เมื่อปีที่แล้วเมื่อวันที่22เดือนมีนาคมถึงวันที่30ผมปิดเทอมและได้มีโอกาสไปเที่ยวกับแม่ที่กทม.จนวันที่26ผมได้ไปเที่ยวที่central world ตอนช่วงบ่ายๆละพอถึงช่วงประมาณ5โมงเย็น ผมกับแม่ก็ได้เรียกแก๊ปกันคนละคันเพื่อที่จะกลับที่พักแต่ละทางไปแก๊ปคันของผมได้ติดไฟแดงสี่แยกหลังจากนั้นพี่แก๊ปเหมือนจะหูดีได้ยินเสียงลูกแมวร้องกลางถนนผมได้หันไปมองด้านหลังเห็นลูกแมวกำลังจะโดนรถทับ ผมจึงรีบลงรถไปเก็บแมวตัวนั้นขึ้นมา หลังจากนั้นผมได้เอาแมวตัวนี้กลับที่พักและผมกับแม่และแฟนก็ได้ช่วยกันตั้งใจแมวตัวนั้นว่าชาเย็นละตัดสินใจว่าจะเลี้ยงแมวตัวนี้ แต่อุปสรรคต่อไปเลยคือวันที่30ผมจะต้องกลับเชียงใหม่และแม่ของผมจะต้องทำงานต่อที่กทม.ผมได้เลือกใช้บริการรถไฟในการเดินทางกลับไปที่เชียงใหม่และแอบนำลูกแมวขึ้นรถไฟกลับไปด้วย แต่ยังไม่ทันจะรถไฟออก ก็มีเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงแมวร้อง ซึ่งแมวตัวนั้นก็คือแมวที่ผมแอบเอาขึ้นรถไฟมาเพื่อที่จะเอาไปเลี้ยงที่เชียงใหม่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนเดินมาที่ผมได้บอกกับผมว่า จริงๆแล้วไม่สามารถเอาแมวขึ้นรถไฟได้ ตอนนั้นผมใจสั่นกังวลว่าเขาจะเอาแมวที่ผมเก็บมาลงขบวนรถไฟ แต่ไม่เลยผมโชคดีตำรวจใจดีมากได้ให้ผมเอาแมวกลับเชียงใหม่ได้แต่มีเงื่อนไขคือห้ามให้มันร้องรบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆบนรถไฟ หลังจากนั้นผมก็ได้ถึงเชียงใหม่ ได้กลับบ้านและเลี้ยงเจ้าแมวตัวนี้จนโตเอาไปฉีดยากันทุกอย่างทุกโรคเท่าที่จะฉีดได้ระหว่างนั้นก็จะมีวันที่แม่กลับมาจากที่ทำงานที่กทม.มาช่วยเลี้ยงเจ้าแมวตัวนี้เรื่อยๆ ต่อจากนี้ผมขอเรียกแมวผมว่าชาเย็นนะ ชาเย็นได้โตขึ้นโดยการเลี้ยงของผมและยายโดยไม่รู้ว่าเลี้ยงถูกวิธีมั้ยแต่ก็พยายามเลี้ยงมันอย่างตั้งใจถึงชาเย็นจะมีนิสัยที่ดุมากกว่าเพศผู้ถึงจะเป็นดุแบบนั้นแต่น้องชาเย็นก็รักคนในครอบครัวที่เลี้ยงน้องขึ้นมา พอเดือนพฤศจิกายนวันอะไรผมไม่รู้แหละจำไม่ได้แม่ผมได้พายายและผมกับชาเย็นไปเที่ยวที่เชียงรายแต่หลังกลับมาจากเชียงราย ชาเย็นได้มีอาการติดสัตว์หรือฮีท ครั้งแรกนั่นทำให้นิสัยของชาเย็นดุร้ายมากกว่าเดิมเป็นแบบนั้นมาเรื่อยๆบางทีก็ฮีทบางทีก็เป็นปกติและหลังจากนั้นแม่ก็ต้องไปทำงานที่กทมต่อยาวๆและผมก็ต้องเลี้ยงชาเย็นต่อไปเรื่อยๆรักมากมันทั้งอ้วนน่ารักกินดีอ้อนเจ้าของเก่งเวลาผมอยู่บ้านว่างๆผมก็จะคอยเล่นกับชาเย็นดูแลtake care อย่างดีจนถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี2567 ช่วงต้นเดือนน้องก็ยังคงปกติเหมือนแมวทั่วไป ยังอ้วนพลีเหมือนเดิมยังคงขี้เล่น เวลาผมกลับมาจากรร.นางก็จะมารอหน้าบ้านตลอด แต่ผมยอมรับเลยว่าเดือนกุมภาพันธ์ไม่ค่อยได้ดูแลน้องเท่าที่ควรเพราะเป็นเดือนสุดท้ายที่จะสอบก็เลยยุ่งมากๆ ตั้งใจทำงานส่งครูและอ่านหนังสือสอบมากกว่าเลี้ยงชาเย็น แต่ระหว่างที่ผมไปเรียนและกลับมาที่บ้านช่วงกลางๆเดือนผมจะเห็นชาเย็นมีอาการแปลกๆเช่นกินอาหารป้อนขนมให้แล้วอ้วก นอนเยอะ จมูกเปลี่ยนสีเป็นสีจาง ผมรู้แล้วว่าน้องไม่สบาย ระหว่างวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก่อนสอบผมก็กะว่าจะเอาน้องชาเย็นไปหาหมอ แต่ผมก็ไม่ได้ไปเพราะคิดว่าจะเอาไปหาหมอหลังสอบเสร็จปิดเทอม พอปิดเทอมเสร็จแล้วอาการของน้องชาเย็นเริ่มแย่ลงๆ วันที่6มีนาคม ผมได้เอาน้องชาเย็นไปหาหมอและตรวจพบว่าเป็นโรคลูคีเมีย ตอนที่ตรวจมีเม็ดเลือดแดงเพียง12เปอร์เซนต์ในร่างกาย ระหว่างนั้นผมก็ได้แต่คิดว่าทำไมชาเย็นถึงเป็นโรคนี้ หมอบอกกับผมว่าเกิดจากแมวตัวอื่นมาข่วนหรือมากัดเลยทำให้ติดเชื้อไวรัสลูคิเมีย ผมก็เลยฟันธงว่าเป็นแมวจรแถวบ้านมากัดน้องชาเย็นเลยทำให้เป็นแบบนี้เพราะปกติเวลาผมอยู่บ้านผมจะไม่ให้น้องออกนอกบ้านเลยแต่เวลาผมไปรร.คุณยายผมปล่อยชาเย็นให้ลงมาเล่นข้างล่างบ้านบ่อยๆน้องอาจจะมีจังหวะที่ได้สู้กับแมวจรตัวอื่นในหมู่บ้าน หลังจากนั้นหมอเลยจัดยาให้ผมทุกอย่างแม่ผมจ่ายเงินทุกอย่างเพื่อที่จะหาของมารักษาและป้อนอาหารกับขนมเจลบำรุงเลือดบำรุงวิตามินให้น้องชาเย็น ผมเอาชาเย็นไปเติมน้ำเกลือทุกวันที่หมอจนวันที่14หมอบอกผมว่าไม่ต้องเอาน้องแมวมาเติมน้ำเกลือแล้ว น้องดูสดชื่นดูมีแรงขึ้นมามากแล้ว ผมก็นำชาเย็นกลับมาเลี้ยงต่อที่บ้านให้น้ำให้ยาให้ข้าว จนวันนี้ตอนเช้าวันที่16มีนาคม 2567 เวลา9โมงผมได้เล่นกับชาเย็นตามปกติได้อุ้มได้หอมกอดน้องเหมือนเดิมแต่หลังจากที่ผมอุ้มน้องได้ไม่นานน้องเริ่มปล่อยตัวเหมือนคนหมดแรงน้ำลายน้องฟูมปาก ผมเดาได้ว่านี่เป็นอาการชักของน้องผมเลยรีบเอาน้องไปหาหมอแต่ก็ไม่ทันแล้วน้องได้ชักเสียชีวิตก่อนที่จะได้รับการรักษาโดยเกิดจากสาเหตุที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยเกินไปทำให้สมองขาดออกซิเจนเลยหายใจไม่ออก ผมเสียใจมากที่ได้เห็นน้องตายต่อหน้า ผมทำได้แต่ร้องไห้คิดถึงชาเย็น พอกลับบ้านมองไปทางไหนในบ้านก็คิดถึงชาเย็น เห็นแต่ความทรงจำดีๆที่ได้อยู่ด้วยกัน ครั้งผมได้บทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิต เป็นเพราะการปล่อยปะละเลยของผมในช่วงเวลาสั้นๆทำให้คนที่อยู่ด้วยกันต้องมาตายจากกัน อีกแค่8วันก็จะเป็นวันเกิดน้องชาเย็นแล้วครับคุณแม่กับผมได้ตั้งวันเกิดให้ชาเย็นตรงกับวันที่ผมเก็บน้องมาเลี้ยงครั้งแรก ตอนนี้ดันตายซะก่อน ตอนนี้ยังคงวันที่16มีนาคม2567อยู่ครับ ผมยังคงไม่มีกระจิตกระใจใช้ชีวิตต่อ เพราะเสียสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากๆถึงจะเป็นเวลาสั้นๆเพียงเกือบปี แต่มันทำให้ผมได้มีความผูกพันกับเเมวตัวนึงมากๆเลยครับ ได้รู้สิ่งต่างๆมากมายเกี่ยวกับแมว ผมไม่รู้ว่าชีวิตต่อไปหลังจากนี้ จะใช้ชีวิตยังไงดีถ้าไม่มีชาเย็น ตั้งแต่มีแมวตัวนี้มามันทำให้ผมลืมช่วงเวลาที่อยู่บ้านกับยายและแม่ไปเลยครับ ตอนนี้รู้สึกเจ็บมาก ผมได้บทเรียนมาอันนึงเลยก็คือ เวลาสังหรอะไรให้รีบทำเลยก่อนที่มันจะสาย ผมน่าจะเอาแมวไปรักษาตั้งแต่ผมเห็นอาการผิดปกติครั้งแรก แต่ทำยังไงได้มันผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว กระทู้นี้ผมเขียนมาเพื่อที่จะให้คนที่ผ่านมาได้อ่านและไม่เป็นแบบผม ขอให้พวกพี่ดูแลแมวให้ดีๆกันด้วยนะครับอย่าปล่อยปะละเลย ไม่งั้นสิ่งที่ตามมาจะเป็นการสูญเสียที่ไม่มีวันหวนกลับมา
ผูกพันมากก็เจ็บมาก