ชั่วโมง คิดว่าก็พอมีความรู้อยู่ รู้สึกว่าประมาณนี้กำลังสบาย เรียนได้ไม่ฝืนตัวเอง แต่พอแม่เค้ารู้ว่าไม่ยอมไปติวก็โมโหใหญ่เลย บ่นประมาณว่า คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นแล้วหรอ เค้าจัดให้ฟรีทำไมไม่ไป คนอื่นเค้าไปทุกวัน เค้าพยายามมาก ดูตัวเองสิ ทำไมไม่เอาอย่างเค้าบ้าง อะไรอย่างเงี้ยอะ ก็ไม่ได้โกรธอะไรแม่หรอกนะ แค่สงสัยขึ้นมา
_ก็เลยลองมาคิดดู มันจะมีคนประเภทที่ปิดเทอมอ่านหนังสือทุกวัน เค้าว่าถ้าเราอ่านในขณะที่คนอื่นเล่น เราจะแซงหน้าคนอื่นๆไปได้ แต่คำถามคือ การทำแบบนี้มันดีแล้วหรอ ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรอ แล้วทำไมถึงต้องพยายามขนาดนั้น แข่งกันเพื่อให้ได้งานดีๆหรอแล้วดีนี่คือแบบไหน

ต่อจากนี้จะเป็นการบ่นเรื่องราวในชีวิตเรา ไม่มีความสำคัญต่อการตอบคำถามในหัวกระทู้ ใครขี้เกียจอ่านก็ข้ามๆไปเถอะ 
_แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำงานอะไร ทำอะไรถึงจะมีความสุข ตอนเด็กๆประมาณ 11 12 เราเคยวาด webcomic เล่นๆ มีคนอ่านนิดนึง ภาพโคตรทุเรศแต่คนอ่านเค้าก็ยังอุตส่าห์ให้กำลังใจ รู้สึกสนุกนะตอนนั้น แต่ปัญหาคือ ตัวเราเรียนห้องพิเศษวิทย์คณิตอยู่ เรียนสายวิทย์คณิตมาตลอด แล้วก็เรียนห้องคิงมาตั้งแต่ประถม จะให้ไปวาดการ์ตูนเป็นอาชีพหลักก็เสียดายความรู้ที่เรียนมา จะว่าไปเราไม่เคยพยายามสุดตัวสำหรับการสอบเข้าเลย เคยมีคนเล่าว่าเค้าร้องไห้เพราะต้องบังคับตัวเองอ่านหนังสือ เราไม่เคยเข้าใจว่าถ้ามันทุกข์ขนาดนั้น ทำไมไม่พักบ้าง คนเรามีชีวิตเพื่อมีความสุขไม่ใช่หรอ ตอนประถมครูเข้มงวดสุดๆ มีติว onet กับ สอบเข้า ม1 ทุกเช้า เที่ยง เย็น ใครมาสายกว่า 6.30 (บางวันใจดีให้ 7.00) ปิดประตูไม่ให้เข้าไปติว จนกว่าจะติวเสร็จ ปกติเราไปถึงรรประมาณ7.30 นี่ก่อนเข้าแถว 30 นาทีเลยนะ แถมต้องตื่นตั้งแต่ 6.00 โคตรเช้า โคตรง่วง หลังๆมาเราไปประมาณ 6.50-7.00 ตลอด ต้องตื่นตี 5.30 ทุกวันเลยนะเห้ยย ไปถึงก็ได้เข้าไปบ้าง บางวันก็รออยู่หน้าประตู เนื้อหาที่ครูเค้าพูดใส่ไมค์มันก็ได้ยินมาถึงข้างนอก ผ่านหูตลอดมันก็จำได้ซะงั้น ต้องขอบคุณครูเค้า เราถึงสอบเข้ามต้นห้องพิเศษได้ตั้งที่3แน่ะ พอจะเข้าม4ไม่มีคนมาจี้ละ แต่ครูม3ที่รรเค้าออกข้อสอบท้ายบทให้ยากกว่าปกติเพื่อให้เด็กทำข้อสอบแข่งขันได้ สอบท้ายบทคณิตเพิ่มครั้งแรกตกเกือบทั้งห้อง เราผ่านมาได้ฉิวเฉียด จากนั้นก็รู้ซึ้งกว่า ควรจะอ่านหนังสือบ้างนิดๆหน่อยๆ เราก็อ่านมาบางที1วันก่อนสอบ2วันก่อนสอบ สำหรับคณิตอ่านแค่ผ่านๆ แล้วก็ทำโจทย์จากชีทซ้ำเฉพาะข้อที่ต้องใช้เวลาคิด เราลองไปสอบเข้าม4ของmwitจัด รอบแรกจะมีให้เลือกหลายรร เราอยากเข้า KOSEN เพราะรู้สึกว่าการเรียนเค้าดูน่าสนุก uniform ก็น่ารักมีโบว์ด้วย เราเลือกทุกที่ที่ให้เลือกได้ แล้วก็เลือก KOSEN KMUTT ไป ก็ไม่ได้อ่านอะไรเท่าไหร่ เรียนพิเศษแค่วิชาชีวะกับคณิต สอบรอบแรกมา คณิตถือว่าทำได้อยู่ในมาตรฐาน แต่วิทย์นับข้อแล้วได้น้อยกว่าครึ่งไปนิดนึง โคตรน้อย ผลคือ ไม่ติด KOSEN แต่ก็ยังพอติด วมว กับ จภ เอาจิงผลลัพธ์มันไม่ได้ดีอะไรเลยเพราะพวกที่เคยสอบเข้าได้ที่1ที่2ตอนมต้นเค้าติด mwit kvis รอบแรกกันด้วย แถมเพิ่งมารู้ว่าไอ่ที่มีโบว์มัน KMITL ไม่ใช่ KMUTT ก็จ๋อยนิดนึง แต่ไม่ได้อะไรขนาดนั้นเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้พยายามอะไรมาก เราก็รับได้นะ ทีนี้ในเมื่อไม่ได้รรที่หวังก็ไปสอบรอบ2ต่อแบบปลงๆ  ไม่ว่าจะครั้งไหนก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองต้องพยายามจนสายตัวแทบขาดขนาดนั้น เราเลือกไปสอบวมว ข้อสอบคณิตง่ายเกินคาด วิชาอื่นพอแถๆไปได้ แต่อังกฤษนี่สิ สรุปผลออกมาคือติด แต่เราคิดว่า เอ้ยแมํ่ง ถ้าให้อยู่กับคนอื่น 24 ชม เป็นเวลา 365 วัน ในเวลา 3 ปี เราน่าจะสติแตกแน่ๆเพราะเป็นคนเก็บตัวสุดๆ ก็เลยตัดสินใจไม่ฝืนตัวเองอีกเช่นเคย จึงสละสิทธิ์ไป แอบเสียดายอยู่หน่อยๆเพราะวมวเค้าให้เงินเดือน อยากจะมีวาสนาได้จับ PS5 กับเล่น เกมAAA สักครั้งในชีวิต แต่ช่างมัน เลือกไปแล้วทำอะไรไม่ได้ พอมา มปลาย ได้ไปเข้าค่ายสอวนที่โรงเรียนนั้นพอดี ทุก15วันคือต้องเดินไปกลับหอกับโรงเรียน ใช้เวลา10นาทีx2 โคตรเหนื่อย รอบๆโรงเรียนไม่มีอะไรเลย จะสั่งของจากข้างนอกมากิน ค่าส่งก็แพงกว่าค่าอาหารซะละ นี่ยิ่งเป็นคนไม่ชอบออกไปไหนไกลอีก เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่คอนเฟิร์มว่า เออ เราตัดสินใจถูกละ ไม่ได้เงินก็ช่าง แต่ถ้าให้ฝืนตัวเองแบบนี้มันไม่ไหวว่ะ กลับกันวันนึงได้คุยกับเพื่อนที่ไปเรียนที่อื่น หอพักเค้าไม่มีแอร์ด้วยซ้ำ เรียนก็หนัก นางบ่นลงสตอรี่ทุกวัน เราเลยถามว่า ทำไมต้องฝืนขนาดนี้ มันคุ้มแล้วหรอ นางบอกว่าเราไม่เข้าใจอี๊กก บอกว่าอยากออกจากเซฟโซน ลองทำอะไรใหม่ๆ เป็นประสบการณ์ชีวิต เราก็ อ่าๆ ประสบการณ์ก็ประสบการณ์ แต่หลังจากนั้นนางก็บ่นลงสตอรี่ทุกวันว่าอยากลาออก คิดถึงรรเดิมบ้างแหละ

 _เราเข้าใจนะว่าชีวิตมันต้องมีความท้าทายบ้าง อย่างบางคนเคยขี้อาย แต่ชอบร้องเพลง วันนึงเค้าอยากออกจากเซฟโซน ก็เลยไปประกวดร้องเพลง พอเค้าได้ร้องเพลงต่อหน้าคนอื่น เค้าจะมีความสุขและภูมิใจในตัวเอง ต้องมีความชอบและความสุขเป็นตัวผลักดัน แบบนี้มันถึงจะ worth หน่อย แต่บางอย่างก็รู้สึกว่า เป็นการฝืนที่ไม่เกิดประโยชน์ ไม่จำเป็นสำหรับตัวเรา แต่ค่านิยมของสังคมไม่ได้มองเหมือนเรา กลายเป็นว่าเราแปลก ต้องทำเหมือนคนอื่นๆถึงจะถูก ทั้งที่คนเราเลือกที่จะบรรลุเป้าหมายด้วยวิธีการแตกต่างกันได้ มันจำเป็นต้องฝืนตัวเองด้วยวิธีการของคนอื่นหรอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่