วันที่ 28 กันยายน 2566
จดหมายเปิดผนึก
เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เรื่อง ขอให้ชำระประวัติศาสตร์การปฏิรูปการศึกษา2538ของประชาชน เพื่อป้องกัน นักการศึกษา ต้ม นักการเมือง ด้วยรางวัลUNESCO ซึ่งได้มาโดยไม่ชอบธรรม ตั้งแต่ปี2540และ 2541 และ ได้รับโอกาสเขียนกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ2540 ด้านการศึกษา2542 และใช้เงินภาษีประชาสัมพันธ์ว่ากฎหมายการศึกษา2542 ซึ่งเป็นเพียงกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ 2540 คือ การปฏิรูป หรือ การอภิวัฒน์การศึกษา2538 -2540 ทั้งที่มีแนวทางตรงกันข้าม และ บิดาของข้าพเจ้าได้ปลด ดร.รุ่ง แก้วแดง และพวกออกจากคณะ อภิวัฒน์การศึกษาไทย 2538
1)
https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/20.500.13072/426371/2538_%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2_%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3.pdf?sequence=1
คำแถลงนโยบาย ของ คณะรัฐมนตรี นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา วันพุธที่ 26 กรกฎาคม 2538 ซึ่งแรงงานไทยร้อยละ 79.1 มีการศึกษาระดับประถมหรือต่ำกว่า ประเทศไทย มีพลเมือง 58.2 ล้านคน และ 48.7 ล้านคนยากจนและอาศัยอยู่ในชนบท เพียงระยะเวลา34ปี จากปี 2504 -2538 ถางป่าไป 88.84 ล้านไร่ เพื่อทำไร่เลื่อนลอย
บิดาของข้าพเจ้าจึงอภิวัฒน์การศึกษาไทย2538 คิดกระบวนทัศน์ในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 จนกระทั่งสามารถจัดทำรัฐธรรมนูญ2540สำเร็จในฐานะรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลต้มยำกุ้งหลังจากการเลือกตั้งในปี 2539 ด้วยกระบวนทัศน์ใหม่ในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 โดยประชาชนมีส่วนร่วม
หลักฐานว่า กระทรวงศึกษาธิการกระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถจัดบริการการศึกษาระดับประถมในท้องถิ่นทุรกันดาร ห่างไกล มีคนไทย4.35ล้านคน อายุ3-17 ปี ตกหล่น กระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถให้ บริการ จึงต้องอภิวัฒน์การศึกษาไทยในปี 2538 และ ในที่สุดกระทรวงศึกษาธิการสามารถให้บริการคนไทยทุกคนได้เป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์การศึกษาไทย เมื่อ 8 พฤษภาคม 2540 โดยมีไทม์ไลน์ ในการทำงานดังนี้
จุดเริ่มต้นของการอภิวัฒน์การศึกษาไทย 2538
2)ในปี2538 ซึ่งใช้รัฐธรรมนูญปี 2534 คนไทยมีสิทธิ์การศึกษาเพียง6 ปีไม่มีอาหารกลางวัน และ มีคนยากจน48.7 ล้านคน มีอาชีพเกษตรกรทำการผลิตเเบบดั้งเดิม(ผลผลิตต่ำ) อาศัยอยู่ในชนบท จากพลเมืองทั้งประเทศ 58.2ล้านคน แรงงานไทยร้อยละ79.1 ระดับประถมหรือต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยการศึกษาของคนไทยเพียง 5.3 ปี เพราะกระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถจัดบริการการศึกษาระดับประถมได้ทั่วถึง
https://drive.google.com/file/d/1koBrisaqUuQy33QBcQWKHNMe-VMFGrr7/view?
3)คุณพ่อสุขวิช รังสิตพลบิดาของข้าพเจ้าในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงประกาศใช้แผนแม่บทนโยบายปฏิรูปการศึกษายุคโลกาภิวัฒน์2538:เพื่อเตรียมพร้อมพลเมืองไทยสำหรับศตวรรษที่21 และ ประกาศว่า วันที่ 8 พฤษภาคม 2540 เด็กไทยอายุ 3-17 ปี 4.35 ล้านคนซึ่งตกหล่นนอกระบบการศึกษา ลูกหลานเกษตรกรยากจนทั่วประเทศไทยต้องได้เข้าเรียนโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย พร้อมอาหารอย่างน้อย1 มื้อและอุปกรณ์ครบครัน (3-5ปี 7 แสนคน ,6-11ปี 6.5แสนคน,12-14ปี 1ล้านคน และ 15-17ปี 2 ล้านคน)
https://drive.google.com/file/d/15QlrFCwSFYi0cKoRV6-jIJODbiC6FPlK/view
แปลเป็นภาษาอังกฤษ
https://elibrary.ksp.or.th/doc_num.php?explnum_id=4954 เพื่อนำแนวทาง Education for All,All for Education 1995 ไปแบ่งปันที่ UNESCO ในปี 1996
4)การปฏิรูปการศึกษา2538 ถูกคัดค้านจาก ดร.รุ่ง แก้วแดง อธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียน บิดาของข้าพเจ้าจึงย้ายบุคคลดังกล่าวออกนอกกระทรวงศึกษาธิการไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา รวมทั้ง ยกเลิกฐานะกรรมการปฏิรูปการศึกษา2538 ของดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน และ ดร.ประเวศ วะสี และ แนวร่วมของ ดร.รุ่ง แก้วแดง ทั้งหมด
เนื่องจากผลงานการจัดบริการการศึกษาไทยภาคบังคับ(ประถม6)ไม่ทั่วถึง
เนื่องจากแต่ละท้องถิ่น มีความแตกต่างกันมากทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ วัฒนธรรม การจัดการบริการการศึกษาที่ดีและเหมาะสมจึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในทุกท้องถิ่นทั่วประเทศไทย
https://unesdoc.unesco.org/ark:/48223/pf0000122102 หน้า53-56
My father H.E.Mr. Sukavich Rangsitpol Minister of Education, Thailand (1995–1997) laid out his plans for education in Thailand.
At the very beginning, the crucial element to be considered for education reform is the management system. The administrative power, in particular, has to be shifted to local authorities, and local participation in the school management is essentially encouraged. We cannot deny that people who know more about the educational needs of local people are those who work and live within that community.
https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=3782
หน้า 154
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความ ต้องการของคนในกลุ่มอายุต่างๆตั้งแต่วัยและเยาวชนวัยทำงานไปจนถึงวัยสูงอายุโดย
การให้การศึกษาตลอดชีวิต ตามแผนแม่บทนโยบายปฏิรูปการศึกษายุคโลกาภิวัฒน์2538:เพื่อเตรียมพร้อมพลเมืองไทยสำหรับศตวรรษที่21
5)จึงจำเป็นต้องแก้ไขแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ7 โดยเพิ่มบทบาทของรัฐในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ด้วยการให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสให้มีคุณภาพและขีดความสามารถสูงขึ้น ด้วยวิธีการต่างๆเช่น การให้เงินอุดหนุนหรือทุนการศึกษากับผู้ด้อยโอกาสและฐานะทางเศรษฐกิจ การจัดการให้สวัสดิการด้านการศึกษาและการรักษาพยาบาลผู้มีรายได้น้อย ผู้พิการทุพพลภาพ ผู้สูงวัยและรวมทั้งจัดสรรงบประมาณและใหเ้งินอุดหนุนการลงทุนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต
การแก้ไขแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่7จากผู้บริหารมีปัญหาด้านการปฏิบัติงาน
6)จึงจำเป็นต้องจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่8 แผนพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งจัดทำโดยประชาชนและยึดประชาชนหรือคนเป็นศูนย์กลาง โดยมีเป้าหมาย
* ประเทศไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ในปี 2563 และ มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ8ของโลก เน้นการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มีนวัตกรรมเป็นของเราเอง ทันยุคโลกาภิวัฒน์แตีสามารถรักษามรดกทางวัฒนธรรมความเป็นไทยอย่างสมดุล
*รัฐดูแลประชาชนตั้งแต่ในครรภ์มารดา ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในชนบท ภูมิภาค หรือเมืองหลวง ประชาชนจะได้รับบริการทางการศึกษาและสุขภาพถ้วนหน้า
รวมทั้งบริการพื้นฐานด้านคมนาคม สื่อสารและเทคโนโลยี อย่างเสมอภาค
*กลุ่มคนผู้ขาดโอกาสในสังคมได้ร้บโอกาสทางการศึกและการมีงานทำอย่างถ้วนหน้าคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตดี มีความรู้ความสามารถ รู้จักตนเอง รู้เท่าทันโลกและมีศักยภาพที่จะปรับตัวเองได้อย่างมีคุณค่า ตลอดทุกช่วงของชีวิต
*คนไทยมีได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 300,000 บาทต่อปี หรือประมาณ 12,000 เหรียญสหรัฐซึ่งวัดณระดับราคาปี 2536
https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=3783 หน้าขอไข่
7)การแปลงแผน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่8 สู่การปฏิบัติ
และประกาศใช้ตั้งแต่ วันที่1 ตุลาคม 2539
https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/20.500.13072/367183/2539_%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%888_%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99.pdf?sequence=1
8)การเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ใน6 เดือนแรก ส่งผลให้เด็กไทยอายุ3-17 ปี ทุกคนได้เรียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2540 เป็นรูปธรรม โดยรับนักเรียนเพิ่มได้4.35ล้านคน ตามแผนแม่บทนโยบายปฏิรูปการศึกษายุคโลกาภิวัฒน์2538 : เพื่อเตรียมพร้อมพลเมืองไทยสำหรับศตวรรษที่21
https://drive.google.com/file/d/1JLvKeOom22AL7w_RBHFXOTC7nydqLtew/view?usp=drivesdk
9)จากผลงานการปฏิรูปการศึกษา2538 คุณพ่อสุขวิช รังสิตพลได้รับรางวัลและปริญญาเอกด้านการศึกษาจากประเทศฟิลิปปินส์ในปี2539 ประเทศผู้นำในการจัดบริการการศึกษาในห้วงเวลานั้น
1996 "During his trip to the Philippines, H.E. Mr. Sukavich Rangsitpol was conferred an Honorary Degree of Doctor of Education by the Philippine Normal University. His will to reform education and strong leadership in educational management were highly commended.
https://web.archive.org/web/20220904100222/https://www.seameo.org/vl/library/dlwelcome/photogallery/president/sukavich.htm
10 )แผนพัฒนาฯฉบับที่ 8 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนพลังทางสังคมให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างใหญ่ และนำไปสู่การสร้างแนวคิดพื้นฐานในการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540
ซึ่งคนไทยได้รับสิทธิ์การศึกษา12ปี ไม่มีค่าใช้จ่ายพร้อมอาหารอย่างน้อย1มื้อพร้อมอุปกรณ์ เปลี่ยนแปลงจากสิทธิการศึกษา6ปีไม่มีอาหารกลางวัน ของรัฐธรรมนูญ2534
https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/20.500.13072/366459/2541_%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88_%E0%B8%898_%E0%B8%9B%E0%B8%B541_44.pdf?sequence=1 หน้า 20 ข้อ 4.2
ผลของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่8 ในปี2539-2540
หลังจากรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยประกาศใช้เมื่อ 11 ตุลาคม 2540 มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และ การปฏิรูปการศึกษาไทยได้กลับไปอยู่ในอำนาจของบุคคลซึ่งใช้ผลงานการอภิวัฒน์การศึกษาไทยในปี 2538-2540 ของบิดาข้าพเจ้าไปรับรางวัลUNESCOด้านการศึกษา ในช่วงปี2540-2541
จุดเริ่มต้นของปัญหาการศึกษาของประเทศไทย เริ่มจาก การปล้น รางวัล UNESCO ด้านการจัดบริการการศึกษาพื้นฐาน ของกระทรวงศึกษาธิการ
นำเข้าข้อมูลอันเป็นจริง เข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ โดย
ลูกสาว คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล
พันโทหญิง ฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล - ผู้พันปราง
โฆษกกระทรวงกลาโหมคนแรกของประเทศไทย
ผู้หญิงคนแรกในรอบ 77 ปี
ผู้กล้าท้าชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 21
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2545
จดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ชำระประวัติศาสตร์การศึกษาไทย
จดหมายเปิดผนึก
เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เรื่อง ขอให้ชำระประวัติศาสตร์การปฏิรูปการศึกษา2538ของประชาชน เพื่อป้องกัน นักการศึกษา ต้ม นักการเมือง ด้วยรางวัลUNESCO ซึ่งได้มาโดยไม่ชอบธรรม ตั้งแต่ปี2540และ 2541 และ ได้รับโอกาสเขียนกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ2540 ด้านการศึกษา2542 และใช้เงินภาษีประชาสัมพันธ์ว่ากฎหมายการศึกษา2542 ซึ่งเป็นเพียงกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ 2540 คือ การปฏิรูป หรือ การอภิวัฒน์การศึกษา2538 -2540 ทั้งที่มีแนวทางตรงกันข้าม และ บิดาของข้าพเจ้าได้ปลด ดร.รุ่ง แก้วแดง และพวกออกจากคณะ อภิวัฒน์การศึกษาไทย 2538
1)https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/20.500.13072/426371/2538_%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2_%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3.pdf?sequence=1
คำแถลงนโยบาย ของ คณะรัฐมนตรี นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา วันพุธที่ 26 กรกฎาคม 2538 ซึ่งแรงงานไทยร้อยละ 79.1 มีการศึกษาระดับประถมหรือต่ำกว่า ประเทศไทย มีพลเมือง 58.2 ล้านคน และ 48.7 ล้านคนยากจนและอาศัยอยู่ในชนบท เพียงระยะเวลา34ปี จากปี 2504 -2538 ถางป่าไป 88.84 ล้านไร่ เพื่อทำไร่เลื่อนลอย
บิดาของข้าพเจ้าจึงอภิวัฒน์การศึกษาไทย2538 คิดกระบวนทัศน์ในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 จนกระทั่งสามารถจัดทำรัฐธรรมนูญ2540สำเร็จในฐานะรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลต้มยำกุ้งหลังจากการเลือกตั้งในปี 2539 ด้วยกระบวนทัศน์ใหม่ในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 โดยประชาชนมีส่วนร่วม
หลักฐานว่า กระทรวงศึกษาธิการกระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถจัดบริการการศึกษาระดับประถมในท้องถิ่นทุรกันดาร ห่างไกล มีคนไทย4.35ล้านคน อายุ3-17 ปี ตกหล่น กระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถให้ บริการ จึงต้องอภิวัฒน์การศึกษาไทยในปี 2538 และ ในที่สุดกระทรวงศึกษาธิการสามารถให้บริการคนไทยทุกคนได้เป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์การศึกษาไทย เมื่อ 8 พฤษภาคม 2540 โดยมีไทม์ไลน์ ในการทำงานดังนี้
จุดเริ่มต้นของการอภิวัฒน์การศึกษาไทย 2538
2)ในปี2538 ซึ่งใช้รัฐธรรมนูญปี 2534 คนไทยมีสิทธิ์การศึกษาเพียง6 ปีไม่มีอาหารกลางวัน และ มีคนยากจน48.7 ล้านคน มีอาชีพเกษตรกรทำการผลิตเเบบดั้งเดิม(ผลผลิตต่ำ) อาศัยอยู่ในชนบท จากพลเมืองทั้งประเทศ 58.2ล้านคน แรงงานไทยร้อยละ79.1 ระดับประถมหรือต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยการศึกษาของคนไทยเพียง 5.3 ปี เพราะกระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถจัดบริการการศึกษาระดับประถมได้ทั่วถึง
https://drive.google.com/file/d/1koBrisaqUuQy33QBcQWKHNMe-VMFGrr7/view?
3)คุณพ่อสุขวิช รังสิตพลบิดาของข้าพเจ้าในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงประกาศใช้แผนแม่บทนโยบายปฏิรูปการศึกษายุคโลกาภิวัฒน์2538:เพื่อเตรียมพร้อมพลเมืองไทยสำหรับศตวรรษที่21 และ ประกาศว่า วันที่ 8 พฤษภาคม 2540 เด็กไทยอายุ 3-17 ปี 4.35 ล้านคนซึ่งตกหล่นนอกระบบการศึกษา ลูกหลานเกษตรกรยากจนทั่วประเทศไทยต้องได้เข้าเรียนโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย พร้อมอาหารอย่างน้อย1 มื้อและอุปกรณ์ครบครัน (3-5ปี 7 แสนคน ,6-11ปี 6.5แสนคน,12-14ปี 1ล้านคน และ 15-17ปี 2 ล้านคน)
https://drive.google.com/file/d/15QlrFCwSFYi0cKoRV6-jIJODbiC6FPlK/view
แปลเป็นภาษาอังกฤษ https://elibrary.ksp.or.th/doc_num.php?explnum_id=4954 เพื่อนำแนวทาง Education for All,All for Education 1995 ไปแบ่งปันที่ UNESCO ในปี 1996
4)การปฏิรูปการศึกษา2538 ถูกคัดค้านจาก ดร.รุ่ง แก้วแดง อธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียน บิดาของข้าพเจ้าจึงย้ายบุคคลดังกล่าวออกนอกกระทรวงศึกษาธิการไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา รวมทั้ง ยกเลิกฐานะกรรมการปฏิรูปการศึกษา2538 ของดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน และ ดร.ประเวศ วะสี และ แนวร่วมของ ดร.รุ่ง แก้วแดง ทั้งหมด
เนื่องจากผลงานการจัดบริการการศึกษาไทยภาคบังคับ(ประถม6)ไม่ทั่วถึง
เนื่องจากแต่ละท้องถิ่น มีความแตกต่างกันมากทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ วัฒนธรรม การจัดการบริการการศึกษาที่ดีและเหมาะสมจึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในทุกท้องถิ่นทั่วประเทศไทย
https://unesdoc.unesco.org/ark:/48223/pf0000122102 หน้า53-56
My father H.E.Mr. Sukavich Rangsitpol Minister of Education, Thailand (1995–1997) laid out his plans for education in Thailand.
At the very beginning, the crucial element to be considered for education reform is the management system. The administrative power, in particular, has to be shifted to local authorities, and local participation in the school management is essentially encouraged. We cannot deny that people who know more about the educational needs of local people are those who work and live within that community.
https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=3782
หน้า 154
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความ ต้องการของคนในกลุ่มอายุต่างๆตั้งแต่วัยและเยาวชนวัยทำงานไปจนถึงวัยสูงอายุโดย
การให้การศึกษาตลอดชีวิต ตามแผนแม่บทนโยบายปฏิรูปการศึกษายุคโลกาภิวัฒน์2538:เพื่อเตรียมพร้อมพลเมืองไทยสำหรับศตวรรษที่21
5)จึงจำเป็นต้องแก้ไขแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ7 โดยเพิ่มบทบาทของรัฐในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ด้วยการให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสให้มีคุณภาพและขีดความสามารถสูงขึ้น ด้วยวิธีการต่างๆเช่น การให้เงินอุดหนุนหรือทุนการศึกษากับผู้ด้อยโอกาสและฐานะทางเศรษฐกิจ การจัดการให้สวัสดิการด้านการศึกษาและการรักษาพยาบาลผู้มีรายได้น้อย ผู้พิการทุพพลภาพ ผู้สูงวัยและรวมทั้งจัดสรรงบประมาณและใหเ้งินอุดหนุนการลงทุนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต
การแก้ไขแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่7จากผู้บริหารมีปัญหาด้านการปฏิบัติงาน
6)จึงจำเป็นต้องจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่8 แผนพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งจัดทำโดยประชาชนและยึดประชาชนหรือคนเป็นศูนย์กลาง โดยมีเป้าหมาย
* ประเทศไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ในปี 2563 และ มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ8ของโลก เน้นการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มีนวัตกรรมเป็นของเราเอง ทันยุคโลกาภิวัฒน์แตีสามารถรักษามรดกทางวัฒนธรรมความเป็นไทยอย่างสมดุล
*รัฐดูแลประชาชนตั้งแต่ในครรภ์มารดา ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในชนบท ภูมิภาค หรือเมืองหลวง ประชาชนจะได้รับบริการทางการศึกษาและสุขภาพถ้วนหน้า
รวมทั้งบริการพื้นฐานด้านคมนาคม สื่อสารและเทคโนโลยี อย่างเสมอภาค
*กลุ่มคนผู้ขาดโอกาสในสังคมได้ร้บโอกาสทางการศึกและการมีงานทำอย่างถ้วนหน้าคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตดี มีความรู้ความสามารถ รู้จักตนเอง รู้เท่าทันโลกและมีศักยภาพที่จะปรับตัวเองได้อย่างมีคุณค่า ตลอดทุกช่วงของชีวิต
*คนไทยมีได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 300,000 บาทต่อปี หรือประมาณ 12,000 เหรียญสหรัฐซึ่งวัดณระดับราคาปี 2536
https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=3783 หน้าขอไข่
7)การแปลงแผน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่8 สู่การปฏิบัติ
และประกาศใช้ตั้งแต่ วันที่1 ตุลาคม 2539
https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/20.500.13072/367183/2539_%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%888_%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99.pdf?sequence=1
8)การเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ใน6 เดือนแรก ส่งผลให้เด็กไทยอายุ3-17 ปี ทุกคนได้เรียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2540 เป็นรูปธรรม โดยรับนักเรียนเพิ่มได้4.35ล้านคน ตามแผนแม่บทนโยบายปฏิรูปการศึกษายุคโลกาภิวัฒน์2538 : เพื่อเตรียมพร้อมพลเมืองไทยสำหรับศตวรรษที่21
https://drive.google.com/file/d/1JLvKeOom22AL7w_RBHFXOTC7nydqLtew/view?usp=drivesdk
9)จากผลงานการปฏิรูปการศึกษา2538 คุณพ่อสุขวิช รังสิตพลได้รับรางวัลและปริญญาเอกด้านการศึกษาจากประเทศฟิลิปปินส์ในปี2539 ประเทศผู้นำในการจัดบริการการศึกษาในห้วงเวลานั้น
1996 "During his trip to the Philippines, H.E. Mr. Sukavich Rangsitpol was conferred an Honorary Degree of Doctor of Education by the Philippine Normal University. His will to reform education and strong leadership in educational management were highly commended.
https://web.archive.org/web/20220904100222/https://www.seameo.org/vl/library/dlwelcome/photogallery/president/sukavich.htm
10 )แผนพัฒนาฯฉบับที่ 8 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนพลังทางสังคมให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างใหญ่ และนำไปสู่การสร้างแนวคิดพื้นฐานในการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540
ซึ่งคนไทยได้รับสิทธิ์การศึกษา12ปี ไม่มีค่าใช้จ่ายพร้อมอาหารอย่างน้อย1มื้อพร้อมอุปกรณ์ เปลี่ยนแปลงจากสิทธิการศึกษา6ปีไม่มีอาหารกลางวัน ของรัฐธรรมนูญ2534
https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/20.500.13072/366459/2541_%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88_%E0%B8%898_%E0%B8%9B%E0%B8%B541_44.pdf?sequence=1 หน้า 20 ข้อ 4.2
ผลของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่8 ในปี2539-2540
หลังจากรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยประกาศใช้เมื่อ 11 ตุลาคม 2540 มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และ การปฏิรูปการศึกษาไทยได้กลับไปอยู่ในอำนาจของบุคคลซึ่งใช้ผลงานการอภิวัฒน์การศึกษาไทยในปี 2538-2540 ของบิดาข้าพเจ้าไปรับรางวัลUNESCOด้านการศึกษา ในช่วงปี2540-2541
จุดเริ่มต้นของปัญหาการศึกษาของประเทศไทย เริ่มจาก การปล้น รางวัล UNESCO ด้านการจัดบริการการศึกษาพื้นฐาน ของกระทรวงศึกษาธิการนำเข้าข้อมูลอันเป็นจริง เข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ โดย
ลูกสาว คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล
พันโทหญิง ฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล - ผู้พันปราง
โฆษกกระทรวงกลาโหมคนแรกของประเทศไทย
ผู้หญิงคนแรกในรอบ 77 ปี
ผู้กล้าท้าชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 21
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2545