‘พิธา’ คว้า ‘Popular of the Year 2024’ จาก The People Awards ชนะคะแนนโหวตจากทางบ้าน (คลิป)
https://www.matichon.co.th/politics/news_4496464
‘พิธา’ ได้รางวัล “Popular of the Year 2024″ จาก The People Awards ชนะคะแนนโหวตจากทางบ้าน 48.3% ย้ำพร้อมเป็นสะพานเชื่อมพาทุกคน “go beyond” ให้ประเทศไทยไปข้างหน้า
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ในการประกาศรางวัล The People Awards 2024 ที่จัดขึ้นโดยสื่อออนไลน์ The People นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับการประกาศชื่อเป็นบุคคลผู้ได้รับรางวัล “
Popular of the Year 2024” ในฐานะบุคคลที่ได้รับการโหวตด้วยคะแนนสูงสุดจากประชาชน ซึ่งในโอกาสนี้ นาย
พิธา ซึ่งติดภารกิจ ส.ส. อยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ส่งวีดีโอสปีชมากล่าวขอบคุณและแสดงความรู้สึกต่อการได้รับรางวัลในปีนี้
โดยนาย
พิธากล่าวว่า ตนขอขอบคุณ The People สำหรับรางวัล Popular of the Year ในปีนี้ ซึ่งตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก และขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจให้ได้รับคะแนนอันดับหนึ่งในงานมอบรางวัลของ The People ซึ่งในปีนี้ใช้ธีมว่า “
People Go Beyond” (ผู้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง) ของคนที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ที่สังคมและประเทศถวิลหา หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่โลกและประเทศถวิลหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการ go beyond ทั้งสิ้น
การ go beyond อะไรบางอย่างได้ต้องอาศัยการรับความคิดที่หลากหลายได้ ซึ่งตนปรารถนาที่จะเป็นสะพานเชื่อมสำหรับคนที่อยากจะ go beyond ที่อาจจะต้องเดินทางลำพัง หรือกระทั่งคนที่ไปไกลเกินแล้ว รวมทั้งคนที่ไปถึงแล้วและไม่อยากกลับข้ามมา
แต่ถ้าเราไม่ทำงานร่วมกันแล้ว go beyond ในชั่วโมงที่เราต้องการการเดินทางร่วมกัน สักวันหนึ่งเราทุกคนจะต้องถูกบังคับให้เคลื่อนไปในที่ที่เราไม่ควรไปหรือไม่อยากไป เราต้องมีทั้งความกล้าหาญและประณีประนอมที่จะก้าวข้ามเพื่อสร้างอะไรใหม่ๆ ให้กับสังคม แต่ความอยากก้าวข้ามนั้น หากไม่มีคนไปด้วยกัน เราก็ไม่สามารถ go beyond อย่างมีความหมายกับคนทุกคนได้
“
แต่ละคนย่อมมี border เป็นของตัวเอง แต่การเป็นผู้นำที่ดีที่สุดคือการทำให้แต่ละคนรู้ว่า border ของตัวเองคืออะไร แล้วก้าวข้ามพร้อมกัน แล้วมองไปในทิศทางเดียวกันให้ได้” นาย
พิธากล่าว
รางวัล The People Awards เป็นรางวัลที่มอบให้กับบุคคลที่มีส่วนในการทำให้โลกในวันพรุ่งนี้ดียิ่งขึ้น โดยมีทั้งรางวัล People of the Year ที่มอบให้แก่บุคคลทั้งหมด 10 ท่านที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการ และรางวัล Popular of the Year ที่พิธาได้รับ มาจากการโหวตโดยประชาชน ซึ่งพิธาได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับแรกอยู่ที่ 48.3% ตามมาด้วย Lisa Lalisa ที่ได้รับการโหวตที่ 37.5% ตามมาด้วย PP Krit ที่ 6.6% เฌอปรางค์ ที่ 2.9% และบุคคลอื่นๆ 2.6% ตามลำดับ
(คลิปอยู่ในข่าวครับ)
PM 2.5 เชียงใหม่ยังโหด แม่โพสต์ ลูกเลือดกำเดาไหล เครื่องฟอกอากาศ 5 หมื่น ยังเอาไม่อยู่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8160342
PM 2.5 เชียงใหม่ยังโหด แม่โพสต์ ลูกเลือดกำเดาไหล เครื่องฟอกอากาศ 5 หมื่น เช็คเครื่องและทำความสะอาดเข้าศูนย์ทุก 6 เดือน ยังเอาไม่อยู่
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ยังคงสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ที่ค่าฝุ่นนั้นยังสูงไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
ล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก
แองเจิล ไนซ์ โพสต์ภาพลูกตนเองเลือดกำเดาไหล พร้อมข้อความระบุว่า
จะบอกว่าอยู่เชียงใหม่ค่ะ ที่บ้านใช้เครื่องฟอกอากาศชื่อดัง มีประสิทธิภาพจริง ๆ เครื่องละ 5 หมื่นกว่าบาท (ณ ตอนนั้น) เราเช็คเครื่องและทำความสะอาดเข้าศูนย์ทุก 6 เดือน
ล่าสุดได้เอาเครื่องฟอกไปทำความสะอาด กลับมาใช้งานที่บ้านประมาณ 1 เดือน ก็พบว่าเครื่องฟอกทำไมขึ้นสีแดงบ่อย
เราจึงแกะดู ปรากฏว่าพบคาร์บอนเต็มเลยค่ะ จะบอกว่าที่บ้านทำความสะอาดทุกสัปดาห์และทุกเดือน บ้านธรรมชาติและไกลถนนใหญ่ เราเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่ไม่สูบพอร์ต
ที่เรามองด้วยตาเปล่าว่าไม่มีฝุ่น แต่ความจริงคือ ในอากาศมีฝุ่น P.M 2.5 แน่นมากค่ะ
ยิ่งเป็นลูกหลานหรือคนแก่แนะนำใส่แมสก์เหมือนเดิมนะคะ ต้องเลือกเป็นแมสก์ที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้นะคะ เพื่อสุขภาพของตัวเองและคนที่เรารักค่ะ
https://www.facebook.com/photo?fbid=1704806960009144&set=pcb.1704807186675788
นายกโรงแรมไทยไม่แฮปปี้ ขึ้นค่าแรง 400 บาท ยันเป็นต้นทุนธุรกิจถึง 25-30%
https://www.matichon.co.th/economy/news_4496518
นายกโรงแรมไทยไม่แฮปปี้ ขึ้นค่าแรง 400 บาท ยันเป็นต้นทุนธุรกิจถึง 25-30%
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นาย
ศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล นายกสมาคมโรงแรมภาคใต้ และอุปนายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า กรณีคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 มีมติในการประชุมครั้งที่ 3/2567 เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 400 บาท และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2567 นำร่องในเขตพื้นที่จังหวัด 10 จังหวัด และภูเก็ตเป็นหนึ่งในนั้น
มองว่าเป็นการปรับที่ถี่มากเกินไป เพราะเพิ่งปรับขึ้นรอบล่าสุดช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา คิดว่า 1 ปี ไม่ควรปรับเกิน 1 ครั้ง ปรับขึ้นประมาณ 4-5% เพราะส่งผลกระทบต่อต้นทุนธุรกิจโดยตรง เนื่องจากค่าแรงพนักงาน คิดเป็นต้นทุนธุรกิจอยู่ประมาณ 25-30% ถือเป็นต้นทุนที่มีสัดส่วนสูงสุดแล้ว โดยตอนนี้ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นรวมทั้งหมด ขึ้นมากว่า 13% เทียบช่วงเดียวกันปี 2566
“
เงื่อนไขที่กำหนดให้ว่าจะต้องเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ลูกจ้าง 50 คนขึ้นไป ก็มีคำถามเล็กน้อยคือ ทำไมถึงเลือกเป็นธุรกิจโรงแรมเฉพาะ รวมถึงต้องกำหนดระดับโรงแรมด้วย และวัดระดับโรงแรมจากอะไร เนื่องจากบางโรงแรมก็ไม่ได้เข้าไทยแลนด์ โฮเทล สแตนดาร์ด เพื่อวัดมาตรฐานระดับโรงแรมไทย ทำให้ไม่ชัดเจนว่า การเลือกระดับดาวของโรงแรมจะวัดจากอะไร โดยอยากให้มีความชัดเจนออกมาเพิ่มเติม เพราะไทม์ไลน์กำหนดในวันที่ 13 เมษายนนี้ เหลือเวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น แต่ก็ต้องปรับค่าจ้างขึ้นอีกแล้ว ทั้งที่ธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ มีการวางแผนการเงินล่วงหน้าไว้แล้ว จึงกระทบกับต้นทุนงบประมาณโดยตรง” นาย
ศึกษิต กล่าว
นาย
ศึกษิต กล่าวว่า ถึงแม้ภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมจะมีการจ้างพนักงานด้วยอัตราที่สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้ว เพราะมีเงินพิเศษให้ ทั้งเซอร์วิสชาร์จ ค่าอาหาร ค่ารถรับ-ส่งพนักงาน แต่หากเป็นพนักงานที่รับเข้ามาใหม่ กลุ่มที่ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก หรือเด็กเพิ่งจบ ก็จะรับเข้ามาด้วยค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้ ทำให้พอมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ถูกยกขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนมากเข้าไปอีก
นาย
ศึกษิต กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงส่งผลกระทบต่อต้นทุนธุรกิจ แต่การเพิ่มรายได้ อย่างการปรับขึ้นค่าห้องพัก ถือว่าไม่สอดคล้องกัน เพราะเดือนเมษายน เป็นต้นไป เข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) แล้ว ทำให้การปรับราคาห้องพักไม่สามารถปรับขึ้นได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดตามฤดูกาลด้วย อาทิ ภาคใต้ ในช่วงเดือนเมษายนนี้ จะเป็นฤดูฝนแล้ว อัตราการเข้าพักจะต่ำลง ไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้ รวมถึงตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาสนับสนุนช่วงโลว์ซีซั่นอย่างตลาดจีน ก็กลับมาไม่ถึง 50% ฟื้นตัวเพียง 40% เท่านั้น ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติภาพรวมฟื้นกลับมาประมาณ 80% ถือเป็นช่วงที่ยังกลับมาไม่ปกติ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อไปแบบ 2 เด้ง ทั้งช่วงโลว์ซีซั่น และขึ้นค่าแรงเพิ่ม
JJNY : ‘พิธา’คว้า‘Popular of the Year 2024’│PM2.5 เชียงใหม่ยังโหด│นายก รร.ไทยไม่แฮปปี้ขึ้นค่าแรง│ไอเอสโจมตีมอสโก ดับพุ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4496464
‘พิธา’ ได้รางวัล “Popular of the Year 2024″ จาก The People Awards ชนะคะแนนโหวตจากทางบ้าน 48.3% ย้ำพร้อมเป็นสะพานเชื่อมพาทุกคน “go beyond” ให้ประเทศไทยไปข้างหน้า
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ในการประกาศรางวัล The People Awards 2024 ที่จัดขึ้นโดยสื่อออนไลน์ The People นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับการประกาศชื่อเป็นบุคคลผู้ได้รับรางวัล “Popular of the Year 2024” ในฐานะบุคคลที่ได้รับการโหวตด้วยคะแนนสูงสุดจากประชาชน ซึ่งในโอกาสนี้ นายพิธา ซึ่งติดภารกิจ ส.ส. อยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ส่งวีดีโอสปีชมากล่าวขอบคุณและแสดงความรู้สึกต่อการได้รับรางวัลในปีนี้
โดยนายพิธากล่าวว่า ตนขอขอบคุณ The People สำหรับรางวัล Popular of the Year ในปีนี้ ซึ่งตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก และขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจให้ได้รับคะแนนอันดับหนึ่งในงานมอบรางวัลของ The People ซึ่งในปีนี้ใช้ธีมว่า “People Go Beyond” (ผู้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง) ของคนที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ที่สังคมและประเทศถวิลหา หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่โลกและประเทศถวิลหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการ go beyond ทั้งสิ้น
การ go beyond อะไรบางอย่างได้ต้องอาศัยการรับความคิดที่หลากหลายได้ ซึ่งตนปรารถนาที่จะเป็นสะพานเชื่อมสำหรับคนที่อยากจะ go beyond ที่อาจจะต้องเดินทางลำพัง หรือกระทั่งคนที่ไปไกลเกินแล้ว รวมทั้งคนที่ไปถึงแล้วและไม่อยากกลับข้ามมา
แต่ถ้าเราไม่ทำงานร่วมกันแล้ว go beyond ในชั่วโมงที่เราต้องการการเดินทางร่วมกัน สักวันหนึ่งเราทุกคนจะต้องถูกบังคับให้เคลื่อนไปในที่ที่เราไม่ควรไปหรือไม่อยากไป เราต้องมีทั้งความกล้าหาญและประณีประนอมที่จะก้าวข้ามเพื่อสร้างอะไรใหม่ๆ ให้กับสังคม แต่ความอยากก้าวข้ามนั้น หากไม่มีคนไปด้วยกัน เราก็ไม่สามารถ go beyond อย่างมีความหมายกับคนทุกคนได้
“แต่ละคนย่อมมี border เป็นของตัวเอง แต่การเป็นผู้นำที่ดีที่สุดคือการทำให้แต่ละคนรู้ว่า border ของตัวเองคืออะไร แล้วก้าวข้ามพร้อมกัน แล้วมองไปในทิศทางเดียวกันให้ได้” นายพิธากล่าว
รางวัล The People Awards เป็นรางวัลที่มอบให้กับบุคคลที่มีส่วนในการทำให้โลกในวันพรุ่งนี้ดียิ่งขึ้น โดยมีทั้งรางวัล People of the Year ที่มอบให้แก่บุคคลทั้งหมด 10 ท่านที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการ และรางวัล Popular of the Year ที่พิธาได้รับ มาจากการโหวตโดยประชาชน ซึ่งพิธาได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับแรกอยู่ที่ 48.3% ตามมาด้วย Lisa Lalisa ที่ได้รับการโหวตที่ 37.5% ตามมาด้วย PP Krit ที่ 6.6% เฌอปรางค์ ที่ 2.9% และบุคคลอื่นๆ 2.6% ตามลำดับ
(คลิปอยู่ในข่าวครับ)
PM 2.5 เชียงใหม่ยังโหด แม่โพสต์ ลูกเลือดกำเดาไหล เครื่องฟอกอากาศ 5 หมื่น ยังเอาไม่อยู่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8160342
PM 2.5 เชียงใหม่ยังโหด แม่โพสต์ ลูกเลือดกำเดาไหล เครื่องฟอกอากาศ 5 หมื่น เช็คเครื่องและทำความสะอาดเข้าศูนย์ทุก 6 เดือน ยังเอาไม่อยู่
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ยังคงสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ที่ค่าฝุ่นนั้นยังสูงไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
ล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก แองเจิล ไนซ์ โพสต์ภาพลูกตนเองเลือดกำเดาไหล พร้อมข้อความระบุว่า
จะบอกว่าอยู่เชียงใหม่ค่ะ ที่บ้านใช้เครื่องฟอกอากาศชื่อดัง มีประสิทธิภาพจริง ๆ เครื่องละ 5 หมื่นกว่าบาท (ณ ตอนนั้น) เราเช็คเครื่องและทำความสะอาดเข้าศูนย์ทุก 6 เดือน
ล่าสุดได้เอาเครื่องฟอกไปทำความสะอาด กลับมาใช้งานที่บ้านประมาณ 1 เดือน ก็พบว่าเครื่องฟอกทำไมขึ้นสีแดงบ่อย
เราจึงแกะดู ปรากฏว่าพบคาร์บอนเต็มเลยค่ะ จะบอกว่าที่บ้านทำความสะอาดทุกสัปดาห์และทุกเดือน บ้านธรรมชาติและไกลถนนใหญ่ เราเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่ไม่สูบพอร์ต
ที่เรามองด้วยตาเปล่าว่าไม่มีฝุ่น แต่ความจริงคือ ในอากาศมีฝุ่น P.M 2.5 แน่นมากค่ะ
ยิ่งเป็นลูกหลานหรือคนแก่แนะนำใส่แมสก์เหมือนเดิมนะคะ ต้องเลือกเป็นแมสก์ที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้นะคะ เพื่อสุขภาพของตัวเองและคนที่เรารักค่ะ
https://www.facebook.com/photo?fbid=1704806960009144&set=pcb.1704807186675788
นายกโรงแรมไทยไม่แฮปปี้ ขึ้นค่าแรง 400 บาท ยันเป็นต้นทุนธุรกิจถึง 25-30%
https://www.matichon.co.th/economy/news_4496518
นายกโรงแรมไทยไม่แฮปปี้ ขึ้นค่าแรง 400 บาท ยันเป็นต้นทุนธุรกิจถึง 25-30%
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล นายกสมาคมโรงแรมภาคใต้ และอุปนายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า กรณีคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 มีมติในการประชุมครั้งที่ 3/2567 เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 400 บาท และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2567 นำร่องในเขตพื้นที่จังหวัด 10 จังหวัด และภูเก็ตเป็นหนึ่งในนั้น
มองว่าเป็นการปรับที่ถี่มากเกินไป เพราะเพิ่งปรับขึ้นรอบล่าสุดช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา คิดว่า 1 ปี ไม่ควรปรับเกิน 1 ครั้ง ปรับขึ้นประมาณ 4-5% เพราะส่งผลกระทบต่อต้นทุนธุรกิจโดยตรง เนื่องจากค่าแรงพนักงาน คิดเป็นต้นทุนธุรกิจอยู่ประมาณ 25-30% ถือเป็นต้นทุนที่มีสัดส่วนสูงสุดแล้ว โดยตอนนี้ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นรวมทั้งหมด ขึ้นมากว่า 13% เทียบช่วงเดียวกันปี 2566
“เงื่อนไขที่กำหนดให้ว่าจะต้องเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ลูกจ้าง 50 คนขึ้นไป ก็มีคำถามเล็กน้อยคือ ทำไมถึงเลือกเป็นธุรกิจโรงแรมเฉพาะ รวมถึงต้องกำหนดระดับโรงแรมด้วย และวัดระดับโรงแรมจากอะไร เนื่องจากบางโรงแรมก็ไม่ได้เข้าไทยแลนด์ โฮเทล สแตนดาร์ด เพื่อวัดมาตรฐานระดับโรงแรมไทย ทำให้ไม่ชัดเจนว่า การเลือกระดับดาวของโรงแรมจะวัดจากอะไร โดยอยากให้มีความชัดเจนออกมาเพิ่มเติม เพราะไทม์ไลน์กำหนดในวันที่ 13 เมษายนนี้ เหลือเวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น แต่ก็ต้องปรับค่าจ้างขึ้นอีกแล้ว ทั้งที่ธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ มีการวางแผนการเงินล่วงหน้าไว้แล้ว จึงกระทบกับต้นทุนงบประมาณโดยตรง” นายศึกษิต กล่าว
นายศึกษิต กล่าวว่า ถึงแม้ภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมจะมีการจ้างพนักงานด้วยอัตราที่สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้ว เพราะมีเงินพิเศษให้ ทั้งเซอร์วิสชาร์จ ค่าอาหาร ค่ารถรับ-ส่งพนักงาน แต่หากเป็นพนักงานที่รับเข้ามาใหม่ กลุ่มที่ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก หรือเด็กเพิ่งจบ ก็จะรับเข้ามาด้วยค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้ ทำให้พอมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ถูกยกขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนมากเข้าไปอีก
นายศึกษิต กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงส่งผลกระทบต่อต้นทุนธุรกิจ แต่การเพิ่มรายได้ อย่างการปรับขึ้นค่าห้องพัก ถือว่าไม่สอดคล้องกัน เพราะเดือนเมษายน เป็นต้นไป เข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) แล้ว ทำให้การปรับราคาห้องพักไม่สามารถปรับขึ้นได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดตามฤดูกาลด้วย อาทิ ภาคใต้ ในช่วงเดือนเมษายนนี้ จะเป็นฤดูฝนแล้ว อัตราการเข้าพักจะต่ำลง ไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้ รวมถึงตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาสนับสนุนช่วงโลว์ซีซั่นอย่างตลาดจีน ก็กลับมาไม่ถึง 50% ฟื้นตัวเพียง 40% เท่านั้น ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติภาพรวมฟื้นกลับมาประมาณ 80% ถือเป็นช่วงที่ยังกลับมาไม่ปกติ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อไปแบบ 2 เด้ง ทั้งช่วงโลว์ซีซั่น และขึ้นค่าแรงเพิ่ม