ASUS เปิดตัว Zenfone 11 Ultra สมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล Zenfone Series จุดเด่นมาพร้อม หน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว และนำเทคโนโลยี AI มาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ต่างๆ ในด้านดีไซน์มีความคล้าย ROG Phone 8 Pro แต่ไม่เน้นการเล่นเกมเท่า และปรับเปลี่ยนหน้าตาให้เหมาะกับการใช้งานสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป

มาพร้อมหน้าจอ LTPO AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080x2400px) อัตราส่วน 20:9, อัตรา Refresh Rate 144Hz, ความสว่าง 2500 nits, รองรับ HDR10, ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 แบบ Octa Core ความเร็ว 3.3 GHz ทำงานร่วมกับ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB/16GB หน่วยความจำภายใน 256GB/512GB แบบ UFS 4.0, ชิปกราฟิก Adreno 750 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย ZenUI

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก เซนเซอร์ Sony IMX890 ความละเอียด 50MP (f/1.9) ระบบ PDAF และกันสั่น Gimbal Stabilizer 2.0 แบบไฮบริด 6 แกน, เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 13MP (f/2.2) มุมกว้าง 120 องศา และเลนส์ Telephoto ความละเอียด 32MP (f/2.4) กันสั่น OIS และซูม optical 3 เท่า ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 32MP (f/2.5) รองรับ RGBW

และยังมีฟีเจอร์ AI ที่มาช่วยสร้างเอฟเฟกต์โบโก้ ให้สวยงามสมจริงในโหมดพอร์ตเทรท การติดตามใบหน้าได้อย่างแม่นยำ ยังมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ฟีเจอร์ถอดเทป แปลภาษา และสร้างวอลเปเปอร์ด้วย AI

รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.4, NFC, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C, รองรับ 2 SIM, 4G/5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e/7 และคุณสมบัติกันน้ำ IP68

ใช้แบตเตอรีความจุ 5500mAh รองรับชาร์จเร็ว 65W ชาร์จ 100% ภายใน 39 นาที ทั้งรองรับ PD3.0, PPS, Quick Charge 5.0, ชาร์จไร้สาย 15W และชาร์จแบบย้อนกลับ 10W

ASUS Zenfone 11 Ultra มีให้เลือก 4 สี คือ สี Skyline Blue, สี Eternal Black, สี Misty Grey และสี Desert Sand สำหรับรุ่น RAM 12GB+256GB ราคา 999 ยูโร หรือประมาณ 39,090 บาท และรุ่น RAM 16GB+512GB ราคา 1,099 ยูโร หรือประมาณ 43,000 บาท โดยวางจำหน่ายทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา

อ้างอิง: Gizmochina