ด้วยความฟินหลังเที่ยว และคิดว่าข้อมูลที่ได้มาน่าจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังเล็งว่าจะไปเกาหลี เลยเกิดเป็นรีวิวนี้ขึ้นมาหลังจากไม่ได้เขียนรีวิวอะไรแบบนี้มานานมากแล้ว ^^
ทริปนี้จะเรียกว่าเป็นทริปบุญเก่าก็ว่าได้ เพราะใช้ไมล์แลกตั๋ว คะแนนบัตรจ่ายค่าที่พัก และเงินต่างประเทศรวม ๆ จากช่วงก่อนโควิด มาแลกเป็น KRW เพื่อเอาไปเที่ยว
แถมไฟลุกมากเพราะที่นั่งที่ว่างสำหรับใช้ไมล์แลกมีให้จองก่อนเดินทางแค่ 4 วัน ถ้าไม่มีแพลนทริปเดิม ๆ อยู่แล้ว คงปวดหัวมากมายถ้าจะต้องจัดทริปใหม่ (ไมล์การบินไทยสามารถโทรจองสำหรับวันที่ไม่ว่างจากระบบหน้าเวปได้แต่ต้องลุ้นเอาว่าจะได้หรือไม่นะครับ >__<)
ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นทริปฮีลใจ ได้ไปเก็บทุกที่ที่พลาดจากครั้งก่อน (2016) ได้ชดเชยความเหนื่อยล้าจากงานและภาระที่แบกอยู่ในช่วงที่ผ่านมา ที่ดีมากคือได้ไปตามรอยซีรีย์ ที่ทุกคนในบ้านชื่นชอบแบบไม่ตั้งใจ แต่ได้เสียงหัวเราะ และความสุขมาแบบจัดเต็ม
ต้องบอกก่อนว่าการไปเที่ยว
โซล สำหรับบ้านเราเน้น กิน เที่ยวธรรมชาติ เดินป่า ชมเมืองเป็นหลัก แต่ถ้าถามว่าโซลมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง หรือชอปปิงที่ไหน ถ้าทั่ว ๆ ไป
- แหล่งชอปปิงหลัก ๆ จะต้องไปย่านเมียงดง เป็นแหล่งซื้อของ และพวก Street Food คล้าย มงกก ของฮ่องกง
- ย่านร้านอาหารต้องเป็น ฮงแด หมูย่างเกาหลี ปิ้งย่าง และช็อปปิงได้บาง ๆ
- ตามรอยร้าน Café เช่น Onion / Mile Stone
- ที่ถ่ายรูปหลัก ก็จะเป็นพระราชวังต่าง ๆ อนุสาวรีย์แม่ทัพยีซุนชิน N Seoul Tower และ สวนสาธารณะ ต่าง ๆ (สำหรับสวนสาธารณะ แนะนำไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะดีกว่า ประมาณช่วง พ.ย. ถ้าไปช่วงหนาวจะแห้งและไม่ค่อยมีอะไร)
แต่บ้านเรามีเพิ่มเติม คือไปเดิน มหาลัย เช่น Kyunghee U. (ตึกเรียนสไตล์ยุโรป) ตามรอยร้าน Michelin guide ร้านจากซีรีย์เกาหลี ซึ่งบางทีจะหาจาก Google Search ไม่เจอ ต้องหาจาก Naver Map (แอพแผนที่ของเกาหลี) ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมากจากการได้ลองรสชาติอาหารดั้งเดิม ถึงแม้จะมีแต่เมนูภาษาเกาหลีเท่านั้น แต่เราทำได้ที่สำคัญคือหาอาหารแบบนี้ หรือรสชาติแบบนี้ในไทยไม่ได้
Kyunghee U.
แล้วไปอย่างไร เดินทางยากมั้ย น่าไปที่ไหนบ้าง ที่สำคัญเข้าประเทศเค้ายากหรือเปล่า ผมมีคำตอบ ^^
- สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนซื้อตั๋วคือการทำ
K-ETA เพื่อขออนุมัติการเดินทางเข้าประเทศ ปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน สิ่งที่หลายคนน่าจะสงสัยคือ การกรอกที่พักในเกาหลี กับ วันเดินทาง สำหรับที่พักเราเลือกแบบประมาณโซนที่เราจะไปพักได้เลย หากมีการเปลี่ยน ตอนกรอกใบ ตม. ค่อยใส่ที่อยู่จริงอีกครั้ง ส่วนวันเดินทางไม่ต้องกรอกได้ครับ
ปล.คำแนะนำ คนที่คิดว่าจะไปอยู่แล้วทำ K-ETA รอไว้ได้เลย เพราะมีอายุ 3 ปี ของผมกระชั้นมากทำวันนี้พรุ่งนี้จองตั๋ว 555
- ที่พักบ้านเรายังคงเลือก Air BNB เพราะราคาที่ไม่แรงได้ห้องพักที่ตรงกับความต้องการ ครั้งนี้ดีมากเพราะที่พักห่างจากสถานีรถไฟฟ้าแค่ประมาณ 100 เมตร ชิลเลย (แต่ตอนแรกแอบเหวอเล็ก ๆ กับทางเข้าบ้านนิดนึง >__<)
ทางเข้าบ้านแอบเหวอ แต่เข้าไปแล้ว ว้าว ตรงปก ^^
- Internet แนะนำให้ซื้อแพ็คเกจจากไทยไปเลยสะดวกกว่า สัญญาณดีไม่มีปัญหา เช่น ผมใช้ AIS ผมก็จะซื้อแพ็คเกจ AIS Ready 2 Fly ไป โดยซื้อแบบมีประกันไปด้วยเผื่อฉุกเฉิน สำหรับการโทรคุยกลับมาประเทศไทย แนะนำให้ใช้ Wi-fi Calling สะดวกและชัดเจนดี (ต้องการเปิดใช้สอบถามผู้ให้บริการดูครับ) เช่น กรณีไป 2 คนให้คนนึงเปิด Mobile Hotspot และผู้ต้องการโทรเปิด Airplane Mode และต่อ Wi-fi ก็จะมี Icon โทรศัพท์คู่กับสัญญาณ Wi-fi ก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ
การเดินทาง ในเกาหลีต้องบอกว่าค่อนข้างสะดวกและไม่แพง ไม่ต้องตามหา Pass เพียงซื้อบัตร T-Money ก็ใช้สำหรับเดินทางได้แล้ว โดยบัตรจะมีช่วงอายุสำหรับผู้ใช้คือ 6-12 ปี / 13-17 ปี และผู้ใหญ่ (สำหรับเด็ก 0-5 ปี ฟรี!!!)
Note : บัตร T-Money มีอายุ 10 ปี และเงินในบัตรที่เหลือยังคงใช้ได้ (ได้ใช้บัตรเมื่อ 8 ปีก่อน เงินในบัตรก็ยังคงใช้ได้อยู่ ^^)
แต่ก่อนจะไปไหน มาดูแอพที่ควรมีก่อน แอพที่ใช้สำหรับการเดินทางแนะนำให้ใช้
Naver Map มากกว่า
Google Map เพราะถึงแม้ว่า Google Map จะบอกการเดินทางด้วยระบบสาธารณะได้ แต่จะไม่แสดงการเดินทางด้วย รถ หรือ การเดิน (เข้าใจว่าถูกปิดกั้น) และ Naver Map จะมีข้อมูลในพื้นที่มากกว่า และจะมีข้อมูลของร้านค้า เช่น เมนูอาหารพร้อมราคาจัดเรียงสวยงามดูง่าย เป็นต้น
แต่เรายังคงใช้ Google Translate อยู่นะครับ เปิดไมล์พูดเลยสะดวกมากครับ
ตัวอย่าง Naver Map
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วไปกันเลยครับ
- เริ่มจากสนามบินเดินทางเข้าเมืองรถไฟฟ้ามี 2 แบบ คือ Express และ All Stop เราเลือกแบบ All Stop เพราะที่พักอยู่ก่อนถึง Seoul Station ค่าเดินทาง ผู้ใหญ่ 4,350 / 13-17 ปี – 3,120 / 6-12 ปี – 1,950
- การเดินทางในเมืองจะแบ่งเป็น รถไฟฟ้า และ รถเมล์
o รถไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ผู้ใหญ่ 1,400 / 13-17 ปี – 800 / 6-12 ปี – 500
o รถเมล์ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ผู้ใหญ่ 1,500 / 13-17 ปี – 880 / 6-12 ปี – 550
ค่าเดินทางจะเพิ่มขึ้นตามระยะทาง แต่ส่วนใหญ่ถ้าไม่ไกลจริง ก็จะจ่ายอยู่ที่ราคาเริ่มต้น ที่เคยเจอบวกเพิ่มก็ประมาณ 15 stop ขึ้นไป เพิ่มอีก 100 KRW ถือว่าถูกมาก ๆ นอกจากนี้หากเป็นการต่อรถเมล์ ราคาจะไม่ถูกบวกเพิ่มในการขึ้นรถเมล์คันถัดไป ณ ป้ายเดิมที่ลงต่อรถ
หลักสำหรับการเดินทางมีแค่นี้เลยครับ ง่ายไม่ยุ่งยาก ^^
มาถึงไฮไลท์ร้านอาหารสำหรับคนที่อยากลอง
Michelin guide
-
Samchoengdong Sujebi ก๋วยเตี๋ยวแป้งนิ่ม (ราคาดี) เป็น แป้งก๋วยเตี๋ยวในน้ำซุป แนะนำกินคู่กับ หมึกผัด หรือถ้าชอบแป้ง ลองสั่งแป้งทอดเพิ่มดู การสั่งเมนูหลัก 1 อย่าง ต่อ 1 คน
Location -
https://maps.app.goo.gl/p31WVgexDM7oZFoJ8
-
Imun Seolnongtang ร้านซุปกระดูกวัว (ราคาดี) เป็นเนื้อต้มในน้ำซุปต้มจากกระดูกวัว จะทานแบบหม้อไฟ หรือแบบชามก็ได้ เนื้ออร่อยครับ แต่จะเนื้อสไลด์ ควรต้มสักพักแล้วค่อยทาน หากทานเลยเนื้อจะค่อนข้างเคี้ยวยาก และนอกจากเนื้ออยากบอกว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก (มีเมนูภาษาอังกฤษ)
Location -
https://maps.app.goo.gl/68e9wdoMCy8woBYC7
-
Ggupdang หมูย่างเกาหลี BBQ (ราคาสูงหน่อย) หมูย่างอร่อยมาก เป็นแบบมีคนย่างให้ หากมาในช่วงเวลาทานข้าวอาจจะต้องรอคิวนานหน่อย การสั่งเมนูหลัก 1 อย่าง ต่อ 1 คน
Location -
https://maps.app.goo.gl/KpHwBp8AYMty3KEN7
ร้านแนะนำที่คนเดินฮงแดต้องลอง –
Saemaul Restaurant Hongdae Seogyo Branch ร้านปิ้งย่าง (ราคาสูงหน่อย) นอกจากเนื้อสไลด์แล้ว แนะนำซุปกิมจิ การสั่งเมนูหลัก 1 อย่าง ต่อ 1 คน (รูปเบลอไปนิดด้วยความหิว >__<)
Location -
https://maps.app.goo.gl/V7TvvA2jHtZ657FW6
ตามรอยซีรีย์
-
Cafe Gaeppul จุดที่ถ่ายตอนจบของ Encounter อยู่ Ihwa mural village ร้านบรรยากาศดีมาก เค้ก และกาแฟใช้ได้ มีเบียร์คราฟให้ลอง
Location -
https://maps.app.goo.gl/YYTjLrPJffBCDgY4A
-
Mauka Café (ไม่ใช่ Cafe ในเรื่องนะครับ แต่อยู่ตรงจุดที่ถ่ายทำในเรื่อง) ณ จุดทางเดินไม้ จากเรื่อง Itewon Clase มีกาแฟ เค้ก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถขึ้นไปถ่ายรูปบนดาดฟ้าได้ เจ้าของร้านใจดี การสั่งเมนู 1 อย่าง ต่อ 1 คน
Location -
https://maps.app.goo.gl/SjBEJ3B2zbLZMcZn7
-
Obongjip Sangam Branch (오봉집 상암점 ) ร้านโอบง ร้านอาหารเกาหลีแบบดั่งเดิม ร้านประจำของทีม 1 Flex x Cop เมนูหมึกผัด หมูต้ม(โอบง บอสซัม จาก Google Translate) ทานกับข้าวสวย อร่อยมาก เป็นรสชาติแบบเกาหลีแท้ ๆ
Location -
https://naver.me/FTOIm1xy (เปิดได้บน Naver Map)
สำหรับทริปนี้ที่เสียดายคือไม่ได้ทาน ซุปเต้าหู้อ่อน ไม่เป็นไรไว้คราวหน้าว่ากัน ไม่ทันละ 5555
ของแถม สำหรับสาย
Citi Run มีเส้นวิ่งในเมืองพอสมควรแต่อาจจะอึดอัดหน่อยสำหรับการข้ามถนนที่ไฟแดงค่อนข้างเยอะ และรอนานหน่อย หรือไปวิ่งเลียบแม่น้ำฮัน (Han River) ก็จะสะดวกหน่อยครับ และอยากบอกว่าบางเส้น ความชันใช้ได้เลย แต่มีขึ้นก็มีลงสนุกและเหนื่อยไปอีกแบบ ใครไปช่วงหนาวลองวิ่งท้าลมหนาวได้นะครับ ผมลองแล้วที่ 9°c หนาวใช้ได้เลย >__<
(ถ้าวิ่งช่วงหนาวที่ขาดไม่ได้เลยคือถุงมือ ถ้าทำได้แนะนำขายาวและแขนยาวกันลมครับ)
เส้นวิ่งในเมืองลองดูได้จาก
https://connect.garmin.com/modern/courses หรือ เข้า Garmin connect เลือก Training & Planning >Courses เลือกเมืองที่เราจะดูเส้นทางครับ
ประมาณนี้สำหรับการเที่ยวเกาหลี หากเพื่อนชาวพันทิปอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมส่วนไหนลองถามไว้นะครับ
เผื่อพอตอบได้จะมาช่วยตอบครับ ^^
เพิ่มเติมบรรยากาศรวม ๆ ครับ
Seoul Trip ฉบับ AiSea รีวิว
ทริปนี้จะเรียกว่าเป็นทริปบุญเก่าก็ว่าได้ เพราะใช้ไมล์แลกตั๋ว คะแนนบัตรจ่ายค่าที่พัก และเงินต่างประเทศรวม ๆ จากช่วงก่อนโควิด มาแลกเป็น KRW เพื่อเอาไปเที่ยว
แถมไฟลุกมากเพราะที่นั่งที่ว่างสำหรับใช้ไมล์แลกมีให้จองก่อนเดินทางแค่ 4 วัน ถ้าไม่มีแพลนทริปเดิม ๆ อยู่แล้ว คงปวดหัวมากมายถ้าจะต้องจัดทริปใหม่ (ไมล์การบินไทยสามารถโทรจองสำหรับวันที่ไม่ว่างจากระบบหน้าเวปได้แต่ต้องลุ้นเอาว่าจะได้หรือไม่นะครับ >__<)
ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นทริปฮีลใจ ได้ไปเก็บทุกที่ที่พลาดจากครั้งก่อน (2016) ได้ชดเชยความเหนื่อยล้าจากงานและภาระที่แบกอยู่ในช่วงที่ผ่านมา ที่ดีมากคือได้ไปตามรอยซีรีย์ ที่ทุกคนในบ้านชื่นชอบแบบไม่ตั้งใจ แต่ได้เสียงหัวเราะ และความสุขมาแบบจัดเต็ม
ต้องบอกก่อนว่าการไปเที่ยว โซล สำหรับบ้านเราเน้น กิน เที่ยวธรรมชาติ เดินป่า ชมเมืองเป็นหลัก แต่ถ้าถามว่าโซลมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง หรือชอปปิงที่ไหน ถ้าทั่ว ๆ ไป
- แหล่งชอปปิงหลัก ๆ จะต้องไปย่านเมียงดง เป็นแหล่งซื้อของ และพวก Street Food คล้าย มงกก ของฮ่องกง
- ย่านร้านอาหารต้องเป็น ฮงแด หมูย่างเกาหลี ปิ้งย่าง และช็อปปิงได้บาง ๆ
- ตามรอยร้าน Café เช่น Onion / Mile Stone
- ที่ถ่ายรูปหลัก ก็จะเป็นพระราชวังต่าง ๆ อนุสาวรีย์แม่ทัพยีซุนชิน N Seoul Tower และ สวนสาธารณะ ต่าง ๆ (สำหรับสวนสาธารณะ แนะนำไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะดีกว่า ประมาณช่วง พ.ย. ถ้าไปช่วงหนาวจะแห้งและไม่ค่อยมีอะไร)
แต่บ้านเรามีเพิ่มเติม คือไปเดิน มหาลัย เช่น Kyunghee U. (ตึกเรียนสไตล์ยุโรป) ตามรอยร้าน Michelin guide ร้านจากซีรีย์เกาหลี ซึ่งบางทีจะหาจาก Google Search ไม่เจอ ต้องหาจาก Naver Map (แอพแผนที่ของเกาหลี) ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมากจากการได้ลองรสชาติอาหารดั้งเดิม ถึงแม้จะมีแต่เมนูภาษาเกาหลีเท่านั้น แต่เราทำได้ที่สำคัญคือหาอาหารแบบนี้ หรือรสชาติแบบนี้ในไทยไม่ได้
Kyunghee U.
แล้วไปอย่างไร เดินทางยากมั้ย น่าไปที่ไหนบ้าง ที่สำคัญเข้าประเทศเค้ายากหรือเปล่า ผมมีคำตอบ ^^
- สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนซื้อตั๋วคือการทำ K-ETA เพื่อขออนุมัติการเดินทางเข้าประเทศ ปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน สิ่งที่หลายคนน่าจะสงสัยคือ การกรอกที่พักในเกาหลี กับ วันเดินทาง สำหรับที่พักเราเลือกแบบประมาณโซนที่เราจะไปพักได้เลย หากมีการเปลี่ยน ตอนกรอกใบ ตม. ค่อยใส่ที่อยู่จริงอีกครั้ง ส่วนวันเดินทางไม่ต้องกรอกได้ครับ
ปล.คำแนะนำ คนที่คิดว่าจะไปอยู่แล้วทำ K-ETA รอไว้ได้เลย เพราะมีอายุ 3 ปี ของผมกระชั้นมากทำวันนี้พรุ่งนี้จองตั๋ว 555
- ที่พักบ้านเรายังคงเลือก Air BNB เพราะราคาที่ไม่แรงได้ห้องพักที่ตรงกับความต้องการ ครั้งนี้ดีมากเพราะที่พักห่างจากสถานีรถไฟฟ้าแค่ประมาณ 100 เมตร ชิลเลย (แต่ตอนแรกแอบเหวอเล็ก ๆ กับทางเข้าบ้านนิดนึง >__<)
ทางเข้าบ้านแอบเหวอ แต่เข้าไปแล้ว ว้าว ตรงปก ^^
- Internet แนะนำให้ซื้อแพ็คเกจจากไทยไปเลยสะดวกกว่า สัญญาณดีไม่มีปัญหา เช่น ผมใช้ AIS ผมก็จะซื้อแพ็คเกจ AIS Ready 2 Fly ไป โดยซื้อแบบมีประกันไปด้วยเผื่อฉุกเฉิน สำหรับการโทรคุยกลับมาประเทศไทย แนะนำให้ใช้ Wi-fi Calling สะดวกและชัดเจนดี (ต้องการเปิดใช้สอบถามผู้ให้บริการดูครับ) เช่น กรณีไป 2 คนให้คนนึงเปิด Mobile Hotspot และผู้ต้องการโทรเปิด Airplane Mode และต่อ Wi-fi ก็จะมี Icon โทรศัพท์คู่กับสัญญาณ Wi-fi ก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ
การเดินทาง ในเกาหลีต้องบอกว่าค่อนข้างสะดวกและไม่แพง ไม่ต้องตามหา Pass เพียงซื้อบัตร T-Money ก็ใช้สำหรับเดินทางได้แล้ว โดยบัตรจะมีช่วงอายุสำหรับผู้ใช้คือ 6-12 ปี / 13-17 ปี และผู้ใหญ่ (สำหรับเด็ก 0-5 ปี ฟรี!!!)
Note : บัตร T-Money มีอายุ 10 ปี และเงินในบัตรที่เหลือยังคงใช้ได้ (ได้ใช้บัตรเมื่อ 8 ปีก่อน เงินในบัตรก็ยังคงใช้ได้อยู่ ^^)
แต่ก่อนจะไปไหน มาดูแอพที่ควรมีก่อน แอพที่ใช้สำหรับการเดินทางแนะนำให้ใช้ Naver Map มากกว่า Google Map เพราะถึงแม้ว่า Google Map จะบอกการเดินทางด้วยระบบสาธารณะได้ แต่จะไม่แสดงการเดินทางด้วย รถ หรือ การเดิน (เข้าใจว่าถูกปิดกั้น) และ Naver Map จะมีข้อมูลในพื้นที่มากกว่า และจะมีข้อมูลของร้านค้า เช่น เมนูอาหารพร้อมราคาจัดเรียงสวยงามดูง่าย เป็นต้น
แต่เรายังคงใช้ Google Translate อยู่นะครับ เปิดไมล์พูดเลยสะดวกมากครับ
ตัวอย่าง Naver Map
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วไปกันเลยครับ
- เริ่มจากสนามบินเดินทางเข้าเมืองรถไฟฟ้ามี 2 แบบ คือ Express และ All Stop เราเลือกแบบ All Stop เพราะที่พักอยู่ก่อนถึง Seoul Station ค่าเดินทาง ผู้ใหญ่ 4,350 / 13-17 ปี – 3,120 / 6-12 ปี – 1,950
- การเดินทางในเมืองจะแบ่งเป็น รถไฟฟ้า และ รถเมล์
o รถไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ผู้ใหญ่ 1,400 / 13-17 ปี – 800 / 6-12 ปี – 500
o รถเมล์ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ผู้ใหญ่ 1,500 / 13-17 ปี – 880 / 6-12 ปี – 550
ค่าเดินทางจะเพิ่มขึ้นตามระยะทาง แต่ส่วนใหญ่ถ้าไม่ไกลจริง ก็จะจ่ายอยู่ที่ราคาเริ่มต้น ที่เคยเจอบวกเพิ่มก็ประมาณ 15 stop ขึ้นไป เพิ่มอีก 100 KRW ถือว่าถูกมาก ๆ นอกจากนี้หากเป็นการต่อรถเมล์ ราคาจะไม่ถูกบวกเพิ่มในการขึ้นรถเมล์คันถัดไป ณ ป้ายเดิมที่ลงต่อรถ
หลักสำหรับการเดินทางมีแค่นี้เลยครับ ง่ายไม่ยุ่งยาก ^^
มาถึงไฮไลท์ร้านอาหารสำหรับคนที่อยากลอง Michelin guide
- Samchoengdong Sujebi ก๋วยเตี๋ยวแป้งนิ่ม (ราคาดี) เป็น แป้งก๋วยเตี๋ยวในน้ำซุป แนะนำกินคู่กับ หมึกผัด หรือถ้าชอบแป้ง ลองสั่งแป้งทอดเพิ่มดู การสั่งเมนูหลัก 1 อย่าง ต่อ 1 คน
Location - https://maps.app.goo.gl/p31WVgexDM7oZFoJ8
- Imun Seolnongtang ร้านซุปกระดูกวัว (ราคาดี) เป็นเนื้อต้มในน้ำซุปต้มจากกระดูกวัว จะทานแบบหม้อไฟ หรือแบบชามก็ได้ เนื้ออร่อยครับ แต่จะเนื้อสไลด์ ควรต้มสักพักแล้วค่อยทาน หากทานเลยเนื้อจะค่อนข้างเคี้ยวยาก และนอกจากเนื้ออยากบอกว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก (มีเมนูภาษาอังกฤษ)
Location - https://maps.app.goo.gl/68e9wdoMCy8woBYC7
- Ggupdang หมูย่างเกาหลี BBQ (ราคาสูงหน่อย) หมูย่างอร่อยมาก เป็นแบบมีคนย่างให้ หากมาในช่วงเวลาทานข้าวอาจจะต้องรอคิวนานหน่อย การสั่งเมนูหลัก 1 อย่าง ต่อ 1 คน
Location - https://maps.app.goo.gl/KpHwBp8AYMty3KEN7
ร้านแนะนำที่คนเดินฮงแดต้องลอง – Saemaul Restaurant Hongdae Seogyo Branch ร้านปิ้งย่าง (ราคาสูงหน่อย) นอกจากเนื้อสไลด์แล้ว แนะนำซุปกิมจิ การสั่งเมนูหลัก 1 อย่าง ต่อ 1 คน (รูปเบลอไปนิดด้วยความหิว >__<)
Location - https://maps.app.goo.gl/V7TvvA2jHtZ657FW6
ตามรอยซีรีย์
- Cafe Gaeppul จุดที่ถ่ายตอนจบของ Encounter อยู่ Ihwa mural village ร้านบรรยากาศดีมาก เค้ก และกาแฟใช้ได้ มีเบียร์คราฟให้ลอง
Location - https://maps.app.goo.gl/YYTjLrPJffBCDgY4A
- Mauka Café (ไม่ใช่ Cafe ในเรื่องนะครับ แต่อยู่ตรงจุดที่ถ่ายทำในเรื่อง) ณ จุดทางเดินไม้ จากเรื่อง Itewon Clase มีกาแฟ เค้ก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถขึ้นไปถ่ายรูปบนดาดฟ้าได้ เจ้าของร้านใจดี การสั่งเมนู 1 อย่าง ต่อ 1 คน
Location - https://maps.app.goo.gl/SjBEJ3B2zbLZMcZn7
- Obongjip Sangam Branch (오봉집 상암점 ) ร้านโอบง ร้านอาหารเกาหลีแบบดั่งเดิม ร้านประจำของทีม 1 Flex x Cop เมนูหมึกผัด หมูต้ม(โอบง บอสซัม จาก Google Translate) ทานกับข้าวสวย อร่อยมาก เป็นรสชาติแบบเกาหลีแท้ ๆ
Location - https://naver.me/FTOIm1xy (เปิดได้บน Naver Map)
สำหรับทริปนี้ที่เสียดายคือไม่ได้ทาน ซุปเต้าหู้อ่อน ไม่เป็นไรไว้คราวหน้าว่ากัน ไม่ทันละ 5555
ของแถม สำหรับสาย Citi Run มีเส้นวิ่งในเมืองพอสมควรแต่อาจจะอึดอัดหน่อยสำหรับการข้ามถนนที่ไฟแดงค่อนข้างเยอะ และรอนานหน่อย หรือไปวิ่งเลียบแม่น้ำฮัน (Han River) ก็จะสะดวกหน่อยครับ และอยากบอกว่าบางเส้น ความชันใช้ได้เลย แต่มีขึ้นก็มีลงสนุกและเหนื่อยไปอีกแบบ ใครไปช่วงหนาวลองวิ่งท้าลมหนาวได้นะครับ ผมลองแล้วที่ 9°c หนาวใช้ได้เลย >__<
(ถ้าวิ่งช่วงหนาวที่ขาดไม่ได้เลยคือถุงมือ ถ้าทำได้แนะนำขายาวและแขนยาวกันลมครับ)
เส้นวิ่งในเมืองลองดูได้จาก https://connect.garmin.com/modern/courses หรือ เข้า Garmin connect เลือก Training & Planning >Courses เลือกเมืองที่เราจะดูเส้นทางครับ
ประมาณนี้สำหรับการเที่ยวเกาหลี หากเพื่อนชาวพันทิปอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมส่วนไหนลองถามไว้นะครับ
เผื่อพอตอบได้จะมาช่วยตอบครับ ^^
เพิ่มเติมบรรยากาศรวม ๆ ครับ