บทความบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการทำจิตอาสาของตนเองและเผยแพร่

กระทู้สนทนา
แนะนำตัวเอง  
ชื่อ  :  นายกรวิชญ์ ทิพมนเทียน
เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำงานจิตอาสา
    การทำงานในด้านจิตอาสาของผมนั้น มี Idol ที่เป็นแรงจูงใจและเป็นตัวอย่างตั้งแต่เด็กคือ คุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ที่ไปช่วยเหลือสังคมตามที่เห็นทางสื่อโทรทัศน์ ผมเห็นรอยยิ้มของผู้ให้และผู้รับ ดูแล้วมีความสุข เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นตัวอย่างในการทำความดีเพื่อช่วยเหลือคนอื่นอยู่ตลอดเวลา     ผมถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ มีพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่คอยแนะนำอบรมสั่งสอนอยู่ตลอดเวลา ว่าให้เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ มีโอกาสช่วยเหลือผู้ที่ลำบาก ผมเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เติบโตท่ามกลางครอบครัวที่มีใจรักด้านศิลปวัฒนธรรมอีสาน คือการแสดงดนตรีและหมอลำ บางครั้งไม่มีค่าจ้าง ก็ต้องเสียสละไปช่วยชุมชนตามงานบุญในหมู่บ้าน เห็นความสนุกสนานของชาวบ้านลุกขึ้นมาฟ้อนรำ ก็มีความสุขตามไปด้วย ถ้าพูดถึงในจุดเริ่มต้นของจิตอาสานั้น ก็คงจะเน้นในช่วงเรียนในระดับมัธยม และมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วนั้นในช่วงที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับเพื่อนนิสิตในการจัดทำกิจกรรม/โครงการในด้านช่วยเหลือสังคม ซึ่งสอดคล้องกับ อัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่ว่า “นิสิตกับการช่วยเหลือสังคมและชุมชน” ได้รับหน้าที่เป็นประธานดำเนินการจัดโครงการเผยแผ่ศิลปวัฒนธรรม (ดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน) โครงการทางด้านจิตอาสา ช่วยเหลือและพัฒนาสังคม ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาในรั้วของมหาวิทยาลัยเรียกได้ว่ากิจกรรมไม่เคยขาด จะต้องมีงานอยู่ตลอดเวลา เวลาว่างต้องชวนเพื่อนๆน้องไปทำกิจกรรมจิตอาสาช่วยเหลือสังคม จนกระทั่งจบการศึกษาและมีโอกาสได้บรรจุรับราชการที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สิ่งที่ภูมิใจในการทำงานด้านจิตอาสามากที่สุดคือ ผมได้รับการเสนอชื่อจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกฝึกหลักสูตรจิตอาสา 904 ทั่วประเทศ จากทางโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจากทุกกระทรวง และเมื่อจบหลักสูตรออกมาแล้วจะต้องนำความรู้ที่ผ่านการอบรม มาขับเคลื่อน และดำเนินงานด้านจิตอาสาในสถาบันการศึกษาของตนเอง และทางมหาวิทยาลัยฯ ได้มอบหมายหน้าที่ในการขับเคลื่อนงานด้านจิตอาสาช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดโครงการ “จิตอาสา เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” หมายถึง ประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งในและต่างประเทศที่สมัครใจช่วยเหลือผู้อื่นยอมเสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ และสติปัญญาใน การทำงานที่เป็นสาธารณประโยชน์ โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ซึ่งผมได้น้อมนำเอามาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อน และทำกิจกรรมด้านจิตอาสา ในระดับมหาวิทยาลัยฯ เพื่อช่วยเหลือสังคมจนถึงปัจจุบันนี้ 

มีเรื่องประทับใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ 
    กิจกรรมจิตอาสาที่ทำมาทุกกิจกรรม ล้วนมีเรื่องประทับใจ เพราะมีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ เราได้เห็นรอยยิ้มของสังคม ต้องบอกเลยว่าทั่วภาคอีสานที่เดินทางไปทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ช่วยเหลือน้ำท่วม ไฟไหม้ มอบผ้าห่มกันหนาว พัฒนาสังคม เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมให้กับน้องๆนักเรียน ทุกกิจกรรมที่ไปล้วนแล้วได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดี ทั้งทุนสนับสนุนกิจกรรมและทรัพยากรบุคคล ความภาคภูมิใจและประทับใจมากที่สุดต้องยกให้ทุกคนที่มีส่วนช่วยเหลือและทำกิจกรรม เราได้เครือข่ายจิตอาสามากยิ่งขึ้น เรามีส่วนชวนให้ผู้คนให้มาทำจิตอาสา ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมต่างมีความสุข เห็นจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความประทับใจที่ได้เสียสละช่วยเหลือคนอื่น น้ำใจของทีมงานที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่คือความประทับใจที่พิเศษสุดๆสำหรับผม การไปทำกิจกรรมจิตอาสาของผมนั้น ภูมิใจอีกอย่างคือได้นำเอาวิชาชีพของตนเองที่เรียนมาไปช่วยพัฒนาและช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีความสุข คลายทุกข์ ผมเรียนจบทางด้านดนตรีเมื่อมีโอกาสไปจัดกิจกรรมเราได้นำพาน้องๆที่มีความสามารถทางด้านดนตรีและการแสดงไปสร้างสีสันให้กับชุมชนและสังคมอยู่ตลอดเวลา จนทำให้กล่าวขานว่า จิตอาสา มมส ไปไหนจะต้องมีหมอลำ มีดนตรีไปด้วย เราทำงานเหน็ดเหนื่อยมา เราก็มีดนตรีเป็นเพื่อนคลายความเหนื่อยล้า สร้างความสุขให้กับชาวจิตอาสาอยู่ตลอดเวลา นิสิตที่มาเป็นจิตอาสากับผม ต้องยอมรับว่าเก่งจริงๆเก่งทุกด้าน เป็นงานเป็นการ ความเสียสละเกินร้อย ทุกคนสามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อจบออกไปทุกคนสามารถไปเป็นผู้นำให้กับชุมชนบ้านเกิด และช่วยพัฒนาบ้านเกิดได้อย่างแน่นอน

หลายคนอยากทำงานจิตอาสา  จะเริ่มต้นอย่างไร
    จิตอาสาเริ่มต้นที่ตัวของเราเอง เริ่มจากการถามใจตัวเองก่อนว่า พร้อมหรือไม่ ที่จะสละเวลาส่วนหนึ่งของชีวิตมาช่วยเหลือสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทน บางคนอาจคิดว่าเราเป็นจิตอาสาไม่ได้ เพราะเราไม่มีเวลา ไม่มีทักษะ ที่จะไปช่วยเหลืออะไรใครได้ แต่จริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่ที่ตัวเราว่าเราจะทำหรือไม่ อยากเห็นสังคมดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น คุณต้องคิดแล้วลงมือทำ และที่สำคัญคือต้องมีความหวังกับตนเอง ว่าเราเป็นคนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม และชีวิตเราเองได้

ข้อคิดในการดำเนินชีวิต

    จงทำดีทุกครั้งที่มีโอกาส อย่าไปกลัว อย่าไปอาย ขอให้ระลึกว่าความดีนั้นทำได้ทุกโอกาส ทุกเวลา และทำได้ตั้งแต่วินาทีนี้เลย “ การทำความดี เสียสละช่วยเหลือผู้อื่น มีโอกาสทำไปเรื่อยๆ อย่าหยุดทำ แต่ต้องพึงระลึกอยู่ตลอดเวลาว่า ทำดีและช่วยเหลือเท่าที่ตนเองทำได้ และไม่ลำบากตนเอง"

อยากให้ฝากข้อความให้กำลังใจจิตอาสาทุกๆ คน

    ความเป็นจิตอาสา ถือได้ว่าเป็นการทำบุญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะต้องเสียสละแรงกายแรงใจช่วยเหลือคนอื่น มีความเชื่อว่าการทำบุญเป็นสิ่งที่ดี และทำให้จิตใจของเรานั้นดีตามไปด้วย ดังนั้นการทำบุญโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จึงเป็นสิ่งที่สร้างความรู้สึกที่ดีให้กับตนเองได้มากที่สุด ทำบุญแล้วอย่าไปคิดว่าเสียดาย เพราะการทำบุญในเรื่องของจิตอาสาคือการให้การเสียสละอย่างแท้จริง โดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ และมันก็จะทำให้จิตใจของเรานั้นเป็นสุข และได้บุญได้กุศลอย่างเต็มที่ จิตอาสาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีความตระหนักว่าเราเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เพราะฉะนั้นจิตอาสาไม่ได้มีความหมายแค่ว่า การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการช่วยเหลือส่วนรวม ซึ่งเกิดจากความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย

credit : https://news.msu.ac.th/msumagaz/smain/readpost.php?mid=164
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่