Life coach นักจิตบำบัด แก้ปัญหาชีวิต ปลดล็อค

อ่านกระทู้ต่าง ๆ แล้วรู้สึกว่า ผู้คนมีทัศนคติไม่ดีต่อ Life coach สักเท่าไร วันนี้เลยอยากมาเล่าความเป็น Life coach และการ coaching เพื่อทำให้คนที่กำลังมีความทุกข์ ได้ผ่านพ้นคืนวันอันเลวร้ายไปได้ เพียงใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงค่ะ

                     มีผู้ชายคนนึง ชื่อแจ็ค(นามสมมติ) ติดต่อมาทาง LINE แจ้งว่าสนใจที่จะมารับการทำจิตบำบัด แล้วเขาก็หายไปพักหนึ่ง  หลังจากนั้นจึงติดต่อกลับมาใหม่ แล้วบอกว่าที่เขาหายไปดูแล ภรรยาที่ป่วยเป็นมะเร็ง ตอนนี้ภรรยาเขาเสียชีวิตได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว เขาเสียใจมาก ยังคงทำใจไม่ได้ และร้องไห้ทุกวัน แต่ละวันไม่อยากทำอะไรเลย แจ็คมีนัดพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราชในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2567 แต่หากเป็นไปได้ แจ็คไม่อยากทานยาเนื่องจากกลัวผลข้างเคียง จึงต้องการที่จะมาพบปิ่น ซึ่งเป็นไลฟ์โค้ช / นักจิตบำบัด และแจ็คได้ติดตามคลิปใน tiktok ก่อนที่จะตัดสินใจว่าต้องไปพบจิตแพทย์หรือไม่
 
                      เมื่อได้พบกัน  แจ็คเล่าเรื่องที่ภรรยาจากไป และเขารู้สึกโดดเดี่ยวมาก ปิ่นจึงใช้เทคนิคการพาเขาย้อนกลับหาเหตุการณ์ในวัยเด็ก ที่เป็นรากของปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับอารมณ์ความรู้สึกของแจ็คในปัจจุบัน และได้พบว่าตอนที่แจ็คเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา คุณพ่อเสียชีวิตเนื่องจากถูกยิง ตอนนั้นแจ็คยังเด็ก พอมีญาติมาบอกว่าพ่อไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว แจ็ครู้สึกกังวลว่าต่อไปมีพ่ออีกแล้ว แจ็ครักและคิดถึงพ่อ และรู้สึกว่าตนเองโดดเดี่ยวมาก
  ในกระบวนการทางจิตใต้สำนึกแบบนี้ จิตรู้สำนึกซึ่งเป็นจิตในปัจจุบันจะได้พบกับเด็กน้อยในอดีต มีโอกาสในการพูดคุย ทำความรู้จักกัน ทำความเข้าใจความรู้สึกของเด็ก ได้ปลอบประโลมเด็กน้อยที่มีความทุกข์หนักหนาคนนั้น
 
                    หลังจากนั้นจึงพาแจ็คออกจากสถานการณ์นั้นและได้พบกับภรรยาในจินตนาการ  แจ็คได้พูดคุยกับจอย (นามสมมุติ) แจ็คบอกว่ารักและคิดถึงจอยมาก ซึ่งจอยตอบว่า ไม่ต้องเป็นห่วง จอยสบายดี และไม่อยากให้แจ็คคิดถึงตนเองมากนัก จอยเป็นห่วง อยากให้แจ็คอยู่ต่ออย่างมีความสุขอยากให้มีคนดูแล แต่แจ็คตอบว่าเขาไม่อยากมีใครอีก
 
                    หลังจากนั้นแจ็คจึงเล่าต่อว่า หลังจากพ่อเสียชีวิต แจ็คได้ย้ายกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งเขารู้สึกว่าไม่มีความอบอุ่น และไม่ปลอดภัย 
  แม่แต่งงานใหม่ บางวันแจ็คก็ไปอยู่กับยาย เขาชอบอยู่ในห้องคนเดียวเพราะรู้สึกปลอดภัย แจ็คอยู่กับยายวันธรรมดา ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ แม่จะให้แจ็คไปช่วยทำงาน ซึ่งพอได้เงินมา แม่กับพ่อเลี้ยงก็จะไปเล่นการพนันกัน แจ็ครู้สึกไม่ดีแต่ก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของแฟนใหม่แม่ และเมื่อแจ็คมีครอบครัว แจ็คก็ไม่ให้แม่มายุ่งเช่นกัน ตอนมัธยมปลาย แจ็คตั้งใจเรียน และสอบเข้ารับราชการได้ เนื่องจากแจ็คตั้งใจจะประหยัดค่าใช้จ่ายให้แม่ พอแจ็คมีครอบครัวน้องชายก็เสียชีวิต ภรรยาก็เสียชีวิต เหมือนสิ่งที่แจ็คพยายามทำมาไม่มีความหมายอะไรเลย ทุกวันนี้แจ็ครู้สึกขอบคุณตัวเองที่สามารถแบกรับความรู้สึกต่างๆผ่านมาได้และรู้สึกว่าจำเป็นต้องยอมรับมัน เขาได้ทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว 
สิ่งที่แจ็คไม่ชอบคือ เวลาที่แม่เรียกร้องความรัก เพราะตัวแจ็คเองยังต้องการความรักเลย  
เมื่อแจ็คพูดมาถึงตรงนี้  ปิ่นจึงให้แจ็คย้อนกลับไปหาเหตุการณ์ที่ทำให้แจ็ครู้สึกว่าตัวเอง ไม่ได้รับความรักจากแม่ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะไม่ต้องการให้แม่รัก ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนั้นก็ตาม
            
                      เมื่อใช้สะพานอารมณ์ซึ่งเป็นเทคนิคหนึ่งในการค้นหาปมในวัยเด็ก ก็ไปพบเหตุการณ์หนึ่งคือวันที่แจ็คไปอยู่บ้านยาย แล้วแม่ไปรับ แจ็คไม่ยอมกลับบ้านกับแม่ แม่ใช้ด้ามไม้กวาดตี แจ็คก็รู้สึกเจ็บปวดปวด เสียใจ รู้สึกว่าแม่ไม่มีเหตุผล ใช้แต่อารมณ์ แจ็คไม่อยากอยู่กับแม่เพราะไม่มีความสุข แม่ชอบบังคับแต่แจ็คไม่อยากจะยอมแม่ ไม่อยากพูดกับแม่เพราะพูดด้วยก็ไม่จบ ไม่พูดจะดีกว่า
พอถึงช่วงนี้ ปิ่นจึง ใช้กระบวนการทางจิตใต้สำนึกเพื่อให้แจ็คทำความเข้าใจแม่  ในระหว่างที่เข้าสู่สภาวะทางจิต นี้ แจ็คพบว่าแม่รักแจ็คมาก รักที่สุด การที่เขาไปรับแจ็คและแจ็คไม่กลับ ไปกับแม่ ทำให้แม่รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมได้และกลัวการสูญเสียลูก แม่อยากขอโทษแจ็คที่ทำไม่ดี ขอโทษที่ทำร้าย ทำตัวเป็นตัวอย่างไม่ดี ขอโทษที่ไม่สามารถเป็นความสุขให้ลูกได้ และแม่ (ในจินตนาการ) บอกว่า ที่ไปเล่นการพนันกับพ่อเลี้ยง แม่แค่ตามพ่อไปด้วยเฉย ๆ ไม่ได้เล่นเอง ช่วงเวลานี้ แจ็คได้รับรู้ และเข้าใจ และเข้าถึงความรู้สึกรัก จากผู้เป็นแม่ 
 
                       เมื่อจบกระบวนการทางจิตใต้สำนึก ปิ่นจะถามผู้เข้ารับการทำจิตบำบัดว่า บทเรียนที่ได้รับคืออะไร
แจ็คตอบว่า “สมองเข้าใจ แต่ใจปฏิเสธ เป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกัน”
แจ็คเคยไปบวชและภาวนา แต่ หลังจากที่ได้ทำจิตบำบัด เขาได้เข้าใจ ว่าการที่เขาเคยภาวนาแล้วรู้สึกดีขึ้น เป็นเพียงการหนีจากปัญหาในใจชั่วคราว แต่ไม่ได้แก้ที่รากของปัญหา
 
บทสรุปจากปิ่น  
แจ็ครู้สึกว่าตัวเองไม่มี ใครรัก รู้สึกโดดเดี่ยว เนื่องจากตนเองเคยคุยกับตัวเองตอนที่ยังเป็นเด็กและสูญเสียคุณพ่อ เขาบอกว่าตนเองเป็นคนโดดเดี่ยวจากการที่พ่อจากไป จิตใต้สำนึกมีพลังอำนาจสูงมาก สามารถบริหารจัดการชีวิตและร่างกายของบุคคลให้เป็นไปตามที่คนคนนั้น เคยพูด เคยบ่น หรือเคยสื่อสารกับตัวเองเอาไว้ 

                     ในกรณีของแจ็ค เขาเคยบอกตัวเองว่าเขาเป็นคนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจึงรู้สึกโดดเดี่ยว รูปแบบประโยคที่เขาเคยสื่อสารกับตนเอง ทำให้เขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ตัวเขาจะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักและความโดดเดี่ยวซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ตระหนักในเรื่องนี้ จึงมักจะเผชิญกับสถานการณ์สถานการณ์ที่ทำให้ตนเองต้องมีความรู้สึกเหมือนเดิมซ้ำๆ โดยที่ไม่สามารถแก้ไข อะไรได้ เนื่องจากหารากของปัญหาไม่เป็น 
บางคน เมื่อเจอรากของปัญหาแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะจัดการของปัญหานั้นให้แปลเปลี่ยนไปในเชิงบวกได้  การได้พบกับไลฟ์โค้ช หรือนักจิตบำบัด จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ 

                      เมื่อแก้ปมปัญหาหรือรากของปัญหาแล้ว การสื่อสารที่เคยมีกับตัวเองในวัยเด็กจะเปลี่ยนไป อารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อเนื่องนั้นๆ ก็จะเปลี่ยน เมื่อเปลี่ยนจากภายในเรียบร้อยแล้ว ภายนอกก็มักจะเปลี่ยนตามไปด้วย ทั้งพฤติกรรม การแสดงออก สีหน้า คำพูด หลายคนจึงรู้สึกมีความสุข ชีวิตดีขึ้น ผู้คนที่เคยเป็นปัญหาก็ทยอยหายไปจากชีวิต หรือตนเองได้เปลี่ยนเปลี่ยนที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ทำงาน ได้พบกับผู้คนที่ตนเองรู้สึกอยู่ด้วยและมีความสุขมากขึ้น หรือบุคคลในบ้านที่เป็นญาติสนิทเช่นพ่อแม่หรือลูก ก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ ความสัมพันธ์ในบ้านดีขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ เพราะสาเหตุนั้นมองเห็นได้ยาก เป็นสาเหตุในระดับจิตใต้สำนึกที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ขึ้น นั่นเอง
หลังจากวันที่ได้พบกันและผ่านกระบวนการจิตบำบัด / coaching แล้ว แจ็คได้ส่งข้อความมาบอก ดังนี้  “ขอบคุณคุณปิ่นมากเลยครับ ตั้งแต่เมื่อวานชีวิต ความรู้สึกผมเปลี่ยนไปเลย ไม่บีบเค้น ตัวเองคือพื้นปลอดภัยไม่เดียวดาย  ถ้าได้สื่อสารกับตัวเอง และจัดระเบียบจิตใต้สำนึกดีๆ มันจะเปลี่ยนแปลงได้ขนาดไหน มันเป็นเรื่องที่รับรู้ได้เฉพาะตัวจริงๆ ครับ  สิ่งที่คุณปิ่นทำเป็นสิ่งที่ดีมากเลยครับ ถูกทางแล้ว  ถ้าไม่ได้เจอคุณปิ่น ผมคงเดินหนีตัวเองไปเรื่อย”
..............ยินดีด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่