เพลงนี้มาจากอัลบั้ม "ชรัส-ชลิต เฟื่องอารมย์ และคนแปลกหน้า" ซึ่งน่าสนใจตั้งแต่ว่าเป็นอัลบั้มที่ แต๋ม-ชรัส เฟื่องอารมย์ ทำงานร่วมกันกับพี่ชายตัวเอง ชลิต เฟื่องอารมย์ ที่ในเวลานั้น เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงไปแล้ว โดยแบ่งกันเกือบคนละหน้าของม้วนเทป หน้า A ชรัสเกือบทุกเพลง ยกเว้นเพลงสุดท้ายของหน้า หน้า B ชลิต เกือบทุกเพลงยกเว้นเพลงสุดท้ายของหน้าเช่นกัน ส่วนดนตรีเล่นโดยวง คนแปลกหน้า ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่แปลกหน้าขนาดนั้น เพราะมีสมาชิกจากวงแฟลช ที่เล่นกับ ชรัส มาอย่างเนิ่นนานมาร่วมเล่น รวมถึง ตุ่น พนเทพ สุวรรณะบุณย์ โปรดิวเซอร์และเพื่อนสนิทที่มาทำงานร่วมกันกับชรัสเหมือนเดิม
เนื้อเสียงของชลิตต่างกับชรัสเพียงเล็กน้อย ฟังผ่าน ๆ อาจจับสังเกตยากนิดหน่อย ส่วนหนึ่งเพราะเพลงในส่วนของชลิต ก็ยังเขียนโดย ชรัส พนเทพ รวมถึง เทพนม สุวรรณะบุณย์ ทำให้ท่วงทำนองและน้ำเสียงไม่ต่างกันมากนัก แต่เพลงที่ชลิตถ่ายทอดจะเบาสบาย เนื้อหารักง่าย ๆ เบาสมอง เป็นกันเองกว่า เช่นเพลงอวยพ่อตาสุดลิ่มทิ่มประตูอย่าง พ่อตา เพลงอยากมีแฟนเป็นแอร์โฮสเตสจะได้ประหยัดค่าเครื่องอย่าง นางฟ้า หรือเพลงเอกตลอดกาลของ ชลิต อย่าง ลูกทุ่งน้ำประปา ที่เหมือนจะมีลูกเล่นการเขียนเพลงที่สื่อถึงคนในกรุงที่ไม่ได้มีโอกาสได้สัมผัสธรรมชาติวิถีชีวิตต่างจังหวัด ก็ยังกลายเป็นเพลงที่อาจจะฟังแล้วคิดว่ายั่วล้อขนบเพลงลูกทุ่งอีกที ก็ไม่ผิดนัก
แต่ในทางกลับกัน ฝั่งของชรัสจะมีความจริงจังกว่า ถ้าเป็นส่วนที่บรรยายความรัก จะเศร้า หม่นหมองกว่า ผิดหวังมากกว่า เช่นเพลง วิมานทราย ที่เศร้าไปเลย หรือ อยากรัก ที่พูดถึงความไม่มั่นใจในความรัก ไม่ก็เป็นการพูดถึงเรื่องอื่นที่จริงจัง หรือไม่ใช่ความรักโดยตรง เช่นเพลง ไร้คำตอบ วันรอคอย บทเพลงของฉัน และอีกเพลงที่มีความจริงจัง และเป็นอีกเพลงฮิตตลอดกาลของชรัส นั่นคือ ชีวิตไร้สังกัด
จุดที่โดดเด่นมากของเพลงนี้คือเนื้อหาที่พี่แต๋มแต่งเอง ทำนอง รวมถึงเสียงร้องของพี่แต๋มที่ถ่ายทอดออกมา แค่ท่อนแรกก็เหมือนจะสรุปบริบทที่เจอของบุคคลในเพลงได้เลย
"แล้วมันก็คล้ายคล้าย เหมือนดังก่อนเก่ามา
ฉันยังต้องไขว่คว้า หาสิ่งที่สุขสันต์
คงมีสักวัน ที่ฉันจะสมใจ อิ่มเอม"
แค่ท่อนนี้ท่อนเดียวบอกเราหมดว่า ตัวละครในเพลงอยู่ในสภาวะที่ติดอยู่อย่างเดิม และพยายามทำชีวิตให้ได้เจอสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข ขณะเดียวกัน น้ำเสียงและทำนองตรง แล้วมันก็คล้ายคล้าย ของพี่แต๋มก็กินใจและทรงพลัง ไม่แพ้ในเพลงอื่น ๆ ที่เราคุ้นชินและโดนฮุกตั้งแต่ท่อนแรก ไม่ว่าจะเป็น รักเองช้ำเอง คนไม่มีวาสนา รู้อยู่แก่ใจ ทั้งรู้ก็รัก ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะโครงสร้างเพลงไทยยุคนั้น ที่วางท่อนแบบ A A B A ทำให้ศิลปินที่ทำเพลงเทพ ๆ เพลงดี ๆ จะทำให้ติดหูตั้งแต่ท่อน A อยู่แล้ว แต่ท่อน A ในเพลงของชรัสนั้นพิเศษในหลายเพลงและติดหูจนถึงปัจจุบัน
ท่อนถัดมายังเป็นการซ้ำท่อน A แต่เปลี่ยนเนื้อเรื่องนิดหน่อย ด้วยประโยค ฉันยังต้องซ่อนเร้น ฉันยังเล่นละคร ยังคงต้องซ่อนความช้ำในหัวใจเก็บงำ ที่ขยี้ซ้ำว่าสถานะที่ตัวละครในเพลงอยู่ ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ดีนัก ก่อนจะส่งมายังท่อน B หรือท่อนฮุก ที่มีความพิเศษในมุมคนฟังอยู่ ไม่ว่าพี่แต๋มจะตั้งใจหรือไม่ คือการใช้คำว่า "ทรนง" ในท่อนนี้
"ใจยังระเริงดิ้นรนจากกรงขัง
เปี่ยมด้วยพลัง ของนักสู้
ยังคงสู้ทนผจญต่อโชคร้าย
สูดลมหายใจอย่างทรนง"
การใส่คำว่า ทรนง ลงไป ทำให้คนฟังหลายคนคิดถึงเพลงดังของพี่แต๋มอย่าง "เพราะฉะนั้น" (อัลบั้ม แมลงปอ ปี พ.ศ. 2526) โดยอัตโนมัติไม่มากก็น้อย และทำให้รู้สึกว่านี่คือบทกาลเวลาต่อมาของบุคคลเดียวกันในเพลงนั้น ที่เขายังทรนง แม้ชีวิตจะยังไม่เป็นดังใจ ก็จะยังสู้ทนและทรนงต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่ "จะสมใจ อิ่มเอม" ดังท่อนท้ายของเพลงนี้
อัลบั้ม ชรัส-ชลิต และคนแปลกหน้า ออกในปี พ.ศ. 2527 เป็นงานที่อาจจะหาโอกาสทำใหม่ในรูปแบบ physical หรือ streaming ยากเสียหน่อย เพราะงานนี้ไม่ได้ออกกับรถไฟดนตรี แต่ออกกับ EMI เรื่องลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงอาจจะหายากเล็กน้อย ก็จะเหลือแค่ใน youtube ที่มีคนฟังแปลงไฟล์จากสื่อบันทึกเสียงเดิมมาลงดังด้านบน ส่วนในช่องทาง streaming อาจจะเจอเพลงนี้ในอัลบั้มรวมฮิตสมัยพี่แต๋มออกกับแกรมมี่ ซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นบันทึกเสียงใหม่ ที่จะได้อีกอรรถรสกันไป
[แนะนำเพลง] ชรัส เฟื่องอารมย์ - ชีวิตไร้สังกัด เพลงที่อาจจะเป็นภาคต่อของ เพราะฉะนั้น (ฉันจึงทรนง)