ประเด็นน่ะ ผมจับใจความได้ ในโหนกระแส เทปที่ออกอากาศหลายวันที่ผ่านมา จำได้ว่าเคสนั้นน่ะ จะเป็นเคสที่ไฟแนนซ์ตามยึดรถหลังจากถอยออกมาจากเต็นท์ได้ไม่กี่วัน มันมีคำพูดหนึ่ง ที่คุณหนุ่มกรรชัยพูดกับเจ๊เจ้าของเต็นท์รถอารามว่า "เจ๊พูดแบบนี้ตรรกะมันเปลี่ยนนะ ถ้าเจ๊พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าต่อไปนี้เต็นท์รถทุกเต็นท์จะสามารถติด GPS เพื่อที่จะให้ไฟแนนซ์มาตามได้"
และทนายแก้วก็พูดขึ้นมาเสริมว่า "คุณไม่มีสิทธิ์ไปติดตั้ง gps ที่รถของเขา เท่ากับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล"
ข้อความที่ยกมา คือข้อความโดยประมาณนะครับ ผมไม่ได้ยกคำพูดทั้งหมดของทั้งสองท่านมา จึงใช้คำว่า "โดยประมาณ" จะเหมาะสมกว่า ป้องกันข้อพิพาท
ซึ่งไอ้คำว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเนี่ย ผมเข้าใจ เพราะมันมีกฎหมาย pdba แล้วไอ้รถคันนั้นน่ะมันก็ไม่ได้ติดแค่ GPS แต่มันติดไมค์โครโฟนดักฟังเสียงด้วย ซึ่งไอ้ตรงนี้ละเมิดชัวร์เรื่องไมโครโฟนเนี่ย แต่เรื่อง GPS ผมว่าเต็นท์รถทุกเต็นท์เขาก็ทำเหมือนกันหมด ทำกันอยู่เป็นปกติแล้วนะครับ ไม่ใช่เพิ่งมามีนะคุณหนุ่ม เต็นท์รถหลายเต็นท์ต่างก็ติดตั้งทุกคันเพื่อป้องกันรถหายหรือขโมยขายชายแดน และอีกอย่างนึงที่ทนายแก้วพูดว่ารถของเขา ผมงงตรงนี้ "มันรถของคนซื้อยังไงก่อน?" ก็ในเมื่อเขาซื้อผ่อนอยู่ ยังเป็นแค่ผู้ครอบครอง ยังไม่ใช่เจ้าของถือว่ายังไม่ใช่ของๆ เขา(คนซื้อผ่อน) นะ
กรณีเนี้ย ผมมองว่า คำพูดดังกล่าว มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับไฟแนนซ์นะ "เรามาพูดถึง GPS กับการซื้อผ่อนล้วนๆ" เลย
เต้นท์รถที่ขายรถ โดยที่รถนั้นเป็นรถของเต็นท์โดยตรง ไม่ได้ติดหนี้หรือพันธะสัญญากับไฟแนนซ์ใดๆ กรณีนี้เต้นท์รถทุกเต็นท์เขามีสิทธิ์ที่จะติดตามรถของเขาในกรณีที่คนผ่อนหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงไม่จ่ายหนี้ เขามีสิทธิ์ที่จะตามไปยึดรถคืน และเขาก็มีสิทธิเป็นอย่างยิ่งที่จะป้องกันรถตัวเองไม่ให้ถูกโจรกรรม ถือเป็นการป้องกันทรัพย์สินโดยชอบ
ในฐานะที่ครอบครัวของทางผมเองก็ทำสหกรณ์แท็กซี่ รถแท็กซี่ที่อู่ทุกคัน ก็ต้องติด GPS หมด เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเอารถเราไปขายชายแดนหรือเปล่า เคยมีอยู่เคสนึงพ่อของสามีผมตามไปถึงด่านเจดีย์สามองค์เลย คนขับแท็กซี่รับงานเหมาลูกค้า ลูกค้าพาไปคาสิโนพม่า เอารถไปจอดตรงด่านเจดีย์สามองค์ รถจะออกชายแดนอยู่แล้ว เห็นใน GPS ออกไปทางชายแดนนี่ใจหายมากต้องรีบตามไปทวง เอาตำรวจไปด้วยนะตอนนั้น สรุปมันไม่ได้เอารถเราไปขาย แต่ลูกค้าเหมาไปคาสิโนและก็จ้างแท็กซี่ให้อยู่เป็นเพื่อน แล้วลูกค้าก็เหมาเป็นรายวันวันละ 3,000 บาทจ่ายเงินทุกวันแต่ต้องอยู่กับเขา 24 ชั่วโมง แล้วรถเราก็ต้องจอดทิ้งไว้อย่างนั้น เอากลับยังไม่ได้เพราะคนขับก็ยังคงจ่ายค่างวดปกติ เคสนี้ผมก็มองว่ามันไม่ได้เป็นการละเมิดคนขับแท็กซี่นะเพราะคนขับถือว่าเป็นลูกจ้างของเรา มีการทำสัญญาถูกต้องในการที่เขาเอารถของเราไปขับ แต่เขาไม่ใช่เจ้าของรถที่จะเอารถเราไปทำไม่ดีไม่ร้ายหรือถอดชิ้นส่วนขายอะไหล่ยังไงก็ได้
เอาตรงๆ นะครับเพื่อป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สิน และเพื่อติดตามรถในกรณีที่ผิดค้างชำระหนี้ เต็นท์รถทุกเต็นท์มีสิทธิ์ที่จะติดตั้ง GPS ในการติดตามตัวรถ แต่คุณหนุ่มกรรชัยพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายร้ายแรง เราไม่ได้พูดถึงเรื่องติดไมโครโฟนแต่คุณหนุ่มและผมตอนนี้กำลังพูดถึงเรื่องการติด GPS ว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม
เราไม่ได้พูดว่าเคสที่ออกรายการ ที่เต้นท์รถนั้นทำกับคนซื้อมันไม่ผิดนะเพราะเต็นท์รถดังกล่าวที่เกิดขึ้นในรายการเท่ากับขายรถเถื่อน อันนี้ก็จริงตามที่คุณหนุ่มพูดเลยส่วนนี้คุณหนุ่มพูดถูกและอีกหลายๆ ส่วนก็ถูกเหมือนกันติดใจแค่ตรงนี้ที่เดียวเท่านั้นแหละ แล้วรถคันนั้นมันเถื่อนจริงๆ
แต่ต่อให้รถไม่เถื่อน เจ้าของรถเจ้าของเต็นท์เขาก็มีสิทธิที่จะตามรถเขาคืนและมีสิทธิที่จะป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินทรัพย์สินนั้น เนื่องประกอบการเป็นสมบัติของเขา คนขับก็คือแค่ผู้ครอบครอง ตามกฎหมายยังไม่ได้เป็นเจ้าของ ดังนั้นก็ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในการจะไปกล่าวหาเต็นท์รถว่าไม่สมควรทำหรือกล่าวหาว่าเต็นท์รถติด GPS ผิดกฎหมาย หรือกล่าวหาว่าเต็นท์รถติด GPS รถโดยไม่ชอบ
เหตุการณ์ในโหนกระแสกรณีไฟแนนซ์ยึดรถ คุณหนุ่มกรรชัยพูดแปลกอยู่อย่างนึง ว่า เต็นท์รถทุกเต็นท์ไม่มีสิทธิ์ติด GPS รถตัวเอง
และทนายแก้วก็พูดขึ้นมาเสริมว่า "คุณไม่มีสิทธิ์ไปติดตั้ง gps ที่รถของเขา เท่ากับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล"
ข้อความที่ยกมา คือข้อความโดยประมาณนะครับ ผมไม่ได้ยกคำพูดทั้งหมดของทั้งสองท่านมา จึงใช้คำว่า "โดยประมาณ" จะเหมาะสมกว่า ป้องกันข้อพิพาท
ซึ่งไอ้คำว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเนี่ย ผมเข้าใจ เพราะมันมีกฎหมาย pdba แล้วไอ้รถคันนั้นน่ะมันก็ไม่ได้ติดแค่ GPS แต่มันติดไมค์โครโฟนดักฟังเสียงด้วย ซึ่งไอ้ตรงนี้ละเมิดชัวร์เรื่องไมโครโฟนเนี่ย แต่เรื่อง GPS ผมว่าเต็นท์รถทุกเต็นท์เขาก็ทำเหมือนกันหมด ทำกันอยู่เป็นปกติแล้วนะครับ ไม่ใช่เพิ่งมามีนะคุณหนุ่ม เต็นท์รถหลายเต็นท์ต่างก็ติดตั้งทุกคันเพื่อป้องกันรถหายหรือขโมยขายชายแดน และอีกอย่างนึงที่ทนายแก้วพูดว่ารถของเขา ผมงงตรงนี้ "มันรถของคนซื้อยังไงก่อน?" ก็ในเมื่อเขาซื้อผ่อนอยู่ ยังเป็นแค่ผู้ครอบครอง ยังไม่ใช่เจ้าของถือว่ายังไม่ใช่ของๆ เขา(คนซื้อผ่อน) นะ
กรณีเนี้ย ผมมองว่า คำพูดดังกล่าว มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับไฟแนนซ์นะ "เรามาพูดถึง GPS กับการซื้อผ่อนล้วนๆ" เลย
เต้นท์รถที่ขายรถ โดยที่รถนั้นเป็นรถของเต็นท์โดยตรง ไม่ได้ติดหนี้หรือพันธะสัญญากับไฟแนนซ์ใดๆ กรณีนี้เต้นท์รถทุกเต็นท์เขามีสิทธิ์ที่จะติดตามรถของเขาในกรณีที่คนผ่อนหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงไม่จ่ายหนี้ เขามีสิทธิ์ที่จะตามไปยึดรถคืน และเขาก็มีสิทธิเป็นอย่างยิ่งที่จะป้องกันรถตัวเองไม่ให้ถูกโจรกรรม ถือเป็นการป้องกันทรัพย์สินโดยชอบ
ในฐานะที่ครอบครัวของทางผมเองก็ทำสหกรณ์แท็กซี่ รถแท็กซี่ที่อู่ทุกคัน ก็ต้องติด GPS หมด เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเอารถเราไปขายชายแดนหรือเปล่า เคยมีอยู่เคสนึงพ่อของสามีผมตามไปถึงด่านเจดีย์สามองค์เลย คนขับแท็กซี่รับงานเหมาลูกค้า ลูกค้าพาไปคาสิโนพม่า เอารถไปจอดตรงด่านเจดีย์สามองค์ รถจะออกชายแดนอยู่แล้ว เห็นใน GPS ออกไปทางชายแดนนี่ใจหายมากต้องรีบตามไปทวง เอาตำรวจไปด้วยนะตอนนั้น สรุปมันไม่ได้เอารถเราไปขาย แต่ลูกค้าเหมาไปคาสิโนและก็จ้างแท็กซี่ให้อยู่เป็นเพื่อน แล้วลูกค้าก็เหมาเป็นรายวันวันละ 3,000 บาทจ่ายเงินทุกวันแต่ต้องอยู่กับเขา 24 ชั่วโมง แล้วรถเราก็ต้องจอดทิ้งไว้อย่างนั้น เอากลับยังไม่ได้เพราะคนขับก็ยังคงจ่ายค่างวดปกติ เคสนี้ผมก็มองว่ามันไม่ได้เป็นการละเมิดคนขับแท็กซี่นะเพราะคนขับถือว่าเป็นลูกจ้างของเรา มีการทำสัญญาถูกต้องในการที่เขาเอารถของเราไปขับ แต่เขาไม่ใช่เจ้าของรถที่จะเอารถเราไปทำไม่ดีไม่ร้ายหรือถอดชิ้นส่วนขายอะไหล่ยังไงก็ได้
เอาตรงๆ นะครับเพื่อป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สิน และเพื่อติดตามรถในกรณีที่ผิดค้างชำระหนี้ เต็นท์รถทุกเต็นท์มีสิทธิ์ที่จะติดตั้ง GPS ในการติดตามตัวรถ แต่คุณหนุ่มกรรชัยพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายร้ายแรง เราไม่ได้พูดถึงเรื่องติดไมโครโฟนแต่คุณหนุ่มและผมตอนนี้กำลังพูดถึงเรื่องการติด GPS ว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม
เราไม่ได้พูดว่าเคสที่ออกรายการ ที่เต้นท์รถนั้นทำกับคนซื้อมันไม่ผิดนะเพราะเต็นท์รถดังกล่าวที่เกิดขึ้นในรายการเท่ากับขายรถเถื่อน อันนี้ก็จริงตามที่คุณหนุ่มพูดเลยส่วนนี้คุณหนุ่มพูดถูกและอีกหลายๆ ส่วนก็ถูกเหมือนกันติดใจแค่ตรงนี้ที่เดียวเท่านั้นแหละ แล้วรถคันนั้นมันเถื่อนจริงๆ
แต่ต่อให้รถไม่เถื่อน เจ้าของรถเจ้าของเต็นท์เขาก็มีสิทธิที่จะตามรถเขาคืนและมีสิทธิที่จะป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินทรัพย์สินนั้น เนื่องประกอบการเป็นสมบัติของเขา คนขับก็คือแค่ผู้ครอบครอง ตามกฎหมายยังไม่ได้เป็นเจ้าของ ดังนั้นก็ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในการจะไปกล่าวหาเต็นท์รถว่าไม่สมควรทำหรือกล่าวหาว่าเต็นท์รถติด GPS ผิดกฎหมาย หรือกล่าวหาว่าเต็นท์รถติด GPS รถโดยไม่ชอบ