ผมเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานสายการเงินการธนาคารมาประมาณ 10 ปี นับแต่จบใหม่ๆ แต่ช่วงประมาณ 3 ปีที่แล้วช่วงที่โควิตระบาดหนักๆ จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำทึ่กรุงเทพ กลับมาหางานทำที่บ้านต่างจังหวัด ด้วยเหตุผลที่ครอบครัวเป็นห่วง โควิตในช่วงนั่นถือเป็นเรื่องใหม่และเป็นความท้ายทายสำหรับวงการแพทย์ ไม่มียารักษา ไม่มีวัดซีน ผมไม่ลังเลใจทึ่จะลาออกจากงานประจำที่กรุงเทพเพื่อกลับมาบ้าน เพราะอย่างน้อยถ้าตายก็คงได้ร้ำลาคนที่บ้าน หลังจากกลับมาผมได้งานประจำทำเป็นบริษัทไฟแนนช์ แต่ด้วยความที่เรามีภาระเยอะทั้งค่างวดรถ บัตรเครดิต ผมจึงต้องตัดสินใจทำงานนี้ไปก่อนเพื่อให้มีรายได้ชำระหนี้ การย้ายงานมาต่างจังหวัดรายได้ผมหายไปเยอะมาก รวมไม่ถึงสองหมื่น แต่ละเดือนผมชำระหนี้ เหลือใช้ส่วนตัวแทบจะเดือนชนเดือน ผ่านไปประมาณ 3-4 เดือนผมรู้เลยว่าค่าใช้จ่ายผมมันสวนทางกับรายได้ ผมจึงต้องตัดสินใจหยุดชำระหนี้บางส่วน โดยรักษาหนึ้ที่จำเป็นไว้เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง เวลาผ่านไปประมาณ ปี กว่า เจ้าหนึ้ส่วนที่ผมค้างชำระก็ทำเรื่องส่งฟ้องศาล บางรายผมก็ไปไกล่เกลี่ยทำยอม บางรายผมปล่อยให้ศาลพิพากษา และไปกรมบังคับคดีอาญีตืส่วนของเงินเดือน เดือนไหนที่รายได้ผมเกินสองหมื่นบริษัทก็จะนำส่งกรมบังคับคดีเพิ่อชำระหนี้ ผ่านมาประมาณ
3 ปี นับจากวันที่ผมกลับมาบ้าน ผมสามารถชำระหนี้บางส่วน
ทั้งจากการหักเงินเดือนจากกรมบังคับคดี และการผ่อนในขั้นตอนไกล่เกลี่ย ซึ่งหนี้บางส่วนที่ผมชำระและปิดบัญชีถือเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ปัจจับันผมเหลือเจ้าหนี้ที่ต้องชำระประมาณ 3 ราย ผมไกล่เกลี่ยทำยอมขอผ่อนชำระรายเดือน 2 ราย ยอมให้ศาลพิพากษาเพื่ออาญัติเงินเดือน 1 ราย มูลหนี้ที่ผมเหลือประมาณ 1 แสนบาท เท่ากับว่าปัจจุบันผมมีสถานะเครดิตเสีย
ทึ่ผ่านมาไม่ใช้ผมไม่มีความรับผิดชอบ แต่ทุกอย่างผมคิดและตัดสินใจอย่างรอบครอบแล้ว เพราะเรารู้สภาพว่าเราไม่ไหวที่จะจ่ายหนี้ทุกรายพร้อมกัน ผมจึงเลือกรักษาหนึ้ที่จำเป็น และปล่อยให้หนี้บางรายเดินตามกระบวนการ เพราะสุดท้ายเราตั้งเป้าหมายในการชำระทุกรายอยู่แล้ว
***และวันนึ้ผมก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องลาออกจากงานด้วยบทบาทหน้าที่ ผมลาออกตามระเบียบ และก็มีการหางานไว้ล่วงหน้า สัมภาษณ์ผ่านคัดเลือกผ่าน สุดท้ายผมโดนปฏิเสธไม่รับเข้าทำงาน ด้วยสถานะทางเครดิตเสีย วันนี้ผมรู้สึกท้อมากๅ นี้เราไม่มีโอกาสมีที่ยืนในสายงานที่เราถนัด ไม่มีโอกาสมีช่องทางเดินในอาชีพ เหมือนระบบผลักดันให้เราออกจากสังคมการงาน แล้วแบบนี้เราจะต้องไปทำอะไร เมื่อโอกาสเราุถูกปิดกั้น ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าความผิดพลาดทางการเงินของเรา มันร้ายแรงถึงขั้นเราไม่มีโอกาสที่จะเดินต่อในสายงานอาชีพเลยเหรอ ถ้าเราฆ่าคนตาย ฉ้อโกง ทุจริต แบบนั่นมันคงสมควร
และผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงประสบปัญหาเช่นเดียวกับผม เพราะเราได้รับผลกระทบจากช่วงโควิต ครั้งนี้ผมจึงอยากแชร์ประสบการณ์และสะท้อนปัญหา เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวทางช่วยเหลือหรือผ่อนปรนระเบียบของสถาบันการเงิน ในการตั้งกฏเกณฑ์รับพนักงานเข้าทำงาน
ติดเครดิต ทำไมสมัครงานไม่ได้
3 ปี นับจากวันที่ผมกลับมาบ้าน ผมสามารถชำระหนี้บางส่วน
ทั้งจากการหักเงินเดือนจากกรมบังคับคดี และการผ่อนในขั้นตอนไกล่เกลี่ย ซึ่งหนี้บางส่วนที่ผมชำระและปิดบัญชีถือเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ปัจจับันผมเหลือเจ้าหนี้ที่ต้องชำระประมาณ 3 ราย ผมไกล่เกลี่ยทำยอมขอผ่อนชำระรายเดือน 2 ราย ยอมให้ศาลพิพากษาเพื่ออาญัติเงินเดือน 1 ราย มูลหนี้ที่ผมเหลือประมาณ 1 แสนบาท เท่ากับว่าปัจจุบันผมมีสถานะเครดิตเสีย
ทึ่ผ่านมาไม่ใช้ผมไม่มีความรับผิดชอบ แต่ทุกอย่างผมคิดและตัดสินใจอย่างรอบครอบแล้ว เพราะเรารู้สภาพว่าเราไม่ไหวที่จะจ่ายหนี้ทุกรายพร้อมกัน ผมจึงเลือกรักษาหนึ้ที่จำเป็น และปล่อยให้หนี้บางรายเดินตามกระบวนการ เพราะสุดท้ายเราตั้งเป้าหมายในการชำระทุกรายอยู่แล้ว
***และวันนึ้ผมก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องลาออกจากงานด้วยบทบาทหน้าที่ ผมลาออกตามระเบียบ และก็มีการหางานไว้ล่วงหน้า สัมภาษณ์ผ่านคัดเลือกผ่าน สุดท้ายผมโดนปฏิเสธไม่รับเข้าทำงาน ด้วยสถานะทางเครดิตเสีย วันนี้ผมรู้สึกท้อมากๅ นี้เราไม่มีโอกาสมีที่ยืนในสายงานที่เราถนัด ไม่มีโอกาสมีช่องทางเดินในอาชีพ เหมือนระบบผลักดันให้เราออกจากสังคมการงาน แล้วแบบนี้เราจะต้องไปทำอะไร เมื่อโอกาสเราุถูกปิดกั้น ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าความผิดพลาดทางการเงินของเรา มันร้ายแรงถึงขั้นเราไม่มีโอกาสที่จะเดินต่อในสายงานอาชีพเลยเหรอ ถ้าเราฆ่าคนตาย ฉ้อโกง ทุจริต แบบนั่นมันคงสมควร
และผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงประสบปัญหาเช่นเดียวกับผม เพราะเราได้รับผลกระทบจากช่วงโควิต ครั้งนี้ผมจึงอยากแชร์ประสบการณ์และสะท้อนปัญหา เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวทางช่วยเหลือหรือผ่อนปรนระเบียบของสถาบันการเงิน ในการตั้งกฏเกณฑ์รับพนักงานเข้าทำงาน