สิงหา นายแบบและเจ้าของแมนโมเดลลิ่ง
กำลังสับสน เมื่อก่อน (หลายสิบปีมาแล้ว)
ที่นี่ดังมากในเรื่องของนายแบบมืออาชีพ
แต่ในยุคปัจจุบัน ความมีชื่อเสียงต่างๆ
ดูท่าจะหมดไปแล้ว
สิงหาเริ่มปั้นโมเดลลิ่งแห่งนี้เมื่อ 20 ปีมาแล้ว
ตอนนั้นเขาคือนายแบบดัง
จึงคิดทำโมเดลลิ่งที่มีเฉพาะนายแบบเท่านั้น
เมื่อก่อนรายได้เป็นกอบเป็นกำ
เพราะเหล่านายแบบกำลังได้รับความสนใจ
พอดูแลแต่นายแบบ มันก็ง่าย
ที่ไหนอยากได้ผู้ชายหน้าตาดี หุ่นดี
มีความพร้อมในด้านต่างๆ ก็ต้องมาที่แมนโมเดลลิ่งกันหมด
มันช่วยทำให้แมนโมเดลลิ่งมีชื่อเสียงภายในปีแรกที่ก่อตั้ง
แล้วก็มีชื่อเสียงอย่างต่อเนื่องอีก 5 ปีเต็ม
แต่พอหลังจากนั้น ก็ลุ่มๆดอนๆมาตลอด
เพื่อนรักของสิงหาที่เป็นทั้งหุ้นส่วนและนายแบบ
ที่ชื่อทรงพล เคยให้คำแนะนำเขาไปแล้ว
แต่สิงหายังไม่ขอปรับตัวใดๆ
"ฉันอยากให้โมเดลลิ่งของเรามีแต่นายแบบ"
"แต่มันกำลังจะเอาตัวไม่รอดนะ"
"ฉันรู้ ฉันกำลังคิดอยู่"
"น้องๆนายแบบรุ่นใหม่เพิ่งลาออกไปอีก 5 คนนะ
พอตัวเลือกน้อยลง ความน่าสนใจมันก็น้อยลงด้วย
เดี๋ยวนี้ โมเดลลิ่งอื่น เขารับคนทุกเพศทุกวัย
พวกกองถ่ายก็มุ่งไปทางนั้นกันหมด
เพราะมันง่าย มาแล้วจบในที่เดียว
สมัยนี้ไม่มีใครวิ่งไปวิ่งมาหลายๆโมเดลลิ่งกันหรอก"
สิ่งที่สิงหารู้สึกช้ำที่สุดก็คือสิ่งที่ทรงพลพูดมามันจริงทั้งหมด
นี่แหละคือสิ่งที่เจ็บปวด
วันนี้ทรงพลก็มาแวะคุยกับสิงหาอีก
"เป็นไงบ้างวะ"
สิงหานิ่ง ไม่กล้าตอบอะไร ทรงพลเองก็เข้าใจ
สิงหากำลังแก้ปัญหาให้กับแมนโมเดลลิ่งอย่างเต็มกำลัง
แต่มันก็มีแต่เรื่องน่าปวดหัว
ทางเดียวที่พอจะทำได้คือรับสมัครนายแบบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น
แต่ก็มีคนมาสมัครน้อยมาก
"เดี๋ยวกูจะพาเพื่อนมาช่วยวางแผนการตลาดนะ"
สิงหาได้แต่พยักหน้า
...................................................................
พอถึงวันนัด เพื่อนของทรงพลก็มา เขาคือนายแบบ
ที่มีชื่อว่าโจ้
ข่าวดีคือโจ้จะขอมาร่วมหุ่นด้วย ทรงพลก็เอาด้วย
ทำให้หุ้นส่วนของแมนโมเดลลิ่งมี 3 คนคือ
สิงหา ทรงพลและโจ้
โจ้แนะนำว่า "ผมคิดว่าเราควรมีหุ้น 4 คน ผมจะชวนเพื่อนอีกคน
มาร่วมหุ้นด้วย"
เพื่อนของโจคือโจอี้
.......................................................................................
โจ้กับโจอี้ เข้าใจว่าสิงหาอยากให้แมนโมเดลลิ่ง
ยังคง concept เหมือนเมื่อก่อนคือรับสมัครเฉพาะนายแบบ
เขาทั้งสองตามใจสิงหาเพราะคิดว่าแนวทางนี้ยังมีอนาคต
สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันก็คือทางแมนโมเดลลิ่งต้องจัดงานแถลงข่าว
รับสมัครนายแบบรุ่นใหม่หรือไม่ก็จัดประกวดนายแบบเลย
ไม่ว่าจะจัดแบบไหน ทางแมนโมเดลลิ่งยังสามารถโชว์ศักยภาพ
ของนายแบบที่สังกัดอยู่ได้
ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าการจัดประกวดนายแบบต้องใช้ทุนสูง
และเสี่ยงตรงที่อาจไม่ได้รับความสนใจจากสื่ออย่างเพียงพอ
บทสรุปก็คือลองรับสมัครนายแบบอย่างเดียวก่อน
ในวันที่รับสมัคร ต้องมีเวทีเดินแบบของนายแบบในสังกัด
และจัดให้นายแบบที่มาสมัครเดินแบบด้วย
และต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าชมได้ฟรี
ทั้ง 4 คิดว่างานลักษณะนี้ สื่อน่าจะให้ความสนใจ
แมนโมเดลลิ่งก็น่าจะยังมีอนาคต
สิงหาสำรวจในแฟ้มว่าตอนนี้นายแบบของแมนโมเดลลิ่ง
มีทั้งหมดกี่คน ได้ผลสรุปว่าอยู่ในสังกัดทั้งหมด 70 คน
แต่คนที่ยังพอมีชื่อเสียงมี 20 คน (ภาพดูได้จากกรอบล่าง)
สิงหาหมายมั่นปั้นมือกับ project ใหม่นี้มาก
เขาขอลุยอีกสักตั้ง.
นายแบบแสบสัน ตอนที่ 1 เมื่อโลกเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนตามไหม
กำลังสับสน เมื่อก่อน (หลายสิบปีมาแล้ว)
ที่นี่ดังมากในเรื่องของนายแบบมืออาชีพ
แต่ในยุคปัจจุบัน ความมีชื่อเสียงต่างๆ
ดูท่าจะหมดไปแล้ว
สิงหาเริ่มปั้นโมเดลลิ่งแห่งนี้เมื่อ 20 ปีมาแล้ว
ตอนนั้นเขาคือนายแบบดัง
จึงคิดทำโมเดลลิ่งที่มีเฉพาะนายแบบเท่านั้น
เมื่อก่อนรายได้เป็นกอบเป็นกำ
เพราะเหล่านายแบบกำลังได้รับความสนใจ
พอดูแลแต่นายแบบ มันก็ง่าย
ที่ไหนอยากได้ผู้ชายหน้าตาดี หุ่นดี
มีความพร้อมในด้านต่างๆ ก็ต้องมาที่แมนโมเดลลิ่งกันหมด
มันช่วยทำให้แมนโมเดลลิ่งมีชื่อเสียงภายในปีแรกที่ก่อตั้ง
แล้วก็มีชื่อเสียงอย่างต่อเนื่องอีก 5 ปีเต็ม
แต่พอหลังจากนั้น ก็ลุ่มๆดอนๆมาตลอด
เพื่อนรักของสิงหาที่เป็นทั้งหุ้นส่วนและนายแบบ
ที่ชื่อทรงพล เคยให้คำแนะนำเขาไปแล้ว
แต่สิงหายังไม่ขอปรับตัวใดๆ
"ฉันอยากให้โมเดลลิ่งของเรามีแต่นายแบบ"
"แต่มันกำลังจะเอาตัวไม่รอดนะ"
"ฉันรู้ ฉันกำลังคิดอยู่"
"น้องๆนายแบบรุ่นใหม่เพิ่งลาออกไปอีก 5 คนนะ
พอตัวเลือกน้อยลง ความน่าสนใจมันก็น้อยลงด้วย
เดี๋ยวนี้ โมเดลลิ่งอื่น เขารับคนทุกเพศทุกวัย
พวกกองถ่ายก็มุ่งไปทางนั้นกันหมด
เพราะมันง่าย มาแล้วจบในที่เดียว
สมัยนี้ไม่มีใครวิ่งไปวิ่งมาหลายๆโมเดลลิ่งกันหรอก"
สิ่งที่สิงหารู้สึกช้ำที่สุดก็คือสิ่งที่ทรงพลพูดมามันจริงทั้งหมด
นี่แหละคือสิ่งที่เจ็บปวด
วันนี้ทรงพลก็มาแวะคุยกับสิงหาอีก
"เป็นไงบ้างวะ"
สิงหานิ่ง ไม่กล้าตอบอะไร ทรงพลเองก็เข้าใจ
สิงหากำลังแก้ปัญหาให้กับแมนโมเดลลิ่งอย่างเต็มกำลัง
แต่มันก็มีแต่เรื่องน่าปวดหัว
ทางเดียวที่พอจะทำได้คือรับสมัครนายแบบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น
แต่ก็มีคนมาสมัครน้อยมาก
"เดี๋ยวกูจะพาเพื่อนมาช่วยวางแผนการตลาดนะ"
สิงหาได้แต่พยักหน้า
...................................................................
พอถึงวันนัด เพื่อนของทรงพลก็มา เขาคือนายแบบ
ที่มีชื่อว่าโจ้
ข่าวดีคือโจ้จะขอมาร่วมหุ่นด้วย ทรงพลก็เอาด้วย
ทำให้หุ้นส่วนของแมนโมเดลลิ่งมี 3 คนคือ
สิงหา ทรงพลและโจ้
โจ้แนะนำว่า "ผมคิดว่าเราควรมีหุ้น 4 คน ผมจะชวนเพื่อนอีกคน
มาร่วมหุ้นด้วย"
เพื่อนของโจคือโจอี้
.......................................................................................
โจ้กับโจอี้ เข้าใจว่าสิงหาอยากให้แมนโมเดลลิ่ง
ยังคง concept เหมือนเมื่อก่อนคือรับสมัครเฉพาะนายแบบ
เขาทั้งสองตามใจสิงหาเพราะคิดว่าแนวทางนี้ยังมีอนาคต
สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันก็คือทางแมนโมเดลลิ่งต้องจัดงานแถลงข่าว
รับสมัครนายแบบรุ่นใหม่หรือไม่ก็จัดประกวดนายแบบเลย
ไม่ว่าจะจัดแบบไหน ทางแมนโมเดลลิ่งยังสามารถโชว์ศักยภาพ
ของนายแบบที่สังกัดอยู่ได้
ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าการจัดประกวดนายแบบต้องใช้ทุนสูง
และเสี่ยงตรงที่อาจไม่ได้รับความสนใจจากสื่ออย่างเพียงพอ
บทสรุปก็คือลองรับสมัครนายแบบอย่างเดียวก่อน
ในวันที่รับสมัคร ต้องมีเวทีเดินแบบของนายแบบในสังกัด
และจัดให้นายแบบที่มาสมัครเดินแบบด้วย
และต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าชมได้ฟรี
ทั้ง 4 คิดว่างานลักษณะนี้ สื่อน่าจะให้ความสนใจ
แมนโมเดลลิ่งก็น่าจะยังมีอนาคต
สิงหาสำรวจในแฟ้มว่าตอนนี้นายแบบของแมนโมเดลลิ่ง
มีทั้งหมดกี่คน ได้ผลสรุปว่าอยู่ในสังกัดทั้งหมด 70 คน
แต่คนที่ยังพอมีชื่อเสียงมี 20 คน (ภาพดูได้จากกรอบล่าง)
สิงหาหมายมั่นปั้นมือกับ project ใหม่นี้มาก
เขาขอลุยอีกสักตั้ง.