[จุดประสงค์ของโพสต์นี้ก้อเพื่อแชร์ประสบการณ์-ข้อเท็จจริงที่ได้รับ เพื่อเเลกเปลี่ยนข้อมูลกับคนที่เคยประสบเหตุการณ์ในทำนองเดียวกัน รวมถึงการเเจ้งเตือนไปยังผู้ใช้บัตรคนอื่นๆ ในการเตรียมตัว-รับมือกับธนาคารเจ้าของบัตรเวลามีปัญหา มิได้มีเจตนาจะดิสเครดิตใครเป็นกรณีเฉพาะ]
ประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว กระเป๋าเงินเราหายที่ต่างประเทศ บัตรเครดิตสองใบและ Travel Card ถูกมิจฉาชีพนำไปใช้
· บัตรเครดิตใบที่ 1 ถูกมิจฉาชีพนำไปรูดใช้ เป็นจำนวนเงิน 1,000 ยูโร (ไม่สำเร็จ)**
· บัตรเครดิตใบที่ 2 ถูกนำไปใช้เป็นจำนวน 14 รายการ จากร้านค้าเดียวกัน จำนวนเงินซ้ำๆกัน และในเวลาต่อเนื่องกัน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 10,025 ยูโร
· ใบที่ 3 เป็นบัตรเงินสด travel card ถูกนำไปรูดใช้ 300 ยูโร (เท่าที่เงินเหลือในบัตร)
หลังจากรู้ตัว เราก็ได้รีบโทรศัพท์ติดต่อ Call Center ของบัตรทั้งสามใบทันทีเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งขอให้อายัดบัตร และล็อคยอดเงินรายการใช้บัตรดังกล่าวไว้ เนื่องจากมิได้มาจากการใช้ของเรา พร้อมทั้งแจ้งขอปฏิเสธการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวทันที และได้ส่งอีเมล์แจ้งมายังธนาคารด้วย หลังจากไปดำเนินการแจ้งความที่สถานีตำรวจ ก็ได้ส่งสำเนาของเอกสารแจ้งความมาให้ธนาคารเจ้าของบัตรทั้งสามใบทันทีเพื่อเป็นหลักฐาน
จากการติดตามผลในเวลาถัดมา(ขณะที่ยังอยู่ต่างประเทศ) ได้ทราบจากศูนย์บัตรใบที่หนึ่งว่า รายการที่มิจฉาชีพได้พยายามนำบัตรไปใช้เป็นจำนวนเงิน 1,000 ยูโรนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากถูกปฎิเสธจากระบบการตรวจสอบของระบบธนาคาร (ตั้งเเต่ Transaction แรก) และยังมีอีเมล์จากธนาคารแจ้งเรื่องยอดการใช้ที่ผิดปรกตินี้ด้วย โดยให้เราตอบกลับว่า Yes เราเป็นผู้ใช้ หรือ No เราไม่ได้เป็นผู้ใช้ “… ท่านไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่ได้เกิดความเสียหายขึ้นกับบัตรของท่านค่ะ..”
ศูนย์บัตรใบที่สอง(ที่ถูกมิจฉาชีพนำบัตรไปใช้ 14 รายการ) ได้แจ้งว่าได้ทำการส่งเรื่องตรวจสอบไปแล้ว แต่มิได้มีแบบฟอร์มอะไรให้เรากรอกข้อมูลหรือเซ็นต์ชื่อ(ในฐานะเจ้าของบัตร) จากการสอบถาม เจ้าหน้าที่แจ้งว่าในเคสของเรา สามารถส่งตรวจสอบได้เลยโดยไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม (?!?)
ศูนย์บัตรของบัตรเงินสด travel card ได้ส่งแบบฟอร์มการขอตรวจสอบ/ปฏิเสธรายการ มาให้เรากรอก เพื่อดำเนินการตรวจสอบการใช้เงินในบัตรที่ถูกใช้ไป
ภายหลังจากกลับถึงประเทศไทย ได้พบว่า ใบเเจ้งยอดชำระของบัตรเครดิตใบที่สอง มีรายการเรียกเก็บเงินในบัตรเครดิตของเราเป็นจำนวนสูงถึงกว่าสี่แสนบาท เนื่องจากได้รวมจำนวนยอด 14 รายการที่ถูกใช้โดยมิจฉาชีพไปด้วย เราจึงได้โทรฯและส่งอีเมล์แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังธนาคารเจ้าของบัตรอีกครั้งว่า ขอปฎิเสธการชำระยอดเงินจำนวนนี้ เนื่องจากได้แจ้งให้ธนาคารทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแจ้งให้ Hold ยอดการใช้ทั้ง 14 รายการรวมถึงได้แจ้งการปฎิเสธการจ่ายเงินดังกล่าวไปแล้วในทันทีตั้งแต่วันเกิดเหตุ
ต่อมาทาง Call Center ของทางธนาคารฯ ได้ตอบกลับมาว่า เราจะต้องรับผิดชอบในการชำระเงินจำนวนนี้ โดยเเจ้งว่าตามกฎของธนาคาร ".. ยอดการใช้เงินก่อนการอายัดบัตร เป็นความรับผิดชอบของเจ้าของบัตร.." และได้เสนอการเยียวยาแต่เพียงว่า สามารถให้เราผ่อนชำระแบบ 0% ได้ 10 งวด ถ้าหากไม่มีการชำระก็จะเริ่มมีการคิดดอกเบี้ยในเดือนถัดไปทันที แต่เราก็ได้ตอบปฎิเสธไป
จากการสืบค้นจากในอินเตอร์เน็ต ทราบว่าเหตุการณ์ในทำนองนี้ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่มีการจัดการจากธนาคารเจ้าของบัตรที่แตกต่างกันไป บ้างก็สามารถเคลียร์กันได้ บ้างก็ต้องมีการฟ้องร้อง ฯลฯ เราจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำจากบทความของ ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยการทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีหน่วยงานนี้) เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบและประสานงานการแก้ไขปัญหากับทางธนาคารอีกทาง
หลังจากผ่านไปสอง-สามวัน ได้รับโทรศัพท์จากคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบ แล้วจะแจ้งกลับมาอีกที ตอนนี้ผ่านไป 10 วันแล้ว ก้อยังไม่ได้รับการติดต่อหรือชี้แจงอะไรจากธนาคาร
เพื่อนๆคนไหนเคยมีประสบการณ์แบบนี้ มาแชร์ข้อมูลกันบ้างนะครับ ผมผิดหวังกับมาตรฐานของธนาคารเจ้าของบัตรใบที่ 2 มาก ขนาดเราผู้เป็นเจ้าของบัตรได้แจ้งเหตุและขอให้ระงับการจ่ายเงินที่มีการใช้จากบัตรเครดิตของเรา(โดยมิจฉาชีพ)แล้ว ก็ยังละเลยและปล่อยให้เกิดความเสียหายกับเราได้ถึงขนาดนี้ เรามั่นใจว่าหลังจากมีการใช้บัตรเครดิต ทางธนาคารเจ้าของบัตรยังคงมีช่วงเวลาในการล็อคยอดการใช้เงินจากบัตรได้ ระบบตรวจสอบของธนาคารเจ้าของบัตรใบที่ 1 ของเรายังสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ธนาคาร(ใหญ่)ของบัตรใบที่ 2 ทำไมถึงทำไม่ได้? หรือว่าละเลย / หละหลวม / จงใจ ฯลฯ ที่จะไม่ทำ??
คุยกับเพื่อนๆหลายคนที่เป็นชาวต่างประเทศ เขาบอกว่าเวลาเกิดเรื่องแบบนี้ ทางธนาคารเขาจะออกมาช่วยเหลือและปกป้องลูกค้าทันที ไม่เคยปล่อยให้เลยเถิดจนเกิดความเสียหายขนาดนี้
เพื่อนๆมีประสบการณ์ดีๆ หรือแย่ๆกับบัตรค่ายไหนกันบ้าง มาแบ่งปันกัน จะได้ช่วยเตือนภัยให้กับคนที่เหลือครับ
แชร์ประสบการณ์ที่ได้รับจากธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต เมื่อได้รับเเจ้งว่าบัตรหายในต่างประเทศ
ประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว กระเป๋าเงินเราหายที่ต่างประเทศ บัตรเครดิตสองใบและ Travel Card ถูกมิจฉาชีพนำไปใช้
· บัตรเครดิตใบที่ 1 ถูกมิจฉาชีพนำไปรูดใช้ เป็นจำนวนเงิน 1,000 ยูโร (ไม่สำเร็จ)**
· บัตรเครดิตใบที่ 2 ถูกนำไปใช้เป็นจำนวน 14 รายการ จากร้านค้าเดียวกัน จำนวนเงินซ้ำๆกัน และในเวลาต่อเนื่องกัน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 10,025 ยูโร
· ใบที่ 3 เป็นบัตรเงินสด travel card ถูกนำไปรูดใช้ 300 ยูโร (เท่าที่เงินเหลือในบัตร)
หลังจากรู้ตัว เราก็ได้รีบโทรศัพท์ติดต่อ Call Center ของบัตรทั้งสามใบทันทีเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งขอให้อายัดบัตร และล็อคยอดเงินรายการใช้บัตรดังกล่าวไว้ เนื่องจากมิได้มาจากการใช้ของเรา พร้อมทั้งแจ้งขอปฏิเสธการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวทันที และได้ส่งอีเมล์แจ้งมายังธนาคารด้วย หลังจากไปดำเนินการแจ้งความที่สถานีตำรวจ ก็ได้ส่งสำเนาของเอกสารแจ้งความมาให้ธนาคารเจ้าของบัตรทั้งสามใบทันทีเพื่อเป็นหลักฐาน
จากการติดตามผลในเวลาถัดมา(ขณะที่ยังอยู่ต่างประเทศ) ได้ทราบจากศูนย์บัตรใบที่หนึ่งว่า รายการที่มิจฉาชีพได้พยายามนำบัตรไปใช้เป็นจำนวนเงิน 1,000 ยูโรนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากถูกปฎิเสธจากระบบการตรวจสอบของระบบธนาคาร (ตั้งเเต่ Transaction แรก) และยังมีอีเมล์จากธนาคารแจ้งเรื่องยอดการใช้ที่ผิดปรกตินี้ด้วย โดยให้เราตอบกลับว่า Yes เราเป็นผู้ใช้ หรือ No เราไม่ได้เป็นผู้ใช้ “… ท่านไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่ได้เกิดความเสียหายขึ้นกับบัตรของท่านค่ะ..”
ศูนย์บัตรใบที่สอง(ที่ถูกมิจฉาชีพนำบัตรไปใช้ 14 รายการ) ได้แจ้งว่าได้ทำการส่งเรื่องตรวจสอบไปแล้ว แต่มิได้มีแบบฟอร์มอะไรให้เรากรอกข้อมูลหรือเซ็นต์ชื่อ(ในฐานะเจ้าของบัตร) จากการสอบถาม เจ้าหน้าที่แจ้งว่าในเคสของเรา สามารถส่งตรวจสอบได้เลยโดยไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม (?!?)
ศูนย์บัตรของบัตรเงินสด travel card ได้ส่งแบบฟอร์มการขอตรวจสอบ/ปฏิเสธรายการ มาให้เรากรอก เพื่อดำเนินการตรวจสอบการใช้เงินในบัตรที่ถูกใช้ไป
ภายหลังจากกลับถึงประเทศไทย ได้พบว่า ใบเเจ้งยอดชำระของบัตรเครดิตใบที่สอง มีรายการเรียกเก็บเงินในบัตรเครดิตของเราเป็นจำนวนสูงถึงกว่าสี่แสนบาท เนื่องจากได้รวมจำนวนยอด 14 รายการที่ถูกใช้โดยมิจฉาชีพไปด้วย เราจึงได้โทรฯและส่งอีเมล์แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังธนาคารเจ้าของบัตรอีกครั้งว่า ขอปฎิเสธการชำระยอดเงินจำนวนนี้ เนื่องจากได้แจ้งให้ธนาคารทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแจ้งให้ Hold ยอดการใช้ทั้ง 14 รายการรวมถึงได้แจ้งการปฎิเสธการจ่ายเงินดังกล่าวไปแล้วในทันทีตั้งแต่วันเกิดเหตุ
ต่อมาทาง Call Center ของทางธนาคารฯ ได้ตอบกลับมาว่า เราจะต้องรับผิดชอบในการชำระเงินจำนวนนี้ โดยเเจ้งว่าตามกฎของธนาคาร ".. ยอดการใช้เงินก่อนการอายัดบัตร เป็นความรับผิดชอบของเจ้าของบัตร.." และได้เสนอการเยียวยาแต่เพียงว่า สามารถให้เราผ่อนชำระแบบ 0% ได้ 10 งวด ถ้าหากไม่มีการชำระก็จะเริ่มมีการคิดดอกเบี้ยในเดือนถัดไปทันที แต่เราก็ได้ตอบปฎิเสธไป
จากการสืบค้นจากในอินเตอร์เน็ต ทราบว่าเหตุการณ์ในทำนองนี้ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่มีการจัดการจากธนาคารเจ้าของบัตรที่แตกต่างกันไป บ้างก็สามารถเคลียร์กันได้ บ้างก็ต้องมีการฟ้องร้อง ฯลฯ เราจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำจากบทความของ ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยการทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีหน่วยงานนี้) เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบและประสานงานการแก้ไขปัญหากับทางธนาคารอีกทาง
หลังจากผ่านไปสอง-สามวัน ได้รับโทรศัพท์จากคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบ แล้วจะแจ้งกลับมาอีกที ตอนนี้ผ่านไป 10 วันแล้ว ก้อยังไม่ได้รับการติดต่อหรือชี้แจงอะไรจากธนาคาร
เพื่อนๆคนไหนเคยมีประสบการณ์แบบนี้ มาแชร์ข้อมูลกันบ้างนะครับ ผมผิดหวังกับมาตรฐานของธนาคารเจ้าของบัตรใบที่ 2 มาก ขนาดเราผู้เป็นเจ้าของบัตรได้แจ้งเหตุและขอให้ระงับการจ่ายเงินที่มีการใช้จากบัตรเครดิตของเรา(โดยมิจฉาชีพ)แล้ว ก็ยังละเลยและปล่อยให้เกิดความเสียหายกับเราได้ถึงขนาดนี้ เรามั่นใจว่าหลังจากมีการใช้บัตรเครดิต ทางธนาคารเจ้าของบัตรยังคงมีช่วงเวลาในการล็อคยอดการใช้เงินจากบัตรได้ ระบบตรวจสอบของธนาคารเจ้าของบัตรใบที่ 1 ของเรายังสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ธนาคาร(ใหญ่)ของบัตรใบที่ 2 ทำไมถึงทำไม่ได้? หรือว่าละเลย / หละหลวม / จงใจ ฯลฯ ที่จะไม่ทำ??
คุยกับเพื่อนๆหลายคนที่เป็นชาวต่างประเทศ เขาบอกว่าเวลาเกิดเรื่องแบบนี้ ทางธนาคารเขาจะออกมาช่วยเหลือและปกป้องลูกค้าทันที ไม่เคยปล่อยให้เลยเถิดจนเกิดความเสียหายขนาดนี้
เพื่อนๆมีประสบการณ์ดีๆ หรือแย่ๆกับบัตรค่ายไหนกันบ้าง มาแบ่งปันกัน จะได้ช่วยเตือนภัยให้กับคนที่เหลือครับ