การนอกใจ

สวัสดีค่ะ ทุกๆท่านวันนี้แม่อยากจะลองเป็นนักเขียนดูสักโพสต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กับ #คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หลายๆคนที่อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจที่จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว สำหรับบางคนอาจจะยัง move on ไม่ได้หรือสำหรับบางคนอาจจะยังรู้สึกว่ามีความรู้สึกเหนื่อยท้อแท้สิ้นหวังหลายๆอย่างแม่ก็อยากจะเขียนโพสต์อันนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายๆคนที่เจอปัญหาแบบเดียวกับ แฟ นั่นก็คือสามีนอกใจทั้งทางกายทางใจหรือหลายๆอย่างแต่เชื่อไหมคะว่าพอจุดๆหนึ่งมาเราจะอยู่ได้โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเท่ากับวันแรกที่เราเจอ ก็เดี๋ยโพสต์นี้ยาวหน่อยน๊าาาาาว เข้าเรื่องกันเลยแล้วกันนะค่ะ แค่อยากจะมาเล่าความเป็นมาเป็นไปสำหรับครอบครัวของ แฟ ที่เจอมา และได้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวโดยไม่เต็มใจหรือไม่ตั้งใจนั้นเอง #วงการนี้ไม่ได้จะเป็นกันง่ายๆนะคะ😂🤣🤣🤣 สำหรับครอบครัว แฟ  นะคะก็เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างน่ารักอบอุ่น แฟ มีลูก 2 คนที่กำลังอยู่ในช่วงที่น่ารักกำลังพูดกำลังเรียนรู้กำลังดื้อกำลังซนแต่เป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักทั้งคู่เลย คนโตเป็นผู้หญิง 4 ขวบ5 เดือน อีกคนเป็นผู้ชาย  2 ขวบ 5 เดือน จุดผันแปรในการที่แฟได้มาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเริ่มแรกเลย คือ ตอนนั้นได้ตัดสินใจให้เขาไปทำงานที่เมืองนอกเพราะตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าการเงินเริ่มไม่อยู่ในสภาพคล่อง หนี้สินและอื่นๆมันเริ่มที่จะอยู่เมืองไทยและอาจจะยากนิดนึงในการใช้หนี้ จึงได้คุยกันและตกลงว่าจะไปทำงานเมืองนอก และพอดีมีคนชวนไป คิดว่าน่าจะมีโอกาสที่จะมีรายได้ พอใช้หนี้และมีทุนมาทำอะไรเล็กๆน้อยๆ ตอนที่เขาไปก็เป็นครอบครัวที่รักกันดีไม่ได้มีเรื่องทะเลาะอะไรกันเลยยังรักกันปกติเหมือนสามีภรรยาทั่วไป ตอนนั้นเราแค่คิดว่าห่างกัน 4 เดือนไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันล่ะ และตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา 7 ปีกว่าไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนเจ้าชู้เขาค่อนข้างที่จะรักลูกและรักเรามากเลยไว้ใจให้เขาไปเพราะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายน่าจะทำได้ดีกว่าเราที่เป็นผู้หญิงและลูกก็ติดแม่มากเนื่องจากว่าเราเลี้ยงลูก full time ตอนนั้นที่เขาบินคือ/เดือนมิถุนายน/วันที่ 7/ 2566 ตอนนั้นลูกคนโตประมาณ 3ขวบ7เดือน คนเล็ก 1 ขวบ 7 เดือน ก่อนที่เขาจะบินประมาณ 1 อาทิตย์ตอนนั้น แฟ ท้อง 5 เดือน (ท้องคนที่3) แต่อยู่ๆ เราก็แท้งโดยไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ตอนนั้นสภาพจิตใจ แฟ ย่ำแย่มากเนื่องจากว่าอีกไม่กี่วันสามีก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศลูกก็มาเสียแล้วต้องเป็นคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกอีก 2 คน(ต่อให้มีแม่ย่าช่วยเลี้ยงแต่มันก็ไม่เหมือนกับคนที่เป็นสามี)ตอนนั้นความรู้สึกอะไรต่างๆนานามาเยอะมาก จนถึงกำหนดที่เขาเดินทางตอนนั้น แฟ รู้สึกดิ่งมากไม่อยากพูดกับใครพูดสิ่งที่เรารู้สึกก็ไม่ได้กลัวสามีจะคิดมากนั่นนู่นนี่เพราะเป็นครั้งแรกที่ห่างกันปกติแล้วตัวติดกันตลอด วันที่เขาเดินทางเขาจะต้องนั่งรถตู้จากที่บ้านไปลงกรุงเทพฯ และต่อเครื่องเพื่อไปลงดูไบ ตอนนั้นเรากำลังนอนอยู่ไฟ (ที่บ้านเขาจะต้องนอนอยู่ไฟคุณแม่หลังคลอด)รถตู้มารับเราไม่ได้เดินไปส่งเขาเพราะเรารู้ว่าถ้าเราเดินไปส่งเขาเราจะร้องไห้ทันทีก็ไม่อยากจะให้เขาเห็นว่าเราร้องไห้  พอรถตู้มารับไม่ได้พูดอะไรมากมาย แค่บอกเขาว่า  โชคดีเดินทางปลอดภัย (แต่ความรู้สึกของเขาตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร) หลังจากนั้นวันที่เขาไปเดินทางไปถึงที่ทำงานก็โทรมาทันทีและบอกว่าคิดถึงลูกคิดถึงเมียมากอยากกลับแล้วตอนนั้นก็ยังคงให้กำลังใจและคุยกันทุกวันว่าง 1 นาทีก็โทรมาคุยกันตลอด ก็ยังคงเหมือนสามีภรรยาทั่วไป พอเริ่มมาแปลกๆประมาณวันที่ 25 มิถุนายน 2566 ตอนนั้นก็ไม่ค่อยโทร  เวลาเมืองไทยกับเวลาที่เมืองนอกที่เขาทำงาน ห่างกัน 5 ชั่วโมง เวลาที่เมืองไทยเดินก่อนเขา 5 ชั่วโมง เมื่อก่อนเราไม่เคยต้องตื่นมารอเขาโทรมาเลย พอเลิกงานเสร็จเขาก็จะโทรมาแต่หลังจากนั้นประมาณ 25 มิถุนายนไปเขาเริ่มไม่ค่อยโทรมาในเวลาเดิมๆที่เขาเคยโทร video call ก็ไม่ค่อยเปิดเราโทรไปบอกเราไม่ว่างบ้าง ทำกับข้าวบ้าง ซักผ้าบ้าง เดี๋ยวจะโทรหาบ้าง แต่ก็ไม่โทร ตอนนั้นก็รู้สึกแปลกใจและเริ่มแปลกๆและเขาบอกกับเราว่าเขามีปัญหากับเพื่อนร่วมงานในทีมเดียวกันที่ไปกับเขาเรื่องที่ว่าเขากับผู้หญิงอีกคนหนึ่งจีบกันแล้วเขาก็ ตักเตือนด้วยคำพูดที่ไม่ดีกัน แต่จริงๆแล้วเขาบอกว่าเขาไม่ได้คุยกันแบบชู้สาว เขาแค่คุยกันแบบคนไทยที่ไปทำงานเมืองนอกด้วยกัน ตอนนั้นเราก็ยังรู้สึกว่าเราเชื่อสามีเราอยู่ เพราะเขาไม่เคยเจ้าชู้เลยตลอดเวลาที่อยู่กับเรา และเขาเป็นคนเฟรนลี่ และเป็นคนที่ชอบคุยเข้ากับคนง่าย เป็นคนที่หน้าตาใช่ได้ระดับหนึ่ง และเป็นคนคุยสนุก ทำให้คนในทีมอาจจะคิดมากไปเอง ตอนนั้นความรู้สึกเราก็คิดแบบนั้น ว่าไม่น่าจะมีอะไร หลังจากนั้นหนักเข้าหนักเข้าเขาก็เล่าให้ฟังว่ามีปัญหาในทีมหนักมาก (เขาก็แปลกๆหนักมากเหมือนกันไม่เหมือนเดิมหลายๆอย่างแต่เรายังเงียบๆไม่ถามมากรอดูเงียบๆ)ในทีมไม่ให้อยู่ด้วยในทีมให้ไปอยู่ในฟาร์ม(ตอนแรกเขาพักอยู่นอกฟาร์ม แต่ผู้หญิงคนนั้นก็พักอยู่ในฟาร์ม)เขาก็บอกเราว่าเขาอยู่กับทีมนี้ข้างนอกฟาร์มไม่ได้เขาอึดอัด จะต้องย้ายเข้าไปอยู่ในฟาร์มน่าจะสบายใจกว่าเราก็คิดว่าโอเคก็แล้วแต่ถ้าตรงไหนดีและสบายใจก็ไปเถอะเราก็เลยไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้น ประมาณ วันที่ 20กรกฎาคม เขาก็ย้ายเข้าไปอยู่ในฟาร์ม (ฟาร์มเดียวกับมือที่3)หลังจากนั้นมาเขาเริ่มเป็นหนักขึ้นไม่โทรหาไม่วีดีโอคอลมากลายเป็นเราที่ต้องโทรไปบางทีโทรไปไม่รับผ่านไป 3-4 ชั่วโมง ถึงโทรกลับ พอเราถามว่าไปไหนมาก็บอกว่าทำกับข้าวซักผ้านู่นนี่ๆพึ่งว่าง คุยยังไม่ถึง 5 นาทีบอกจะนอนแล้วเวลาที่นั่น 21:00-22:00 น (เวลาที่ไทยตี3 เราต้องตื่นมารอเขาโทรมา5ทุ่มถึงตี3 ตี4ทุกวันหลังจากเขาเปลี่ยนไปเพื่อคุยกัน2นาทีบ้าง5นาทีบ้าง)แล้วเขาบอกต้องตื่นเช้านั้นนี่ๆเราก็โอเคไม่เป็นไรงั้นก็พักผ่อนเถอะเป็นอย่างนี้อยู่สักพักเลยเหมือนกัน ถึงมารู้อีกทีหนึ่งว่าเขาไม่ใช่แค่ไม่ว่างไม่ใช่แค่ไม่มีอะไรกันแต่เขาจีบกัน (กับมือที่3) มีการบอกรักกันและบอกคิดถึงกันในข้อความในติ๊กต๊อก และเขาคุย line กันมานานแล้ว เพียงแต่เราไม่สามารถเข้าไปดูได้ จนมีคนส่งข้อความที่เขาคุยกันมาหาเรา เราถึงได้เห็นตอนนั้น มือไม้สั่น อึ้ง หน้าชา ใจชา แต่ยังไม่ร้องนะเพราะ ช๊อกอยู่ เราเลยส่งข้อความไปถามเขาว่าจีบกันกับน้องคนนี้อยู่หรอเขาเองตอนนั้นคงจะตกใจไปที่เรารู้รีบโทรมาหาเราและบอกกับเราว่าไม่ได้จีบกันแค่คุยกันเล่นๆไม่ได้คิดอะไร สุดท้ายแล้วก็ทะเลาะกันแล้วตอนนั้นด้วยความที่เป็นคนรักศักดิ์ศรี เลยบอกเขาเลยว่าเราจะเลิกกันหย่ากัน(ตอนนั้นด้วยความโกรธขาดสติเสียใจปากไม่ตรงกับใจทำให้เราพูดไปเพราะคิดว่าเขาจะเสียใจสำนึกและยังรักเราอยู่) ตอนนั้นที่รู้คือประมาณวันที่ 9 สิงหาคม 2566 หลังจากนั้นมาทะเลาะกันทุกวันแล้วก็เป็นเหมือนเดิมไม่ค่อยโทรหากัน ไม่มีการง้อกัน และก็ทะเลาะกันทะเลาะกันเป็นอยู่อย่างนี้จนถึงวันที่เขาเดินทางกลับที่ทะเลาะกันเป็นเพราะว่าตัวเขากับมือที่3 ตัวติดกันตลอด 24 ชั่วโมงไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็จะมีเขาสองคนอยู่ติดกันตรงนั้นแต่เหมือนเขาจะระวังตัวเวลาเขาถ่ายรูปลงกลุ่มเขาจะอยู่ด้วยกันกับพวกเยอะๆเพื่อไม่ให้ สามีของตัวเอง(มือที่3มีสามีอยู่แล้วยังไม่ได้เลิกกัน) หรือภรรยาของตัวเอง รู้สึกว่าพวกเขาสองคนมีอะไรกันหรือรักกันแต่ลักษณะการมองหน้ากันหรือในการไปไหนมาไหนมันบอกได้ว่าไม่ใช่เพื่อนร่วมงา พอถึงวันที่เขาเดินทางกลับมาถึงบ้านที่เมืองไทยคืนแรกนั้นยังไม่มีการถามอะไรกันทั้งนั้นต่างคนต่างก็พูดเพียงแค่ว่าเช้ามาค่อยคุยกัน เช้ามาหลังจากนั้นก็คุยกันเขาก็ยังคงยืนยันว่าไม่มีอะไรกัน แต่เขาอยู่บ้านเรา 6 วัน เขาไม่เคยอยู่บ้านเลย 8 โมงเช้าเขาออกจากบ้าน และกลับเข้าบ้าน ก็ประมาณตี 3 เพื่อมานอน บ้านเราอยู่ห่างจาก บ้านของมือที่3 ประมาณ 200 กิโล อยู่คนละจังหวัด หลังจากนั้นเราก็ถามเขาว่าสรุปแล้วเป็นยังไง พูดไปพูดมา สรุปเขาก็ยอมรับว่าเขาทิ้งน้องคนนั้นไม่ได้ เพราะน้องคนนั้นบอกว่าเขาทำให้น้องคนนั้นไม่เหลืออะไร(มือที่3กลับมาจากเมืองนอกมาเลิกกับสามีทันที) (ผู้หญิงเป็นคนพูดและจะฆ่าตัวตายถ้ารู้ว่าสามีเราพาเรากลับบ้านแม่ย่าด้วย) ตอนนั้นเขาขอให้เรากลับไปอยู่กับเขาที่บ้านแม่ย่า และให้ทนอยู่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ถ้ามือที่สามโทรมาเขาจะต้องรับสายนั่นนู่นนี่ๆให้เราไปแบบเงียบๆ แล้วเขา2คนจะค่อยๆห่างกันเอง ตอนนั้นเราช๊อกมาก สรุปแล้วแคร์มือที่3มากกว่าเมียที่มีทะเบียนสรสเมียที่มีลูกด้วยกันปากบอกรักลูก แต่ให้เราไปอยู่แบบหลบๆซ่อนๆทั้งๆที่เรามีทะเบียนสมรส เราเลยตัดสินใจว่า เราจะอยู่บ้านเกิดของเราต่อไปส่วนเธอก็กลับไปอยู่บ้านของเธอเพื่อไปทบทวนตัวเองว่าสิ่งที่ทำมันผิดหรือว่ามันถูกแต่เหมือนเป็นความโชคร้ายที่เขาคิดไม่ได้เพราะเขาไปเสร็จกลายเป็นว่าเปิดทางให้เขาได้คุยกันมากขึ้นและเป็นการเปิดทางให้เขาได้ลงมาอยู่ด้วยกันทันทีหลังจากเขาไปจากเราได้ประมาณ1-2อาทิตย์ เขาก็ลงไปอยู่ด้วยกันจน ถึงตอนนี้ ค่าเลี้ยงดูลูกหรืออะไรต่างๆนานาส่งมาแค่ 500 วันปีใหม่  กับล่าสุด 2000(แม่ย่าส่งของมาให้ใส่เงินมาด้วยไม่รู้เงินใคร ของแม่ย่ารึของเขา)เราไม่รู้นะว่าอะไรเป็นยังไงเขาอาจจะไปเริ่มต้นใหม่หรืออาจจะหาเงินยังไม่ได้ก็เลยไม่มี กลายเป็นเราที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างทั้งๆที่เราเองก็ไม่ได้ทำงานและเลี้ยงลูกอยู่บ้านลูกเราต้องกินต้องใช้ และล่าสุดเขากำลังจะแต่งงานใหม่กับ(มือที่3ที่ปฎิเสธหนักปฎิเสธหนาว่าเขาไม่เคยมีอะไรกันไม่เคยรักกันไม่ได้กัน)ด้วยค่าสินสอด60000ทอง2บาท (แต่ลูกไม่ได้อะไรสักบาท🤣🤣🤣ดูโหดร้ายดีเนอะ ทะเบียนสมรสยังคาเพราะเรายังไม่เซ็นให้เนืองจากว่าตกลงหลายๆเรื่องยังไม่ได้ (เขาบอกไม่มีให้หรอกเงินเป็นก้อนแต่เงินค่าสินสอดมีให้🤣🤣🤣🤣)เราแค่อยากจะบอกคนที่เข้าข้างมือที่3ว่า ใช่ตอนนี้เขาไม่รักเราแล้วใช่ แต่คุณอย่าลืมว่า ก่อนที่เขาจะหมดรักเรา เขารักเราและลูกยังไม่ได้เลิกกันเลย คุณต้องยอมรับว่า มือที่3เขาเป็นตัวแปรตั่งแต่แรกอยู่แล้วทั้งๆที่รู้ว่ามีเมียมีลูก ถ้าเขาเลิกกันแล้วคุณคบกันจะไม่พูดถึงเลยค่ะ แต่นี้รู้ทั้งรู้ว่าเขามีเมียมีลูก ตัวเองก็มีสามีมีลูกอยู่แล้ว ยังไม่ได้เลิกกันเหมือนกัน คุณก็รักกันดีอยู่ก่อนที่คุณจะไปเมืองนอก สุดท้ายแล้วที่โพสต์ทั้งหมด ไม่ได้อยากประจานรึเรียกร้องอะไรนะค่ะแม่แค่อยากแชร์ประสบการณ์ของแม่ให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายๆคนเข็มแข็ง การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดียวไม่ยากและไม่ง่ายแต่มีความสุขมาก ยิ้มได้อาจจะไม่กว้างเท่าตอนมีพ่อแม่ลูกพร้อมหน้าพร้อมตา การที่เราจะเข็มแข็งได้มันมีหลายอย่างนะค่ะ 1.ลูก  2.เพื่อน 3.กำลังใจจากคนรอบข้าง 4.เหล้า🤣🤣🤣(ตอนนี้แม่คอแข้งไปแล้วนะค่ะ) 5.เงิน 6.งาน 7.ศักดิ์ศรี 8.ทัศนคติ 9.ความรู้ เชื่อว่าผู้หญิงมีกันทุกคน ไม่ได้เสียคนดีไปนะค่ะเราเสียคนเลวไปค่ะเพราะฉะนั้นเราจะเจอคนดีคนที่มีศีลธรรมแน่นอนค่ะเราแค่อย่าไปจมปลักในสิ่งที่เป็นของเสียของเน่าเพื่อให้ตัวของเราไม่เหม็นตามไปก็พอ มองหน้าลูกโฟกัสสิ่งที่เราต้องทำเราก็จะก้าวขาไปจนลืมไปเลยว่าความเจ็บปวดหน้าตาแบบไหน เป็นกำลังใจให้คุณแม่ที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณแม่fulltime คุณแม่intime สู้ๆนะค่ะ เราเก่งเราแกร่งเราไม่ต้องเสียดายเวลาที่คบกันรึอยู่ด้วยกันยิ่งเรามีลูกเรายิ่งเข็มแข็งเร็ว (แฟนี้รู้วันแรกกินข้าวไม่ได้กลืนน้ำไม่ลงเพิ่งเข้าใจคำว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับเป้นแบบนี้เอง🤣🤣🤣น้ำหนักลง5กิโลภายใน2อาทิตย์ตรอมใจใช่ได้เลยค่ะ😂😂)อยากจะบอกว่าตอนนี้ก็ยังไม่ได้เก่งแบบปรมาจารย์นะค่ะยังเป้นเบบี๋อยู่แต่กำลังจะก้าวไปเป้นผู้ใหญ่เร็วๆนี้ล่ะนะค่ะ😁😁สู้นะค่ะคุณแม่แฟเป็นกำลังใจให้ค่ะรีบๆตามมานะคะสำหรับคุณแม่ที่อาจจะยัง move onไม่ได้อดทนอีกนิดแล้วชีวิตจะสดใสค่ะ♥️♥️♥️♥️ เดียวจะมีepต่อไปค่อยๆติดตามกันมาเยอะๆน๊าาาาา #ขอบคุณที่อ่านเกิน3บรรทัด♥️♥️♥️
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่