ทัศนีย์ ร่ายกลอน ไม่เสียใจก้าวไกลไม่ส่งสู้ศึก อบจ.เชียงใหม่ ‘อดิศร’ เขียนกลอนให้กำลังใจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4479667
ทัศนีย์-อดิศร ประชันกลอน ก้าวไกลไม่ส่งชิงนายก อบจ.เชียงใหม่ ไม่เสียใจ หลังหมอกควันยังมีทางไปต่อ
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ นาย
พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และกรรมาธิการวิสามัญพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือตอนล่าง 1 และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ขณะที่ก่อนหน้านี้ น.ส.
ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลังจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล พร้อมเสนอตัวลงสมัคร “
นายก อบจ.เชียงใหม่” ในนามพรรคก้าวไกล ทว่าไม่ได้รับเลือกนั้น
น.ส.
ทัศนีย์เขียนบทกลอนผ่านเฟซบุ๊ก ความดังนี้
ไม่เสียใจ ก้าวไกล เขาไม่เคาะ
เลือกคนเหมาะ สมได้ ไม่เสียขวัญ
ไม่หวังคว้า เปลวไฟ ในทางตัน
หลังหมอกควัน ยังมีทาง อีกกว้างไกล
ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์
18 มีนาคม 2567
ขณะที่ นาย
อดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เผยแพร่บนกลอนผ่าน X ความว่า
อย่าเสียใจ ก้าวไกล เขาไม่เคาะ
มีคนเหมาะ มากกว่า อย่าเสียขวัญ
หวังเปลวไฟ กลับคว้าได้ แค่หมอกควัน
มองไม่เห็น คืนวัน เพราะมืดมัว…
สู้ต่อไปนะครับ…ให้กำลังใจ
ดร.อดิศร เพียงเกษ
18 มีนาคม 2567
ทำให้ นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจ น.ส.
ทัศนีย์ด้วยว่า “
ขอเป็นกำลังใจ และ เคารพการตัดสินใจของพี่กุ้งเสมอ นะครับ 🧡🧡🧡” โดย น.ส.
ทัศนีย์เข้ามาคอมเมนต์ขอบคุณด้วยเช่นกัน
https://twitter.com/KungCNX/status/1769771070196760820
ชมรมแพทย์ชนบท แฉ มีการโพสต์ขายข้อมูลผู้ป่วย สธ. 2.2 ล้านคน
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_8144933
หลุดอีก ชมรมแพทย์ชนบท แฉ มีการโพสต์ขายข้อมูลผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุข 2.2 ล้านคน ทั้งชื่อสกุล มือถือ เลขบัตรประชาชน และ วันเดือนปีเกิด
แฟนเพจเฟซบุ๊ก
ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ระบุ มีการโพสต์ขายข้อมูลผู้ป่วย ของ สาธารณสุข อีก 2.2 ล้าน ยูสเซอร์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ครบรอบ 1 ปี แฮกเกอร์ 9near พอดี ความเหมาะเจาะที่น่ากังขา มีการประกาศขาย ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ชื่อสกุล มือถือ เลขบัตรประชาชน และ วันเดือนปีเกิด 2.2 ล้าน ยูสเซอร์ ในราคา 10,000 USD
ส่วนกรณีใหม่ครั้งนี้ หลุดจากไหน อย่างไร ขอให้กระทรวงสาธารณสุขสืบสวนและเร่งปิดจุดอ่อนด่วน ไม่รู้เหมือนกันว่าหลุดเพราะแฮกเกอร์หรือว่าคนใน
เสียงบ่นของหลายโรงพยาบาลบอกว่า cyber-security เป็นเรื่องใหญ่มาก โรงพยาบาลส่วนใหญ่ไม่ได้เก่งมาก ปลัด สธ.มีนโยบายสั่งให้ทุกโรงพยาบาลทำเรื่องนี้ สั่งมาแบบกระดาษแผ่นเดียว แต่ไม่มีงบให้มาสักบาท จนถึงวันนี้ก็ไม่มีงบใด ๆ มาจากส่วนกลาง ทุกโรงพยาบาลต้องดิ้นรนเอาเอง แล้วแบบนี้จะรอดไหม
ข้อมูล สธ. หลุดทีละเป็นล้านๆ รายการ จึงยังมีให้เห็นอีกแน่ ๆ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0EANmtcD716j9FrX9gA2jfSi6mDZfvB6uqFxsP4Y4oDi99STg28AESAmK9jR2FhGFl&id=100064328243800
คนไทย 3 รุ่น 'เจนเอ็กซ์-วาย-ซี' เปลี่ยนมุมคิด ทำงานอย่างเดียวไม่รวยทันใจ หันพึ่งมูเตลู หวังเงิน-งานรุ่ง
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/391977
ทำงานอย่างเดียวไม่รวยทันใจ! คนไทย 3 รุ่น 'เจนเอ็กซ์-วาย-ซี' เปลี่ยนมุมคิด หันพึ่งมูเตลู พอพรหวังเงิน-งานรุ่ง
สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) โดย บริษัท ฮาคูโฮโด อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดผลสำรวจ ปัจจุบันกลุ่มคนไทยใน 3 เจนเนอเรชั่นใหญ่ ได้แก่ เจนเอ็กซ์(X) เจนวาย(Y) และเจนซี(Z) มีความเชื่อในเรื่องมูเตลู หรือการพึ่งพาขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยคนไทยมีความเชื่อเรื่องมูค่อนข้างสูงกว่า 88% นอกจากนี้ มี 65% ของคนที่เชื่อสายมู มองว่าการมูเป็นเรื่องส่วนตัว สาเหตุจากอาจจะมีปัญหาบางอย่าง หรือความปรารถนาบางสิ่งที่ไม่สามารถบอกใครได้ จึงเก็บสิ่งนี้ไว้บอกผ่านการมู
นาย
กรรณ ทองศรี ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ฮาคูโฮโด อาเซียน เปิดเผยว่า คนไทยสายมูกว่า 44% มองว่าทำงานไปเท่าไหร่ก็ไม่รวย รองลงมาอันดับ 2 เป็นเรื่องโชคลาภ 17% ซึ่งเรื่องโชคลาภก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเงินอยู่ดี ที่น่าสนใจคือการทำงานมาอยู่อันดับที่ 4 หรือเพียงแค่ 8% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า ทั้งสภาวะเศรษฐกิจ สังคม ความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ทำให้คนไทยเชื่อว่าการทำงานเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่คำตอบสำหรับการนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินได้
นอกจากนี้ ความรู้สึกของความไม่มั่นคงทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และความเหลื่อมล้ำ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนไทยรู้สึกไร้ที่พึ่ง ดังนั้น กว่า 52% ของคนไทยจึงมองการมูเตลูเป็นเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ รองลงมา 21% เป็นเครื่องเสริมความมั่นใจ 21% และ 13% เป็นผู้บันดาลในสิ่งที่ต้องการ
ที่น่าสนใจ คือ ผู้ชายสายมูเป็นเพราะต้องการคนรับฟัง ในขณะที่ผู้หญิงสายมูต้องการคนฟันธง ซึ่งคนไทยสายมูกว่า 30% นิยม MU Action หรือการกราบไหว้บูชา หรือการปฏิบัติตามวิถีต่าง ๆ ตั้งแต่ การบูชาเทพทั้งในศาสนาของตัวเอง และต่างศาสนา ไปจนถึงการใช้เครื่องรางของขลัง การใช้เลขมงคล สีมงคล เป็นส่วนประกอบต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมความมั่นใจ เสริมพลังต่าง ๆ และรอให้เทพบันดาลผล
นางสาว
พร้อมพร สุภัทรวณิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลุยทธ์ ฮาคูโฮโด อาเซียน กล่าวว่า คนไทยต่างวัยมีวิธีการมูเป็นของตัวเอง เริ่มจากคนไทยเจนเอ็กซ์(X) จะเป็นประเภท The Ritual Believer โดยจะเน้นการมูแบบวิถีดั้งเดิมเนื่องจาก คนไทยเจนเอ็กซ์ หรือผู้คนที่อยู่ในช่วงอายุ 43 – 58 ปี เป็นวัยที่เติบโตในช่วงเริ่มต้นทุนนิยมในประเทศไทย ยืนหนึ่งเรื่องความพยายาม เน้นการยึดหลักปฏิบัติและธรรมเนียมที่มีมาแต่รุ่นก่อน และมองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องนี้ภูมิใจ เน้นการสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญทำทานโดยมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นการเสริมความหวังและกำลังใจให้แก่ตนเอง
“คนกลุ่มนี้มองว่าตัวเองคือที่มาของความสำเร็จทั้งการงาน การเงินต่างๆ ดังนั้นการมูจึงเป็นเพียงตัวช่วยท็อปอัพความพยายามนั้น โดยรวมแล้วคนวัยนี้จะมูเรื่องเงินเป็นหลัก แต่มีนัยสำคัญคือ สุขภาพและความมั่งคั่ง เพราะเป็นสิ่งเพิ่มความมั่นใจว่าชีวิตจะไม่สะดุดสามารถลุยงานและเอนจอยชีวิตโค้งสุดท้ายได้
ส่วนคนไทยเจนวาย(Y) เป็นประเภท The Curated Explorer ถือเป็นรุ่นที่มูที่ไม่มีข้อจำกัด มีบุคลิกเฉพาะตัวคือ เปิดรับ และปรับตัวเก่ง เจนวายเป็นคนในช่วงอายุ 27 – 42 ปี เติบโตมาในช่วงจุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อีกทั้งยังเป็นยุครอยต่อระหว่างอนาล็อกไปดิจิตอล จึงมีการเปิดรับและปรับตัวกับสิ่งใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี คนไทยเจนวายจึงเปิดกว้างให้กับความศรัทธาแบบไร้ขีดจำกัด ได้ทุกศาสนาและความเชื่อ ที่จะสามารถมอบผลลัพธ์ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแบบเฉพาะเรื่องเปรียบเสมือนเป็นผู้นำที่คอยนำทางและนำพาสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิต นอกจากนี้ ยังเป็นวัยสร้างตัว จึงมักได้ชื่อเล่นว่าเป็นเดอะแบก คือมีภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลทั้งพ่อแม่และครอบครัวของตัวเอง ดังนั้น จึงโฟกัสกับการเงินและการงานมากกว่าคนรุ่นเจนอื่น โดยมีเป้าหมายความมั่นคงและก้าวหน้าในชีวิต ซึ่งหากสามารถทำตรงนี้ได้ดี จะเป็นการเพิ่มความภูมิใจและความชื่นชมของตัวเอง
ต่อมาเป็นคนไทยเจนซี(Z) เป็นประเภท The Minimal Integrator จะเน้นมูแบบมินิมอล มีการปรับตัวผสมาผสานแบบเนียน ๆ อยู่ในรูปแบบของแฟชั่นและสีสันในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเด็กช่วงอายุ 11 – 26 ปี เติบโตในยุคดิจิตอลพร้อมปรับเปลี่ยน เพื่อสิ่งใหม่ ๆ และมีความสุขกับชีวิตได้ทุกสถานการณ์
การมูที่ชาว Gen Z นำมาปรับใช้เพื่อเป็น ลูกเล่นทั้งในด้านการสนับสนุนและเยียวยาจิตใจ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าสีมงคล เครื่องประดับมงคลชิ้นเล็ก ๆ หรือ แม้แต่วอลเปเปอร์บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
การงานและการเรียนคือสิ่งที่คนไทยเจนซีขอจากการมูเตลูมากกว่าคนเจนอื่น ๆ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ยังอยู่ทั้งในวัยเรียนและกำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการค้นหาตัวเอง เลือกทางเดินในการมีอาชีพ และรายได้ที่มั่นคง เพื่ออนาคตที่สดใสและชีวิตที่ดีกว่าเดิม
บทความเผยแพร่จากเพจ BTimes
JJNY : ทัศนีย์ร่ายกลอนไม่เสียใจ│แฉโพสต์ขายข้อมูลผู้ป่วย 2.2 ล.คน│3 รุ่น หันพึ่งมูเตลู หวังเงิน-งานรุ่ง│คิวบาประท้วงสหรัฐ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4479667
ทัศนีย์-อดิศร ประชันกลอน ก้าวไกลไม่ส่งชิงนายก อบจ.เชียงใหม่ ไม่เสียใจ หลังหมอกควันยังมีทางไปต่อ
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และกรรมาธิการวิสามัญพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือตอนล่าง 1 และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ขณะที่ก่อนหน้านี้ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลังจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล พร้อมเสนอตัวลงสมัคร “นายก อบจ.เชียงใหม่” ในนามพรรคก้าวไกล ทว่าไม่ได้รับเลือกนั้น
น.ส.ทัศนีย์เขียนบทกลอนผ่านเฟซบุ๊ก ความดังนี้
ไม่เสียใจ ก้าวไกล เขาไม่เคาะ
เลือกคนเหมาะ สมได้ ไม่เสียขวัญ
ไม่หวังคว้า เปลวไฟ ในทางตัน
หลังหมอกควัน ยังมีทาง อีกกว้างไกล
ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์
18 มีนาคม 2567
ขณะที่ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เผยแพร่บนกลอนผ่าน X ความว่า
อย่าเสียใจ ก้าวไกล เขาไม่เคาะ
มีคนเหมาะ มากกว่า อย่าเสียขวัญ
หวังเปลวไฟ กลับคว้าได้ แค่หมอกควัน
มองไม่เห็น คืนวัน เพราะมืดมัว…
สู้ต่อไปนะครับ…ให้กำลังใจ
ดร.อดิศร เพียงเกษ
18 มีนาคม 2567
ทำให้ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจ น.ส.ทัศนีย์ด้วยว่า “ขอเป็นกำลังใจ และ เคารพการตัดสินใจของพี่กุ้งเสมอ นะครับ 🧡🧡🧡” โดย น.ส.ทัศนีย์เข้ามาคอมเมนต์ขอบคุณด้วยเช่นกัน
https://twitter.com/KungCNX/status/1769771070196760820
ชมรมแพทย์ชนบท แฉ มีการโพสต์ขายข้อมูลผู้ป่วย สธ. 2.2 ล้านคน
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_8144933
หลุดอีก ชมรมแพทย์ชนบท แฉ มีการโพสต์ขายข้อมูลผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุข 2.2 ล้านคน ทั้งชื่อสกุล มือถือ เลขบัตรประชาชน และ วันเดือนปีเกิด
แฟนเพจเฟซบุ๊ก ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ระบุ มีการโพสต์ขายข้อมูลผู้ป่วย ของ สาธารณสุข อีก 2.2 ล้าน ยูสเซอร์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ครบรอบ 1 ปี แฮกเกอร์ 9near พอดี ความเหมาะเจาะที่น่ากังขา มีการประกาศขาย ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ชื่อสกุล มือถือ เลขบัตรประชาชน และ วันเดือนปีเกิด 2.2 ล้าน ยูสเซอร์ ในราคา 10,000 USD
ส่วนกรณีใหม่ครั้งนี้ หลุดจากไหน อย่างไร ขอให้กระทรวงสาธารณสุขสืบสวนและเร่งปิดจุดอ่อนด่วน ไม่รู้เหมือนกันว่าหลุดเพราะแฮกเกอร์หรือว่าคนใน
เสียงบ่นของหลายโรงพยาบาลบอกว่า cyber-security เป็นเรื่องใหญ่มาก โรงพยาบาลส่วนใหญ่ไม่ได้เก่งมาก ปลัด สธ.มีนโยบายสั่งให้ทุกโรงพยาบาลทำเรื่องนี้ สั่งมาแบบกระดาษแผ่นเดียว แต่ไม่มีงบให้มาสักบาท จนถึงวันนี้ก็ไม่มีงบใด ๆ มาจากส่วนกลาง ทุกโรงพยาบาลต้องดิ้นรนเอาเอง แล้วแบบนี้จะรอดไหม
ข้อมูล สธ. หลุดทีละเป็นล้านๆ รายการ จึงยังมีให้เห็นอีกแน่ ๆ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0EANmtcD716j9FrX9gA2jfSi6mDZfvB6uqFxsP4Y4oDi99STg28AESAmK9jR2FhGFl&id=100064328243800
คนไทย 3 รุ่น 'เจนเอ็กซ์-วาย-ซี' เปลี่ยนมุมคิด ทำงานอย่างเดียวไม่รวยทันใจ หันพึ่งมูเตลู หวังเงิน-งานรุ่ง
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/391977
ทำงานอย่างเดียวไม่รวยทันใจ! คนไทย 3 รุ่น 'เจนเอ็กซ์-วาย-ซี' เปลี่ยนมุมคิด หันพึ่งมูเตลู พอพรหวังเงิน-งานรุ่ง
สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) โดย บริษัท ฮาคูโฮโด อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดผลสำรวจ ปัจจุบันกลุ่มคนไทยใน 3 เจนเนอเรชั่นใหญ่ ได้แก่ เจนเอ็กซ์(X) เจนวาย(Y) และเจนซี(Z) มีความเชื่อในเรื่องมูเตลู หรือการพึ่งพาขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยคนไทยมีความเชื่อเรื่องมูค่อนข้างสูงกว่า 88% นอกจากนี้ มี 65% ของคนที่เชื่อสายมู มองว่าการมูเป็นเรื่องส่วนตัว สาเหตุจากอาจจะมีปัญหาบางอย่าง หรือความปรารถนาบางสิ่งที่ไม่สามารถบอกใครได้ จึงเก็บสิ่งนี้ไว้บอกผ่านการมู
นายกรรณ ทองศรี ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ฮาคูโฮโด อาเซียน เปิดเผยว่า คนไทยสายมูกว่า 44% มองว่าทำงานไปเท่าไหร่ก็ไม่รวย รองลงมาอันดับ 2 เป็นเรื่องโชคลาภ 17% ซึ่งเรื่องโชคลาภก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเงินอยู่ดี ที่น่าสนใจคือการทำงานมาอยู่อันดับที่ 4 หรือเพียงแค่ 8% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า ทั้งสภาวะเศรษฐกิจ สังคม ความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ทำให้คนไทยเชื่อว่าการทำงานเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่คำตอบสำหรับการนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินได้
นอกจากนี้ ความรู้สึกของความไม่มั่นคงทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และความเหลื่อมล้ำ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนไทยรู้สึกไร้ที่พึ่ง ดังนั้น กว่า 52% ของคนไทยจึงมองการมูเตลูเป็นเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ รองลงมา 21% เป็นเครื่องเสริมความมั่นใจ 21% และ 13% เป็นผู้บันดาลในสิ่งที่ต้องการ
ที่น่าสนใจ คือ ผู้ชายสายมูเป็นเพราะต้องการคนรับฟัง ในขณะที่ผู้หญิงสายมูต้องการคนฟันธง ซึ่งคนไทยสายมูกว่า 30% นิยม MU Action หรือการกราบไหว้บูชา หรือการปฏิบัติตามวิถีต่าง ๆ ตั้งแต่ การบูชาเทพทั้งในศาสนาของตัวเอง และต่างศาสนา ไปจนถึงการใช้เครื่องรางของขลัง การใช้เลขมงคล สีมงคล เป็นส่วนประกอบต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมความมั่นใจ เสริมพลังต่าง ๆ และรอให้เทพบันดาลผล
นางสาวพร้อมพร สุภัทรวณิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลุยทธ์ ฮาคูโฮโด อาเซียน กล่าวว่า คนไทยต่างวัยมีวิธีการมูเป็นของตัวเอง เริ่มจากคนไทยเจนเอ็กซ์(X) จะเป็นประเภท The Ritual Believer โดยจะเน้นการมูแบบวิถีดั้งเดิมเนื่องจาก คนไทยเจนเอ็กซ์ หรือผู้คนที่อยู่ในช่วงอายุ 43 – 58 ปี เป็นวัยที่เติบโตในช่วงเริ่มต้นทุนนิยมในประเทศไทย ยืนหนึ่งเรื่องความพยายาม เน้นการยึดหลักปฏิบัติและธรรมเนียมที่มีมาแต่รุ่นก่อน และมองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องนี้ภูมิใจ เน้นการสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญทำทานโดยมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นการเสริมความหวังและกำลังใจให้แก่ตนเอง
“คนกลุ่มนี้มองว่าตัวเองคือที่มาของความสำเร็จทั้งการงาน การเงินต่างๆ ดังนั้นการมูจึงเป็นเพียงตัวช่วยท็อปอัพความพยายามนั้น โดยรวมแล้วคนวัยนี้จะมูเรื่องเงินเป็นหลัก แต่มีนัยสำคัญคือ สุขภาพและความมั่งคั่ง เพราะเป็นสิ่งเพิ่มความมั่นใจว่าชีวิตจะไม่สะดุดสามารถลุยงานและเอนจอยชีวิตโค้งสุดท้ายได้
ส่วนคนไทยเจนวาย(Y) เป็นประเภท The Curated Explorer ถือเป็นรุ่นที่มูที่ไม่มีข้อจำกัด มีบุคลิกเฉพาะตัวคือ เปิดรับ และปรับตัวเก่ง เจนวายเป็นคนในช่วงอายุ 27 – 42 ปี เติบโตมาในช่วงจุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อีกทั้งยังเป็นยุครอยต่อระหว่างอนาล็อกไปดิจิตอล จึงมีการเปิดรับและปรับตัวกับสิ่งใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี คนไทยเจนวายจึงเปิดกว้างให้กับความศรัทธาแบบไร้ขีดจำกัด ได้ทุกศาสนาและความเชื่อ ที่จะสามารถมอบผลลัพธ์ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแบบเฉพาะเรื่องเปรียบเสมือนเป็นผู้นำที่คอยนำทางและนำพาสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิต นอกจากนี้ ยังเป็นวัยสร้างตัว จึงมักได้ชื่อเล่นว่าเป็นเดอะแบก คือมีภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลทั้งพ่อแม่และครอบครัวของตัวเอง ดังนั้น จึงโฟกัสกับการเงินและการงานมากกว่าคนรุ่นเจนอื่น โดยมีเป้าหมายความมั่นคงและก้าวหน้าในชีวิต ซึ่งหากสามารถทำตรงนี้ได้ดี จะเป็นการเพิ่มความภูมิใจและความชื่นชมของตัวเอง
ต่อมาเป็นคนไทยเจนซี(Z) เป็นประเภท The Minimal Integrator จะเน้นมูแบบมินิมอล มีการปรับตัวผสมาผสานแบบเนียน ๆ อยู่ในรูปแบบของแฟชั่นและสีสันในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเด็กช่วงอายุ 11 – 26 ปี เติบโตในยุคดิจิตอลพร้อมปรับเปลี่ยน เพื่อสิ่งใหม่ ๆ และมีความสุขกับชีวิตได้ทุกสถานการณ์
การมูที่ชาว Gen Z นำมาปรับใช้เพื่อเป็น ลูกเล่นทั้งในด้านการสนับสนุนและเยียวยาจิตใจ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าสีมงคล เครื่องประดับมงคลชิ้นเล็ก ๆ หรือ แม้แต่วอลเปเปอร์บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
การงานและการเรียนคือสิ่งที่คนไทยเจนซีขอจากการมูเตลูมากกว่าคนเจนอื่น ๆ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ยังอยู่ทั้งในวัยเรียนและกำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการค้นหาตัวเอง เลือกทางเดินในการมีอาชีพ และรายได้ที่มั่นคง เพื่ออนาคตที่สดใสและชีวิตที่ดีกว่าเดิม
บทความเผยแพร่จากเพจ BTimes