*เป็นกระทู้ระบายนะครับ อาจจะยาวและเวิ่นเว้อบ้าง
ขอเกริ่นก่อนว่าเราเป็นผู้ชาย อายุกำลังจะ 30 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ปัจจุบันเราอยู่กับแม่สองคน (แม่หย่ากับสามีและไม่ติดต่อกันแล้ว ส่วนเรายังติดต่อพ่อบ้างเป็นครั่งคราว) ใช้ชีวิตอยู่กันสองคนในคอนโดห้องประมาณ 20 กว่าตารางเมตร (ห้องนี้ก็หลายล้านแล้วนะ เพราะตารางเมตรก็แสนกว่าๆแล้ว และแน่นอนว่าห้องนี้ลูกเป็นคนซื้อ)
และบ้านที่เป็นหลังบนดินจริงๆก็มีเหมือนกัน แม่ไม่อยู่บ้านแต่มาอยู่คอนโดกับเราเพราะว่าเหงา
เราบอกตรงๆว่าเราอึดอัดและไม่มีความสุขเลย หลักๆคือเพราะไม่มีความเป็นส่วนตัวอะไรเลยในชีวิต
เราต้องนอนเตียงเดียวกันกับแม่ทุกคืน แล้วการที่ลูกชายที่โตขนาดนี้แต่ยังต้องนอนกับแม่ทุกคืน คุณว่าเป็นเรื่องปกติมั้ย?
เราพูดเรื่องนี้กับแม่เราหลายรอบมากๆ แม่เราบอกว่าเป็นเรื่องปกติมากที่ลูกชายจะนอนเตียงเดียวกับแม่ เพื่อนแม่เองก็นอนเตียงเดียวกับลูกชายทุกคืนไม่เห็นจะแปลก (จริงมั้ยไม่รู้นะ แสดงความเห็นกันได้)
เราพยายามขอที่บ้านย้ายออกไปอยู่คนเดียวหลายครั้ง
แต่ทุกครั้งที่ขอ แม่จะทำเหมือนเราเป็นลูกอกตัญญู ทำไมมันถึงกล้าทิ้งแม่ที่เลี้ยงมันมาตลอดชีวิตได้ลงคอ
ทำเหมือนเราเป็นลูกที่ชั่วมาก คนที่ทิ้งบุพการีแบบนี้ไม่มีทางเจริญ คือมันเยอะมากจนเราเหมือนเราโดนแม่ตัวเอง gaslight จนเราสงสัยใน value ของตัวเองด้วยซ้ำ
สิ่งที่ตามมาคือเรามีปัญหาเกี่ยวกับ sleep disorder มากๆ เรานอนไม่หลับและไม่ได้นอนติดกัน 7-8 ชั่วโมงมาเป็นปีแล้ว (เราจะนอนประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อคืน คืนละ 2 ครั้ง) เราไม่รู้สาเหตุนะ แต่คิดว่ามันเป็นเพราะความเครียดสะสม ห้องก็เล็กมากแล้ว แล้วชีวิตแทบจะไม่มีพื่นที่ส่วนตัวเลย ความสุขของเราคือการอยู่นอกบ้าน เราไม่อยากอยู่ห้องคอนโดของเราด้วยซ้ำเพราะเรารู้สึกไม่อิสระ จะฟังเพลง จะดูหนังจะทำอะไรมันเห็นกันหมดนะ ห้องมีอยู่แค่นี้
บอกก่อนว่าเราไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เราค่อนข้างมั่นใจในการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของตัวเองนะ มันไม่ได้รายล้นฟ้า แต่ก็ไม่ได้ลำบากและงานก็ยังไม่หนักจนเกินไป เรารายได้หลักแสนต่อเดือน เราส่งให้พ่อและแม่ที่เกษียณแล้วคนละ 15,000 ทุกเดือน ภาษีคือโดนเค็มๆเพราะเป็นมนุษย์เงินเดือน
แต่สิ่งนี้มันก็เหมือนเป็นดาบสองคมต่อเราเอง เพราะแม่เราก็จะอ้างว่าเพราะแม่เลี้ยงมาดีลูกเลยประสบความสำเร็จ แล้วพอมันโตแล้วมันก็ทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียว เป็นสาเหตุที่เราไม่ได้ย้ายออกซักทีเพราะเราจะคิดว่าตัวเองคงเป็นลูกที่เลวมากถ้าจะย้ายออกไปอยู่คนเดียว (แสดงความเห็นได้นะ ว่าเราทัศนคติแบบผิดๆมั้ย)
เราคิดในใจตลอดว่าเราต้องรออีกกี่ปีแม่เราถึงจะไม่ต้องอยู่กับเราแล้ว เราต้องอายุ 40-50 เลยมั้ยถึงจะสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ เราคงเป็นลูกที่เลวมากเนอะที่มีความคิดแบบนี้ เราบอกตรงๆว่าเราคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน (และมันจะโตขึ้นอีกเยอะแน่ตาม corporate ladder) แต่เราไม่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตเลย เพราะเราจะไปไหนก็ไม่ได้ ไปค้างคืนข้างนอกไม่ได้ ไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบค้างคืนก็ไม่ได้ (ถ้าแม่ไม่ได้ไปด้วย) เราไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต เราเบื่อชีวิตของตัวเอง สงกรานต์เราก็ต้องเที่ยวกับแม่เพราะแม่จองตัว 13-15 ถ้าเราปฏิเสธก็จะโดนด่าว่าเป็นลูกอกตัญญู ทำไมทำตัวแบบนี้ ทำไมถึงกล้ามีความคิดแบบนี้ ฯลฯ คือความรู้สึกตอนโดนด่าโดนว่ามันเยอะมากๆ ปากบอกว่ารักเรา อยากให้เราได้ดี แต่เราก็ได้ดีตามที่ว่าแล้วนะ แต่เราไม่มีความสุขเลย
เราคิดว่าหลังสงกรานต์นี้เราจะหักดิบโดยการขนของต่างๆ พวกเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น แล้วไปเช่าคอนโดใหม่แบบไม่บอกแม่ว่าที่ไหนดีมั้ย ถ้าเราทำเราจะเป็นลูกอกตัญญูมั้ย หรือเราเป็นพวกเนรคุณรึปล่าว เป็นการกระทำของพวกที่ชีวิตไม่มีทางเจริญรึปล่าว
เราพยายามออดจากบ้านแต่เช้าทุกวัน กลับบ้านดึกทุกวัน อ้างว่าเลิกงานช้า จริงๆเราไม่ได้เลิกงานช้าหรอก เราอาจจะทำงานอยู่จริงๆ หรืออาจจะไปเที่ยวข้างนอกก็ได้ เพราะเราเกลียดความรู้สึกที่ต้องอยู่ในห้องกับแม่มากๆ
คือห้องไซส์นี้ที่ซื้อไปถ้าอยู่คนเดียวหรืออยู่กับแฟนมันไม่อึดอัดหรอก แต่ถ้าต้องอยู่กับแม่ แล้วเราเป็นผู้ชายด้วย มันโคตรจะอึดอัดเลยนะ
วันไหนถ้าเราไม่รับสาย แม่จะโทรซ้ำเรื่อยๆเป็น 10-20 สาย เราก็เลือกที่จะเมินไม่รับสายแบบนี้เป็นปีๆ โดยเฉพาะปีสองปีหลัง แต่แม่ก็ยังมิสคอลเป็นสิบสายแบบนี้ทุกครั้ง เราอึดอัดแบบบางทีอยากกระโดดตึกหนีปัญหานี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เราก็ฉุกคิดได้ว่าเรายังไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองเลยด้วยซ้ำ เราจะมาตายแบบนี้ไม่ได้ ยิ่ง sex life ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพื่อนผู้ชายเรามีอะไรกับคนอื่นไปไม่รู้ถึงไหนต่อไหนแล้ว เรายังปล่อยเอ๋ออยู่เลย หลายๆอย่างในชีวิตที่มันควรจะได้ทำที่มันน่าสนุก ที่มันเอ็นจอย ได้ไปกับเพื่อนฝูง ได้เปิดหูเปิดตา เรารู้สึกเหมือนเราไม่มีประสบการณ์พวกนั้นเลย เรามีแต่เงินที่ดี (แต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น) มี luxury life style มีของแบรนด์เนม แต่มันไม่ได้ตอบโจทย์ความสุขของเราเลย แค่จะนอนเฉยๆในห้องเรายังอึดอัด พื้นที่ที่เป็นส่วนตัวที่สุดของเราคือห้องน้ำ และตอนที่แม่ไม่อยู่เราจะมีความสุขเป็นพิเศษ แต่ก็ระแวงอยู่ตลอดว่าแม่จะมาตอนไหนก็ได้
(ระบาย) อายุ 27 กำลังจะ 28 แล้ว การที่เราขอย้ายออกไปอยู่คนเดียวมันอกตัญญูมากหรอ
ขอเกริ่นก่อนว่าเราเป็นผู้ชาย อายุกำลังจะ 30 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ปัจจุบันเราอยู่กับแม่สองคน (แม่หย่ากับสามีและไม่ติดต่อกันแล้ว ส่วนเรายังติดต่อพ่อบ้างเป็นครั่งคราว) ใช้ชีวิตอยู่กันสองคนในคอนโดห้องประมาณ 20 กว่าตารางเมตร (ห้องนี้ก็หลายล้านแล้วนะ เพราะตารางเมตรก็แสนกว่าๆแล้ว และแน่นอนว่าห้องนี้ลูกเป็นคนซื้อ)
และบ้านที่เป็นหลังบนดินจริงๆก็มีเหมือนกัน แม่ไม่อยู่บ้านแต่มาอยู่คอนโดกับเราเพราะว่าเหงา
เราบอกตรงๆว่าเราอึดอัดและไม่มีความสุขเลย หลักๆคือเพราะไม่มีความเป็นส่วนตัวอะไรเลยในชีวิต
เราต้องนอนเตียงเดียวกันกับแม่ทุกคืน แล้วการที่ลูกชายที่โตขนาดนี้แต่ยังต้องนอนกับแม่ทุกคืน คุณว่าเป็นเรื่องปกติมั้ย?
เราพูดเรื่องนี้กับแม่เราหลายรอบมากๆ แม่เราบอกว่าเป็นเรื่องปกติมากที่ลูกชายจะนอนเตียงเดียวกับแม่ เพื่อนแม่เองก็นอนเตียงเดียวกับลูกชายทุกคืนไม่เห็นจะแปลก (จริงมั้ยไม่รู้นะ แสดงความเห็นกันได้)
เราพยายามขอที่บ้านย้ายออกไปอยู่คนเดียวหลายครั้ง
แต่ทุกครั้งที่ขอ แม่จะทำเหมือนเราเป็นลูกอกตัญญู ทำไมมันถึงกล้าทิ้งแม่ที่เลี้ยงมันมาตลอดชีวิตได้ลงคอ
ทำเหมือนเราเป็นลูกที่ชั่วมาก คนที่ทิ้งบุพการีแบบนี้ไม่มีทางเจริญ คือมันเยอะมากจนเราเหมือนเราโดนแม่ตัวเอง gaslight จนเราสงสัยใน value ของตัวเองด้วยซ้ำ
สิ่งที่ตามมาคือเรามีปัญหาเกี่ยวกับ sleep disorder มากๆ เรานอนไม่หลับและไม่ได้นอนติดกัน 7-8 ชั่วโมงมาเป็นปีแล้ว (เราจะนอนประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อคืน คืนละ 2 ครั้ง) เราไม่รู้สาเหตุนะ แต่คิดว่ามันเป็นเพราะความเครียดสะสม ห้องก็เล็กมากแล้ว แล้วชีวิตแทบจะไม่มีพื่นที่ส่วนตัวเลย ความสุขของเราคือการอยู่นอกบ้าน เราไม่อยากอยู่ห้องคอนโดของเราด้วยซ้ำเพราะเรารู้สึกไม่อิสระ จะฟังเพลง จะดูหนังจะทำอะไรมันเห็นกันหมดนะ ห้องมีอยู่แค่นี้
บอกก่อนว่าเราไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เราค่อนข้างมั่นใจในการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของตัวเองนะ มันไม่ได้รายล้นฟ้า แต่ก็ไม่ได้ลำบากและงานก็ยังไม่หนักจนเกินไป เรารายได้หลักแสนต่อเดือน เราส่งให้พ่อและแม่ที่เกษียณแล้วคนละ 15,000 ทุกเดือน ภาษีคือโดนเค็มๆเพราะเป็นมนุษย์เงินเดือน
แต่สิ่งนี้มันก็เหมือนเป็นดาบสองคมต่อเราเอง เพราะแม่เราก็จะอ้างว่าเพราะแม่เลี้ยงมาดีลูกเลยประสบความสำเร็จ แล้วพอมันโตแล้วมันก็ทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียว เป็นสาเหตุที่เราไม่ได้ย้ายออกซักทีเพราะเราจะคิดว่าตัวเองคงเป็นลูกที่เลวมากถ้าจะย้ายออกไปอยู่คนเดียว (แสดงความเห็นได้นะ ว่าเราทัศนคติแบบผิดๆมั้ย)
เราคิดในใจตลอดว่าเราต้องรออีกกี่ปีแม่เราถึงจะไม่ต้องอยู่กับเราแล้ว เราต้องอายุ 40-50 เลยมั้ยถึงจะสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ เราคงเป็นลูกที่เลวมากเนอะที่มีความคิดแบบนี้ เราบอกตรงๆว่าเราคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน (และมันจะโตขึ้นอีกเยอะแน่ตาม corporate ladder) แต่เราไม่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตเลย เพราะเราจะไปไหนก็ไม่ได้ ไปค้างคืนข้างนอกไม่ได้ ไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบค้างคืนก็ไม่ได้ (ถ้าแม่ไม่ได้ไปด้วย) เราไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต เราเบื่อชีวิตของตัวเอง สงกรานต์เราก็ต้องเที่ยวกับแม่เพราะแม่จองตัว 13-15 ถ้าเราปฏิเสธก็จะโดนด่าว่าเป็นลูกอกตัญญู ทำไมทำตัวแบบนี้ ทำไมถึงกล้ามีความคิดแบบนี้ ฯลฯ คือความรู้สึกตอนโดนด่าโดนว่ามันเยอะมากๆ ปากบอกว่ารักเรา อยากให้เราได้ดี แต่เราก็ได้ดีตามที่ว่าแล้วนะ แต่เราไม่มีความสุขเลย
เราคิดว่าหลังสงกรานต์นี้เราจะหักดิบโดยการขนของต่างๆ พวกเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น แล้วไปเช่าคอนโดใหม่แบบไม่บอกแม่ว่าที่ไหนดีมั้ย ถ้าเราทำเราจะเป็นลูกอกตัญญูมั้ย หรือเราเป็นพวกเนรคุณรึปล่าว เป็นการกระทำของพวกที่ชีวิตไม่มีทางเจริญรึปล่าว
เราพยายามออดจากบ้านแต่เช้าทุกวัน กลับบ้านดึกทุกวัน อ้างว่าเลิกงานช้า จริงๆเราไม่ได้เลิกงานช้าหรอก เราอาจจะทำงานอยู่จริงๆ หรืออาจจะไปเที่ยวข้างนอกก็ได้ เพราะเราเกลียดความรู้สึกที่ต้องอยู่ในห้องกับแม่มากๆ
คือห้องไซส์นี้ที่ซื้อไปถ้าอยู่คนเดียวหรืออยู่กับแฟนมันไม่อึดอัดหรอก แต่ถ้าต้องอยู่กับแม่ แล้วเราเป็นผู้ชายด้วย มันโคตรจะอึดอัดเลยนะ
วันไหนถ้าเราไม่รับสาย แม่จะโทรซ้ำเรื่อยๆเป็น 10-20 สาย เราก็เลือกที่จะเมินไม่รับสายแบบนี้เป็นปีๆ โดยเฉพาะปีสองปีหลัง แต่แม่ก็ยังมิสคอลเป็นสิบสายแบบนี้ทุกครั้ง เราอึดอัดแบบบางทีอยากกระโดดตึกหนีปัญหานี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เราก็ฉุกคิดได้ว่าเรายังไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองเลยด้วยซ้ำ เราจะมาตายแบบนี้ไม่ได้ ยิ่ง sex life ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพื่อนผู้ชายเรามีอะไรกับคนอื่นไปไม่รู้ถึงไหนต่อไหนแล้ว เรายังปล่อยเอ๋ออยู่เลย หลายๆอย่างในชีวิตที่มันควรจะได้ทำที่มันน่าสนุก ที่มันเอ็นจอย ได้ไปกับเพื่อนฝูง ได้เปิดหูเปิดตา เรารู้สึกเหมือนเราไม่มีประสบการณ์พวกนั้นเลย เรามีแต่เงินที่ดี (แต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น) มี luxury life style มีของแบรนด์เนม แต่มันไม่ได้ตอบโจทย์ความสุขของเราเลย แค่จะนอนเฉยๆในห้องเรายังอึดอัด พื้นที่ที่เป็นส่วนตัวที่สุดของเราคือห้องน้ำ และตอนที่แม่ไม่อยู่เราจะมีความสุขเป็นพิเศษ แต่ก็ระแวงอยู่ตลอดว่าแม่จะมาตอนไหนก็ได้