สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งกับรีวิวดองเค็มอีกแล้ว อันนี้ผมไปตั้งแต่พฤศจิกายน 2022 ครับ แต่ว่าตั้งใจจะทำรีวิวแต่ไม่ได้ทำสักที
ทริปนี้เป็นส่วนหนึ่งของทริป Caucasus ของผมครับ แต่ผมจะรีวิวแค่ Azerbaijan, Armenia นะครับ
เพราะจอร์เจียคนไทยน่าจะคุ้นชินกันแล้ว รวมถึงมีรีวิวเยอะด้วย
ทริปนี้เราจอง Qatar Airways multi-city BKK-GYD, EVN-BKK ในราคาประมาณ 37000 (ช่วงที่เพิ่งออกนอกประเทศได้ใหม่ๆ)
เนื่องจากเป็นไม่กี่สายการบินที่มีบินจากทั้งอาร์เมเนียและอาเซอร์ไปจัน เราไปกันทั้งหมด 12 วันครับ รวมวันเดินทาง
ได้เที่ยวจริงประเทศละ 3 วัน ครับ โดยเราตัดที่ที่คิดว่าวิวซ้ำๆ และเลือกที่ที่อยากไปมากกว่าครับ
ส่วนตัวถือว่าเพียงพอ และโอเคมากๆแล้วครับ อนาคตถ้าไป อาจจะไปอาร์เมเนียหรืออาเซอร์ไปจันอีก แต่จอร์เจีย คงไม่ในเร็วๆนี้ครับ
สำหรับคนไทย เรายื่นขอ e-visa ได้ครับ
https://evisa.gov.az/en
ขอมาแล้วได้ 30 วัน ปริ้นไปที่ ตม. ได้เลยครับ ค่าขออยู่ที่ 20 USD ใช้เวลา 3 วัน
***ระวังเว็บปลอมนะครับ***
ดูรีวิวเพิ่มเติมของท่านนี้ได้เลยครับ
https://ppantip.com/topic/38710493
สนามบินอลังการในระดับนึง ไม่ได้ใหญ่มากแต่โอเคเลยครับ
เราเรียกแทกซี่เป็น Bolt ไปที่โรงแรม ซึ่งเราพักกันที่ Sahil Hostel ครับ
จริงๆแล้วจะมีรถบัสด้วย มีตู้กดตั๋วหน้าสนามบิน แต่เราถึงดึกมาก เลยไม่อยากรอรถบัสแล้วครับ
ในอาเซอร์ไบจัน เราไม่ได้เช่ารถ แต่เลือกซื้อ day tour ไปยังที่ต่างๆแทนครับ
หลังจากนั้นเราจะบินออกจากอาเซอร์ไปจันไปจอร์เจียกันครับ
ประเทศอาเซอร์ไบจาน เป็นประเทศเล็ก ๆ กับประชากรประมาณสิบล้านคน ชื่ออาจไม่ค่อยคุ้นหูคนไทย แต่ที่นี่ขึ้นชื่อมากเรื่องแหล่งน้ำมัน ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอย่างมากในเมืองหลวงบากูนั่นเองครับ
อาเซอร์ไบจานเป็นหนึ่งในสาม-สี่ประเทศบริเวณเทือกเขาคอเคซัส เป็นจุดมาบรรจบของทวีปยุโรปและเอเชีย (จนหนังสือแต่ละเล่มเขียนว่ายุโรปบ้าง เอเชียบ้างแหละ) ซึ่งตำแหน่งก็อยู่ตามภาพเลยครับ ถ้านั่งเครื่องบินแบบบินตรงจากกรุงเทพ จะใช้เวลาประมาณ 8-9 ชั่วโมง
ประเทศนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก และก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตมาก่อน ปัจจุบันตัวประเทศไม่ใหญ่ ขนาดประมาณภาคกลางของไทย มีประชากรทั้งหมด 10 ล้านคน โดย 95++% เป็นชาวเติร์ก และเป็นมุสลิม ซึ่งต่างกับสมัยโบราณ ที่เป็น Zoroastrianism หรือศาสนาไฟ
มีภาษาเป็นของตัวเอง (ภาษาอาเซอร์ไบจาน) ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับภาษาตุรกี แต่ยากกว่า (เจ้าของภาษาเขาว่าอย่างนั้น) แต่คนสูงวัยส่วนมากพูดภาษารัสเซีย (ด้วยเหตุผลก่อนหน้า) และวัยรุ่นส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษพอได้
ภาพ: ป้ายต้อนรับเข้าเมือง Quba และป้ายบอกทางภาษาอังกฤษ และอาเซอร์ไบจาน
สกุลเงินคือ manat (AZN) ขณะนี้เทียบเท่า 20-22 บาทไทย น้ำขวดลิตรละประมาณ 15 บาท
และ เนื่องจากที่นี่พบแหล่งน้ำมันเยอะมาก น้ำมันราคาลิตรละ 18 ครับ ผู้คนเป็นมิตรโดยส่วนใหญ่ (และไม่เป็นมิตรเมื่อขับรถ)
ความน่าสนใจคือเนื่องจากเป็นประเทศที่รวย ดังนั้นจะเห็นสถาปัตยกรรมแปลกตาจำนวนมาก (หลายอย่างเป็นของรัฐบาลเองด้วย)
มีหลายตึกที่เห็นแล้วว้าว จนยกกล้องถ่ายไม่ทัน ดูเพิ่มได้ที่นี่
https://en.wikipedia.org/wiki/Architecture_of_Baku
เราออกเดินทางเพื่อไปรู้จักประเทศนี้ให้มากขึ้นกันครับ
แพลนของเราจัดง่ายๆ เนื่องจากถึงบากูตอนค่ำๆแล้วประมาณ 21.00 ครับ กว่าจะหารถเข้าเมืองได้ก็นานเลย ถึงที่พักก็นอนแล้วครับ
D1 - ไปเที่ยว mud volcano, qobustan rock park, yanardag, fire temple ครับ นอกเมืองหมดเลย
D2 - day tour Khinalug (Xinaliq) village หมู่บ้านที่สูงที่สุดในอาเซอร์ไบจาน
D3 - city walk เดินเล่นทั่วเมือง แล้วบินต่อไป georgia ครับ
จริงๆ ถ้าเพิ่มได้ สามารถเที่ยวได้เมืองเพิ่มได้อีกนิดหน่อย รวมถึงไปเมืองอื่นๆครับ เช่น Gəncə, Nakhchivan ครับ
Day 1
เราหาทัวร์ทั้งหมดจาก Viator ครับ มีทัวร์ให้เลือกค่อนข้างเยอะ ก็เลือกเจ้าที่ราคาไม่แรง + รีวิวเยอะๆ ดีๆ
อันนี้เราแนะนำครับ ไกด์เป็นคนอาเซอร์ไบจันที่เกิดสมัยโซเวียต คุณลุงพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก บรรยายสนุกมาด้วยเช่นกันครับ
ที่แรกที่เราจะไปกันคือ Qobustan Rock Park ครับ
ก่อนออกจาก zone baku ก็จะเจอมัสยิด Bibiheybat ครับ สวยงามมาก แต่เราไม่ได้แวะครับ
สามารถมาได้กับรถบัสครับผม หรือแทกซี่
ระหว่างที่ก็วิวไม่มีอะไรมากครับ ส่วนใหญ่มีบ่อน้ำมันแล้วก็ที่โล่งๆ แห้งๆครับ
ระยะทางรวมๆ เกือบ 70 กม. ครับ ชม.นึง นั่งกันยาวๆไป
Qobustan Rock Art Cultural Landscape เป็นที่ราบสูงที่มีก้อนหินโผล่ขึ้นมาจากทะเลทรายตอนกลางของอาเซอร์ไบจานครับ
มีการประมาณว่ามีงานแกะสลัก/ภาพวาดบนหินมากกว่า 6,000 ชิ้น มีซากถ้ำที่มีคนอาศัยอยู่ การตั้งถิ่นฐาน และการฝังศพครับ
อันนี้เข้า UNESCO Heritage ตั้งแต่ 2007 ครับผม คุณลุงไกด์ของเราก็จะพาไปดูภาพวาดต่างๆ หลังจากนั้นก็ปล่อยตามอัธยาศัยครับ
(ขอบคุณภาพจาก
https://whc.unesco.org/en/list/1076/ ผมหาที่ถ่ายเองไม่เจอครับ)
ในรูปเป็น ทะเลแคสเปียน มองจาก Qobustan ถึงมีผืนน้ำติดเมือง แต่ทั้งหมดคือทะเล Caspian ซึ่งไม่มีทางออกสู่มหาสมุทรเลย แต่ก็สามารถหาเรือไปคาซัคสถาน, เติร์กเมนิสถาน รัสเซีย อิหร่านได้ (นั่งเรือจากที่นี่ไปเติร์กเมนได้ด้วยนะครับ แต่ไปยากม๊ากกกกก)
จากนั้นเราจะไปต่อกันที่ Mud volcano ครับ ซึ่งอยู่ในเขต Park นี่แหละ นั่งรถต่ออีก 16 กม. ครับ
ที่นี่ไม่ได้มีค่าเข้าอะไรครับ เป็นแบบว่า มีบ่อตรงไหนก็ไปดู ซึ่งจริงๆมันก็คือโคลนที่มีฟองปุดๆ ออกมา เป็นก๊าซจากใต้ดินครับ
วิวก็จะโล่งๆ ดินเป็นกองๆ แห้งๆ มีบ่อโคลน บริเวณใกล้ๆบ่อโคลนดินจะยวบมาก ระวังโคลนดูดครับ
ไกด์เล่าว่าสองสามปีก่อน มีคนจีนมาเที่ยวแล้วเซลฟี่ ถ่ายคลิปจนโดนโคลนดูดไป 3/4 ของตัว ลำบากกู้ภัยอีกครับ
(ขอบคุณภาพจาก
https://www.travelaze.com/mud-volcanoes/ ครับ ผมถ่ายตอนมันปุดๆ เป็นฟองไม่ได้ 555)
จากนั้นเราก็จะกลับเข้าเมืองไปโบสถ์ไฟครับ แต่ก่อนจะไป แวะทานข้าวครับ ซึ่งรวมในทัวร์แล้ว ร้าน Halal Süfrə รสชาติใช้ได้
(ออกตัวก่อนว่าผมกินอาหารได้แทบทุกประเทศและอร่อยไปหมด รสชาติอาหารอาเซอร์ไบจานจะเค็มๆ เครื่องเทศแขกๆหน่อย แต่ไม่จัดมากแบบอินเดียหรืออาหรับนะครับ)
ที่เห็นเป็นขาๆ อันนั้นขาแกะครับ อิ่มอร่อยมาก รวมในทัวร์แล้วครับ
ต่อไปไปกันที่ Atashgah Zoroastrian Fire Temple (Atəşgah Od Məbədi) ครับ
จริง ๆ อันนี้คืออันหลัก สมัยโบราณมีไฟลุกขึ้นมาก จากการระเบิดแถวภูเขาบ้าง ทะเลบ้าง + ก๊าซธรรมชาติ ผู้คนสมัยโบราณจึงนับถือ บูชาไฟกัน (มีศาสนาที่เรียกว่า Zoroastrainism)
Atashgah Zoroastrianism Fire Temple ตรงนี้เป็นเปลวไฟที่สร้างขึ้น
ข้างในก็เป็นบริเวณที่เค้าใช้บูชากัน ไกด์ก็จะนำเราเที่ยวเรื่อยๆครับ มีเวลาให้เดินตามอัธยาศัยครับ
ตอนเย็นๆ เริ่มมืดก็จะดูขลังไปอีกแบบ พวกผมไปตอนบ่ายๆ เลยไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ครับ
(ภาพจาก
https://press.fourseasons.com/baku/trending-now/fire-temple-excursion/)
ปัจจุบันยังคงมีแหล่งที่มีเปลวไฟลุกอยู่ เช่น Yanardag (เมื่อก่อนไฟลุกทั้งภูเขาและกินเวลามาเป็นพันปีแล้ว)
ที่นี่ก็จะเป็น stop ต่อไปที่เราจะเที่ยวกันครับ คล้ายๆที่เติร์กเมน แต่เล็กกว่ามากๆครับ
และพวกไฟเองก็ปรากฏตามตราแผ่นดิน, นำมาสร้างตึกทรงไฟ ด้วยครับ
ที่นี่ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากกองไฟเล็กๆที่จุดแล้วไม่มอดดับสักที จากก๊าซใต้ดินครับ
ในปี 1950 มีคนเลี้ยงแกะเผลอไปจุดละมันก็ไม่เคยดับอีกเลยครับ
เสร็จสิ้นที่นี่ก็จะเป็นอันจบทัวร์วันแรก เราไปเดินดูเมืองตอนเย็นๆค่ำๆ กันต่ออีกเล็กน้อย
the must ที่ไม่ควรพลาดในอาเซอร์ไบจันคือ Heydar Aliyev Center ครับ
เป็นเหมือนกับ exhibition hall แต่ดังเพราะสถาปัตยกรรมแบบ modern โดยสถาปนิกชื่อดังคุณ Zaha Hadid ครับ
เรามากันตอนเย็นๆ ก็คือคนมาเดินเล่นกันเยอะมากครับ โดดเด่นจากทุกที่ ขับรถก็เห็น เดินก็เห็น บินก็น่าจะเห็นนะ? 555
นี่ก็จะเป็น fire tower ที่เค้าเปิดไฟ เล่นไฟได้ อันนี้แสดงเป็นสีธงชาติของอาเซอร์ไบจันครับ
มื้อเย็นกินที่ Samik restoran ร้านอาหารอาเซอร์-อุซเบก อร่อยดีครับ (ตามหนังสือ lonely planet)
https://yandex.com/maps/-/CDR4FUOQ
เดี๋ยวจะมาต่อวันที่ 2 ครับ
[CR] อาเซอร์ไบจัน (Azerbaijan): ดินแดนแห่งไฟ (Land of Fire)
สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งกับรีวิวดองเค็มอีกแล้ว อันนี้ผมไปตั้งแต่พฤศจิกายน 2022 ครับ แต่ว่าตั้งใจจะทำรีวิวแต่ไม่ได้ทำสักที
ทริปนี้เป็นส่วนหนึ่งของทริป Caucasus ของผมครับ แต่ผมจะรีวิวแค่ Azerbaijan, Armenia นะครับ
เพราะจอร์เจียคนไทยน่าจะคุ้นชินกันแล้ว รวมถึงมีรีวิวเยอะด้วย
ทริปนี้เราจอง Qatar Airways multi-city BKK-GYD, EVN-BKK ในราคาประมาณ 37000 (ช่วงที่เพิ่งออกนอกประเทศได้ใหม่ๆ)
เนื่องจากเป็นไม่กี่สายการบินที่มีบินจากทั้งอาร์เมเนียและอาเซอร์ไปจัน เราไปกันทั้งหมด 12 วันครับ รวมวันเดินทาง
ได้เที่ยวจริงประเทศละ 3 วัน ครับ โดยเราตัดที่ที่คิดว่าวิวซ้ำๆ และเลือกที่ที่อยากไปมากกว่าครับ
ส่วนตัวถือว่าเพียงพอ และโอเคมากๆแล้วครับ อนาคตถ้าไป อาจจะไปอาร์เมเนียหรืออาเซอร์ไปจันอีก แต่จอร์เจีย คงไม่ในเร็วๆนี้ครับ
สำหรับคนไทย เรายื่นขอ e-visa ได้ครับ https://evisa.gov.az/en
ขอมาแล้วได้ 30 วัน ปริ้นไปที่ ตม. ได้เลยครับ ค่าขออยู่ที่ 20 USD ใช้เวลา 3 วัน
***ระวังเว็บปลอมนะครับ***
ดูรีวิวเพิ่มเติมของท่านนี้ได้เลยครับ https://ppantip.com/topic/38710493
สนามบินอลังการในระดับนึง ไม่ได้ใหญ่มากแต่โอเคเลยครับ
เราเรียกแทกซี่เป็น Bolt ไปที่โรงแรม ซึ่งเราพักกันที่ Sahil Hostel ครับ
จริงๆแล้วจะมีรถบัสด้วย มีตู้กดตั๋วหน้าสนามบิน แต่เราถึงดึกมาก เลยไม่อยากรอรถบัสแล้วครับ
ในอาเซอร์ไบจัน เราไม่ได้เช่ารถ แต่เลือกซื้อ day tour ไปยังที่ต่างๆแทนครับ
หลังจากนั้นเราจะบินออกจากอาเซอร์ไปจันไปจอร์เจียกันครับ
ประเทศอาเซอร์ไบจาน เป็นประเทศเล็ก ๆ กับประชากรประมาณสิบล้านคน ชื่ออาจไม่ค่อยคุ้นหูคนไทย แต่ที่นี่ขึ้นชื่อมากเรื่องแหล่งน้ำมัน ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอย่างมากในเมืองหลวงบากูนั่นเองครับ
อาเซอร์ไบจานเป็นหนึ่งในสาม-สี่ประเทศบริเวณเทือกเขาคอเคซัส เป็นจุดมาบรรจบของทวีปยุโรปและเอเชีย (จนหนังสือแต่ละเล่มเขียนว่ายุโรปบ้าง เอเชียบ้างแหละ) ซึ่งตำแหน่งก็อยู่ตามภาพเลยครับ ถ้านั่งเครื่องบินแบบบินตรงจากกรุงเทพ จะใช้เวลาประมาณ 8-9 ชั่วโมง
ประเทศนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก และก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตมาก่อน ปัจจุบันตัวประเทศไม่ใหญ่ ขนาดประมาณภาคกลางของไทย มีประชากรทั้งหมด 10 ล้านคน โดย 95++% เป็นชาวเติร์ก และเป็นมุสลิม ซึ่งต่างกับสมัยโบราณ ที่เป็น Zoroastrianism หรือศาสนาไฟ
มีภาษาเป็นของตัวเอง (ภาษาอาเซอร์ไบจาน) ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับภาษาตุรกี แต่ยากกว่า (เจ้าของภาษาเขาว่าอย่างนั้น) แต่คนสูงวัยส่วนมากพูดภาษารัสเซีย (ด้วยเหตุผลก่อนหน้า) และวัยรุ่นส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษพอได้
ภาพ: ป้ายต้อนรับเข้าเมือง Quba และป้ายบอกทางภาษาอังกฤษ และอาเซอร์ไบจาน
สกุลเงินคือ manat (AZN) ขณะนี้เทียบเท่า 20-22 บาทไทย น้ำขวดลิตรละประมาณ 15 บาท
และ เนื่องจากที่นี่พบแหล่งน้ำมันเยอะมาก น้ำมันราคาลิตรละ 18 ครับ ผู้คนเป็นมิตรโดยส่วนใหญ่ (และไม่เป็นมิตรเมื่อขับรถ)
ความน่าสนใจคือเนื่องจากเป็นประเทศที่รวย ดังนั้นจะเห็นสถาปัตยกรรมแปลกตาจำนวนมาก (หลายอย่างเป็นของรัฐบาลเองด้วย)
มีหลายตึกที่เห็นแล้วว้าว จนยกกล้องถ่ายไม่ทัน ดูเพิ่มได้ที่นี่ https://en.wikipedia.org/wiki/Architecture_of_Baku
เราออกเดินทางเพื่อไปรู้จักประเทศนี้ให้มากขึ้นกันครับ
แพลนของเราจัดง่ายๆ เนื่องจากถึงบากูตอนค่ำๆแล้วประมาณ 21.00 ครับ กว่าจะหารถเข้าเมืองได้ก็นานเลย ถึงที่พักก็นอนแล้วครับ
D1 - ไปเที่ยว mud volcano, qobustan rock park, yanardag, fire temple ครับ นอกเมืองหมดเลย
D2 - day tour Khinalug (Xinaliq) village หมู่บ้านที่สูงที่สุดในอาเซอร์ไบจาน
D3 - city walk เดินเล่นทั่วเมือง แล้วบินต่อไป georgia ครับ
จริงๆ ถ้าเพิ่มได้ สามารถเที่ยวได้เมืองเพิ่มได้อีกนิดหน่อย รวมถึงไปเมืองอื่นๆครับ เช่น Gəncə, Nakhchivan ครับ
Day 1
เราหาทัวร์ทั้งหมดจาก Viator ครับ มีทัวร์ให้เลือกค่อนข้างเยอะ ก็เลือกเจ้าที่ราคาไม่แรง + รีวิวเยอะๆ ดีๆ
อันนี้เราแนะนำครับ ไกด์เป็นคนอาเซอร์ไบจันที่เกิดสมัยโซเวียต คุณลุงพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก บรรยายสนุกมาด้วยเช่นกันครับ
ที่แรกที่เราจะไปกันคือ Qobustan Rock Park ครับ
ก่อนออกจาก zone baku ก็จะเจอมัสยิด Bibiheybat ครับ สวยงามมาก แต่เราไม่ได้แวะครับ
สามารถมาได้กับรถบัสครับผม หรือแทกซี่
ระหว่างที่ก็วิวไม่มีอะไรมากครับ ส่วนใหญ่มีบ่อน้ำมันแล้วก็ที่โล่งๆ แห้งๆครับ
ระยะทางรวมๆ เกือบ 70 กม. ครับ ชม.นึง นั่งกันยาวๆไป
Qobustan Rock Art Cultural Landscape เป็นที่ราบสูงที่มีก้อนหินโผล่ขึ้นมาจากทะเลทรายตอนกลางของอาเซอร์ไบจานครับ
มีการประมาณว่ามีงานแกะสลัก/ภาพวาดบนหินมากกว่า 6,000 ชิ้น มีซากถ้ำที่มีคนอาศัยอยู่ การตั้งถิ่นฐาน และการฝังศพครับ
อันนี้เข้า UNESCO Heritage ตั้งแต่ 2007 ครับผม คุณลุงไกด์ของเราก็จะพาไปดูภาพวาดต่างๆ หลังจากนั้นก็ปล่อยตามอัธยาศัยครับ
(ขอบคุณภาพจาก https://whc.unesco.org/en/list/1076/ ผมหาที่ถ่ายเองไม่เจอครับ)
ในรูปเป็น ทะเลแคสเปียน มองจาก Qobustan ถึงมีผืนน้ำติดเมือง แต่ทั้งหมดคือทะเล Caspian ซึ่งไม่มีทางออกสู่มหาสมุทรเลย แต่ก็สามารถหาเรือไปคาซัคสถาน, เติร์กเมนิสถาน รัสเซีย อิหร่านได้ (นั่งเรือจากที่นี่ไปเติร์กเมนได้ด้วยนะครับ แต่ไปยากม๊ากกกกก)
จากนั้นเราจะไปต่อกันที่ Mud volcano ครับ ซึ่งอยู่ในเขต Park นี่แหละ นั่งรถต่ออีก 16 กม. ครับ
ที่นี่ไม่ได้มีค่าเข้าอะไรครับ เป็นแบบว่า มีบ่อตรงไหนก็ไปดู ซึ่งจริงๆมันก็คือโคลนที่มีฟองปุดๆ ออกมา เป็นก๊าซจากใต้ดินครับ
วิวก็จะโล่งๆ ดินเป็นกองๆ แห้งๆ มีบ่อโคลน บริเวณใกล้ๆบ่อโคลนดินจะยวบมาก ระวังโคลนดูดครับ
ไกด์เล่าว่าสองสามปีก่อน มีคนจีนมาเที่ยวแล้วเซลฟี่ ถ่ายคลิปจนโดนโคลนดูดไป 3/4 ของตัว ลำบากกู้ภัยอีกครับ
(ขอบคุณภาพจาก https://www.travelaze.com/mud-volcanoes/ ครับ ผมถ่ายตอนมันปุดๆ เป็นฟองไม่ได้ 555)
จากนั้นเราก็จะกลับเข้าเมืองไปโบสถ์ไฟครับ แต่ก่อนจะไป แวะทานข้าวครับ ซึ่งรวมในทัวร์แล้ว ร้าน Halal Süfrə รสชาติใช้ได้
(ออกตัวก่อนว่าผมกินอาหารได้แทบทุกประเทศและอร่อยไปหมด รสชาติอาหารอาเซอร์ไบจานจะเค็มๆ เครื่องเทศแขกๆหน่อย แต่ไม่จัดมากแบบอินเดียหรืออาหรับนะครับ)
ที่เห็นเป็นขาๆ อันนั้นขาแกะครับ อิ่มอร่อยมาก รวมในทัวร์แล้วครับ
ต่อไปไปกันที่ Atashgah Zoroastrian Fire Temple (Atəşgah Od Məbədi) ครับ
จริง ๆ อันนี้คืออันหลัก สมัยโบราณมีไฟลุกขึ้นมาก จากการระเบิดแถวภูเขาบ้าง ทะเลบ้าง + ก๊าซธรรมชาติ ผู้คนสมัยโบราณจึงนับถือ บูชาไฟกัน (มีศาสนาที่เรียกว่า Zoroastrainism)
Atashgah Zoroastrianism Fire Temple ตรงนี้เป็นเปลวไฟที่สร้างขึ้น
ข้างในก็เป็นบริเวณที่เค้าใช้บูชากัน ไกด์ก็จะนำเราเที่ยวเรื่อยๆครับ มีเวลาให้เดินตามอัธยาศัยครับ
ตอนเย็นๆ เริ่มมืดก็จะดูขลังไปอีกแบบ พวกผมไปตอนบ่ายๆ เลยไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ครับ
(ภาพจาก https://press.fourseasons.com/baku/trending-now/fire-temple-excursion/)
ปัจจุบันยังคงมีแหล่งที่มีเปลวไฟลุกอยู่ เช่น Yanardag (เมื่อก่อนไฟลุกทั้งภูเขาและกินเวลามาเป็นพันปีแล้ว)
ที่นี่ก็จะเป็น stop ต่อไปที่เราจะเที่ยวกันครับ คล้ายๆที่เติร์กเมน แต่เล็กกว่ามากๆครับ
และพวกไฟเองก็ปรากฏตามตราแผ่นดิน, นำมาสร้างตึกทรงไฟ ด้วยครับ
ที่นี่ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากกองไฟเล็กๆที่จุดแล้วไม่มอดดับสักที จากก๊าซใต้ดินครับ
ในปี 1950 มีคนเลี้ยงแกะเผลอไปจุดละมันก็ไม่เคยดับอีกเลยครับ
เสร็จสิ้นที่นี่ก็จะเป็นอันจบทัวร์วันแรก เราไปเดินดูเมืองตอนเย็นๆค่ำๆ กันต่ออีกเล็กน้อย
the must ที่ไม่ควรพลาดในอาเซอร์ไบจันคือ Heydar Aliyev Center ครับ
เป็นเหมือนกับ exhibition hall แต่ดังเพราะสถาปัตยกรรมแบบ modern โดยสถาปนิกชื่อดังคุณ Zaha Hadid ครับ
เรามากันตอนเย็นๆ ก็คือคนมาเดินเล่นกันเยอะมากครับ โดดเด่นจากทุกที่ ขับรถก็เห็น เดินก็เห็น บินก็น่าจะเห็นนะ? 555
นี่ก็จะเป็น fire tower ที่เค้าเปิดไฟ เล่นไฟได้ อันนี้แสดงเป็นสีธงชาติของอาเซอร์ไบจันครับ
มื้อเย็นกินที่ Samik restoran ร้านอาหารอาเซอร์-อุซเบก อร่อยดีครับ (ตามหนังสือ lonely planet)
https://yandex.com/maps/-/CDR4FUOQ
เดี๋ยวจะมาต่อวันที่ 2 ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น