สวัสดีพี่ๆ น้องๆ ที่แวะเข้ามาอ่านทุกท่านวันนี้เรามีเรื่องราวประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงในงานธรรมศาสตร์แฟร์มาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่นที่คิดจะมาเดินหรือซื้อสินค้าที่นี่
เหตุเกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างแม่ค้าและเราที่เป็นลูกค้าได้มีการสื่อสารที่เข้าใจไม่ตรงกัน เราได้ทำการซื้อสินค้าเป็น UNO แต่เนื่องจากในร้านมีหลายรุ่นจึงได้ทำการสอบถามแม่ค้าที่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าอย่างดี เราได้ทำการสอบถามไปว่า UNO รุ่นนี้คือมีใบธรรมดาสีๆ ใช่มั้ยคะ(แบบใบเดี่ยวทั่วไปที่ทุกคนจะเคยเล่นเป็นรุ่นยอดนิยมมีสีเหลือง แดง ฟ้า เขียว และตัวเลข) ทางแม่ค้าได้เข้าใจว่าใบธรรมดาสีๆ คือใบพิเศษที่รวมสีสี่สีในใบเดียวและใบอื่นที่ไม่มีในรุ่นปกติคือใบพิเศษ แม่ค้าจึงตอบมาว่าใช่ตามที่เราเข้าใจ(แต่ที่จริงเข้าใจไปคนละความหมาย) เราได้ยินอย่างนั้นก็เลยซื้อค่ะและก็ได้ซื้อสินค้าอื่นมาเพิ่มอีกด้วย
เมื่อกลับมาถึงที่บ้านได้ลองแกะสินค้ามาดูค่ะด้วยความระมัดระวัง ด้านในมีพลาสติกใสๆ 2 ห่อ เราแกะมาสำรับแรกก็พบว่ามันมีแต่ใบพิเศษไม่มีใบแบบรุ่นปกติจึงแกะอีกสำรับเพื่อความแน่ใจก็พบว่าเป็นเหมือนกัน เราจึงเก็บสินค้าใส่กล่องอย่างดีและเดินทางกลับไปเพื่อขอเงินคืนที่ร้าน แต่ทางเรานั้นคิดไว้แล้วว่าถ้า
1.ถ้าสามารถมีการคืนเงินและสินค้าได้เราจะอุดหนุนชิ้นอื่นเพิ่มเป็นการตอบแทนน้ำใจที่แม่ค้าเข้าใจค่ะ
2.หากไม่ได้เงินคืนอาจร้องขอส่วนลดเพราะเป็นการเข้าใจผิดทั้งสองฝ่าย และเช่นเดิมค่ะเราจะอุดหนุนเพิ่มถ้าเขายอมลดให้เพราะเขาเองก็เสียกำไรเช่นกัน
3.แต่หากไม่มีการยอมคืนสินค้าแม้จะมีการรับฟังแล้วเราก็ตั้งใจว่าจะเดินกลับไปเงียบๆ แล้วไปศึกษาเพื่อหาวิธีเล่นเอง
ทางเราเตรียมใจเอาไว้เแล้วว่าทางร้านอาจจะไม่พอใจได้เพราะสินค้าถูกแกะไปแล้ว
แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นคือแม่ค้าไม่พอใจจริงค่ะ มีการพูดกับเราว่า “น้องเป็นคนแรกเลยที่เอาของมาคืนพี่…พี่นี่แบบ” ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจแต่ยอมคืนเงิน ถึงจะโดนโมโหมาแต่เราก็รู้สึกว่าอย่างน้อยเขาก็เข้าใจเรา แต่เราก็ไม่ได้ซื้อสินค้าอื่นเพิ่มค่ะ เนื่องจากแม่ค้าอารมณ์เสียมากแล้วถ้าเดินอุดหนุนในร้านเขาต่อคงจะไม่ดี
พอเรื่องจบลงเราจึงเดินไปตรงทางเดินแต่ในเวลาไม่นานพี่แม่ค้าก็วิ่งตามมาแล้วบอกว่าคืนไม่ได้แล้วเพราะพ่อพี่บอกถ้าแกะแล้วไม่รับคืน เราจึงอธิบายว่ามันเป็นความเข้าใจผิดกัน ทางพ่อของเขาเห็นจึงเดินมาสมทบและพูดด้วยน้ำเสียงต่อว่าว่าถ้าไม่แกะแล้วคืนจะไม่อะไรแต่ถ้าแกะแล้วจะไปขายใครได้ ไม่มีร้านไหนเขาทำกัน เราจึงตอบไปตามตรงว่าหากไม่แกะสำรับออกจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าใบด้านในเป็นอย่างไร(เพราะเป็นกล่องรุ่นที่ไม่คุ้นเคย) พ่อค้าพูดต่อถ้ามีคนทำแบบเราอีกอย่างนี้มันไม่ได้ พี่ผู้หญิงก็เสริมขึ้นมาว่าถ้าน้องเล่นไม่เป็นทำไมไม่ไปขายต่อที่อื่น ไม่เพียงแค่นั้นแม่ค้าได้เดินไปหากลุ่มพี่ๆ วัยรุ่นรอบๆ ถามถึงตัวสินค้าและเป็นการเหมือนหาพวกและมีเจตนาพูดเสียงดังให้เราที่เป็นลูกค้าเกิดความอับอาย ใส่ร้าย แต่ทางพี่ๆ ก็กลัวและเดินหนีไปในที่สุดค่ะ สินค้าเกิดการฉีกขาดเพราะกระชากแรงๆ ทั้งที่ตอนแรกไร้รอยขาดเหมือนใหม่เลยค่ะ
อาจไม่มี Before and After แต่เรามีสินค้าอีกชิ้นที่เราแกะเอง และแกะก่อนชิ้นนี้ซะอีกค่ะ ความแตกต่างค่อนข้างเห็นได้ชัด
เรารู้สึกว่าพูดด้วยเหตุผลต่อไปก็มีแต่เรื่องราวจะบานปลายกับ UNO 60฿ เราจึงบอกแฟนให้หยิบเงินแล้วยื่นเงินคืน ‘กับมืออย่างสุภาพ’ คืนไป พี่ผู้หญิงจึงต่อว่าต่อ “อย่าไปทำอย่างนี้กับใครอีก” เหมือนเราเป็นมิจฉาชีพและไม่ใช่ลูกค้า เราจึงตอบกลับไปว่า “กับแค่ของ 60฿ หนูก็ไม่ได้อยากมาเอาเปรียบพี่หรอกนะ” แม่ค้าจึงสวนมาบอก “แล้วพี่ผิดอะไรในเมื่อพี่ก็อธิบายถูกแล้ว” และก็เรื่องเดิมๆ เราจึงตัดจบโดยการแสดงความจริงใจโดยการไหว้ขอโทษต่อหน้าผู้คนโดยรอบ
เงินที่ได้เสียไปจำนวน 60฿ นั้นเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย
แต่ความรู้สึกที่ได้เสียไปมันมหาศาลจนไม่อาจบอกได้ว่ามันมากแค่ไหน แต่มากพอที่เราจะไม่รับสินค้าชิ้นนั้น เราอยากให้เขาเอาเงินเราไปเลย 60฿ พร้อมสินค้าของเขา แต่เขาไม่เลือกที่จะยื่นอย่างสุภาพและคุยด้วยเหตุผลต่อ กลับวางสินค้าที่ได้รับความเสียหายนั้นลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยดินทราย พูดด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์กระโชกกระชาก"อ๋อ โอเคงั้นพี่วางเอาไว้ตรงนี้นะคะ" ตรงเท้าเราและเดินจากไป เนื่องจากเป็นที่สาธารณะจึงไม่อาจทิ้งสินค้าไว้อย่างนั้นได้ แฟนของเราจึงเก็บมาเป็นหลักฐานของเหตุการณ์ในครั้งนี้
จึงสรุปได้ว่าหากพี่ๆ พ่อแม่พี่น้องที่อยากซื้อของเล่นใดๆ ต้องระวังอย่างมากที่จะเลือกซื้อสินค้าและหากไม่แน่ใจไม่ควรแค่สอบถามแม่ค้าควรเก็บลิสต์ไว้ก่อนยังไม่ต้องซื้อแล้วไปศึกษาด้วยเองจะดีที่สุดค่ะ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น สิ่งที่ทุกคนจะเสียอาจไม่ใช่แค่เงินจำนวนน้อยเพียงอย่างเดียวเช่นเดียวกับเราค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะขอให้มีความสุขกับวันหยุดของทุกคนค่ะ
ธรรมศาสตร์แฟร์กับประสบการณ์ที่ทำให้เราลืมไม่ลง เพราะ UNO 60฿
เหตุเกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างแม่ค้าและเราที่เป็นลูกค้าได้มีการสื่อสารที่เข้าใจไม่ตรงกัน เราได้ทำการซื้อสินค้าเป็น UNO แต่เนื่องจากในร้านมีหลายรุ่นจึงได้ทำการสอบถามแม่ค้าที่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าอย่างดี เราได้ทำการสอบถามไปว่า UNO รุ่นนี้คือมีใบธรรมดาสีๆ ใช่มั้ยคะ(แบบใบเดี่ยวทั่วไปที่ทุกคนจะเคยเล่นเป็นรุ่นยอดนิยมมีสีเหลือง แดง ฟ้า เขียว และตัวเลข) ทางแม่ค้าได้เข้าใจว่าใบธรรมดาสีๆ คือใบพิเศษที่รวมสีสี่สีในใบเดียวและใบอื่นที่ไม่มีในรุ่นปกติคือใบพิเศษ แม่ค้าจึงตอบมาว่าใช่ตามที่เราเข้าใจ(แต่ที่จริงเข้าใจไปคนละความหมาย) เราได้ยินอย่างนั้นก็เลยซื้อค่ะและก็ได้ซื้อสินค้าอื่นมาเพิ่มอีกด้วย
เมื่อกลับมาถึงที่บ้านได้ลองแกะสินค้ามาดูค่ะด้วยความระมัดระวัง ด้านในมีพลาสติกใสๆ 2 ห่อ เราแกะมาสำรับแรกก็พบว่ามันมีแต่ใบพิเศษไม่มีใบแบบรุ่นปกติจึงแกะอีกสำรับเพื่อความแน่ใจก็พบว่าเป็นเหมือนกัน เราจึงเก็บสินค้าใส่กล่องอย่างดีและเดินทางกลับไปเพื่อขอเงินคืนที่ร้าน แต่ทางเรานั้นคิดไว้แล้วว่าถ้า
1.ถ้าสามารถมีการคืนเงินและสินค้าได้เราจะอุดหนุนชิ้นอื่นเพิ่มเป็นการตอบแทนน้ำใจที่แม่ค้าเข้าใจค่ะ
2.หากไม่ได้เงินคืนอาจร้องขอส่วนลดเพราะเป็นการเข้าใจผิดทั้งสองฝ่าย และเช่นเดิมค่ะเราจะอุดหนุนเพิ่มถ้าเขายอมลดให้เพราะเขาเองก็เสียกำไรเช่นกัน
3.แต่หากไม่มีการยอมคืนสินค้าแม้จะมีการรับฟังแล้วเราก็ตั้งใจว่าจะเดินกลับไปเงียบๆ แล้วไปศึกษาเพื่อหาวิธีเล่นเอง
ทางเราเตรียมใจเอาไว้เแล้วว่าทางร้านอาจจะไม่พอใจได้เพราะสินค้าถูกแกะไปแล้ว
แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นคือแม่ค้าไม่พอใจจริงค่ะ มีการพูดกับเราว่า “น้องเป็นคนแรกเลยที่เอาของมาคืนพี่…พี่นี่แบบ” ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจแต่ยอมคืนเงิน ถึงจะโดนโมโหมาแต่เราก็รู้สึกว่าอย่างน้อยเขาก็เข้าใจเรา แต่เราก็ไม่ได้ซื้อสินค้าอื่นเพิ่มค่ะ เนื่องจากแม่ค้าอารมณ์เสียมากแล้วถ้าเดินอุดหนุนในร้านเขาต่อคงจะไม่ดี
พอเรื่องจบลงเราจึงเดินไปตรงทางเดินแต่ในเวลาไม่นานพี่แม่ค้าก็วิ่งตามมาแล้วบอกว่าคืนไม่ได้แล้วเพราะพ่อพี่บอกถ้าแกะแล้วไม่รับคืน เราจึงอธิบายว่ามันเป็นความเข้าใจผิดกัน ทางพ่อของเขาเห็นจึงเดินมาสมทบและพูดด้วยน้ำเสียงต่อว่าว่าถ้าไม่แกะแล้วคืนจะไม่อะไรแต่ถ้าแกะแล้วจะไปขายใครได้ ไม่มีร้านไหนเขาทำกัน เราจึงตอบไปตามตรงว่าหากไม่แกะสำรับออกจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าใบด้านในเป็นอย่างไร(เพราะเป็นกล่องรุ่นที่ไม่คุ้นเคย) พ่อค้าพูดต่อถ้ามีคนทำแบบเราอีกอย่างนี้มันไม่ได้ พี่ผู้หญิงก็เสริมขึ้นมาว่าถ้าน้องเล่นไม่เป็นทำไมไม่ไปขายต่อที่อื่น ไม่เพียงแค่นั้นแม่ค้าได้เดินไปหากลุ่มพี่ๆ วัยรุ่นรอบๆ ถามถึงตัวสินค้าและเป็นการเหมือนหาพวกและมีเจตนาพูดเสียงดังให้เราที่เป็นลูกค้าเกิดความอับอาย ใส่ร้าย แต่ทางพี่ๆ ก็กลัวและเดินหนีไปในที่สุดค่ะ สินค้าเกิดการฉีกขาดเพราะกระชากแรงๆ ทั้งที่ตอนแรกไร้รอยขาดเหมือนใหม่เลยค่ะ
อาจไม่มี Before and After แต่เรามีสินค้าอีกชิ้นที่เราแกะเอง และแกะก่อนชิ้นนี้ซะอีกค่ะ ความแตกต่างค่อนข้างเห็นได้ชัด
เรารู้สึกว่าพูดด้วยเหตุผลต่อไปก็มีแต่เรื่องราวจะบานปลายกับ UNO 60฿ เราจึงบอกแฟนให้หยิบเงินแล้วยื่นเงินคืน ‘กับมืออย่างสุภาพ’ คืนไป พี่ผู้หญิงจึงต่อว่าต่อ “อย่าไปทำอย่างนี้กับใครอีก” เหมือนเราเป็นมิจฉาชีพและไม่ใช่ลูกค้า เราจึงตอบกลับไปว่า “กับแค่ของ 60฿ หนูก็ไม่ได้อยากมาเอาเปรียบพี่หรอกนะ” แม่ค้าจึงสวนมาบอก “แล้วพี่ผิดอะไรในเมื่อพี่ก็อธิบายถูกแล้ว” และก็เรื่องเดิมๆ เราจึงตัดจบโดยการแสดงความจริงใจโดยการไหว้ขอโทษต่อหน้าผู้คนโดยรอบ
เงินที่ได้เสียไปจำนวน 60฿ นั้นเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย
แต่ความรู้สึกที่ได้เสียไปมันมหาศาลจนไม่อาจบอกได้ว่ามันมากแค่ไหน แต่มากพอที่เราจะไม่รับสินค้าชิ้นนั้น เราอยากให้เขาเอาเงินเราไปเลย 60฿ พร้อมสินค้าของเขา แต่เขาไม่เลือกที่จะยื่นอย่างสุภาพและคุยด้วยเหตุผลต่อ กลับวางสินค้าที่ได้รับความเสียหายนั้นลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยดินทราย พูดด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์กระโชกกระชาก"อ๋อ โอเคงั้นพี่วางเอาไว้ตรงนี้นะคะ" ตรงเท้าเราและเดินจากไป เนื่องจากเป็นที่สาธารณะจึงไม่อาจทิ้งสินค้าไว้อย่างนั้นได้ แฟนของเราจึงเก็บมาเป็นหลักฐานของเหตุการณ์ในครั้งนี้
จึงสรุปได้ว่าหากพี่ๆ พ่อแม่พี่น้องที่อยากซื้อของเล่นใดๆ ต้องระวังอย่างมากที่จะเลือกซื้อสินค้าและหากไม่แน่ใจไม่ควรแค่สอบถามแม่ค้าควรเก็บลิสต์ไว้ก่อนยังไม่ต้องซื้อแล้วไปศึกษาด้วยเองจะดีที่สุดค่ะ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น สิ่งที่ทุกคนจะเสียอาจไม่ใช่แค่เงินจำนวนน้อยเพียงอย่างเดียวเช่นเดียวกับเราค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะขอให้มีความสุขกับวันหยุดของทุกคนค่ะ