เพราะเป็นไบโพลาร์ เลยถูกหลอกลงทุน?? (อุทาหรณ์ Romance scam)

เรื่องมันเกิดขึ้น ตั้งแต่ ปลาย กุมภา 2566 แล้วล่ะค่ะ

กุมภาพันธ์ 66 เรายังไม่ได้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นไบโพลาร์นะ แต่ประวัติคือ เรากินยาต้านซึมเศร้า และไทรอยด์เป็นพิษ มาหลายปีแล้ว
กินแบบไม่ต่อเนื่อง กินๆหยุดๆ

2ปีที่แล้ว เราออกจากงานที่ทำมาสิบกว่าปี กลับมาอยู่บ้านแบบกระทันหัน เนื่องจากอาการของโรค ประกอบกับเบื่องานที่ทำมากๆ
แต่พอกลับมาบ้านเราไม่มีกะใจทำอะไรเลย เราคิดแต่ว่ามันฉุกละหุกเกินไป ทั้งๆที่เราก็แพลนไว้แล้วแหละว่าอีก 6 เดือน เราจะลาออก
แต่เอาเข้าจริง มันหดหู่ไปหมด…เราเริ่ม ไป รพ. แถวบ้านที่ไม่มีหมอเฉพาะทาง หมอก็ให้ยาต้านซึมเศร้าแบบที่เคยกินมาเท่านั้น 

.

ปลายปี เราต้องพาพ่อไปผ่าตัด เลยทำให้เราฮึดขึ้นมาเป็นที่พึ่งของพ่อ คอยดูแลพ่อ ทำให้พอต้นปี 66 เราดีขึ้น ปรับอารมณ์ ปรับใจได้ดีขึ้น
เงินในบัญชีมีเกือบ 9แสนบาท เราโอนให้แม่ 4แสน เหลือไว้ 5 แสน  เราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เฉื่อยชามาตลอด ไม่เคยมีอาชีพที่ 2 หรือที่3
เลยแทบทำอะไรไม่เป็นเลย 
.

เราค้าขายไม่เป็น ละแวกบ้านเรามีแต่คนทำเกษตรกรรม เราทำอะไรไม่เป็นเลยจริงๆ แล้วก็ขาดความมั่นใจด้วย แต่อยากให้เงินงอกเงยขึ้นมาบ้าง 
เราก็เลยคิดว่าจะเล่นหุ้น เราเปิดพอร์ทไว้แล้ว เลยเริ่มเล่นแบบ งูๆปลาๆ จากหลักพัน กลายเป็นหลักหมื่น และหลักแสน เราเอาเงิน 3แสนไปอยู่ในหุ้น
ทั้งๆที่ เราไม่ค่อยมีความรู้เลย เทรดหุ้นไปได้ 2เดือน หุ้นเริ่มขาดทุน หลักพัน หลักหมื่น หลักหลายหมื่น แต่เราก็หวังว่ามันจะกลับมาได้ 
.

แล้ววันหนึ่ง ปลายกุมภาพันธ์ 66 ก็มีคนทัก เฟสบุ๊คมาทำความรู้จักเรา เค้าตามจาก Reel ในFB แรกๆก็คุยทั่วไป จนมาคุยเชิงจีบ
เราไม่รู้มาก่อนจริงๆ คือ เราโง่จริงๆ เพราะเราไม่ชอบดูข่าวในทีวี เราไม่ติดตาม ไม่ดูข่าวเชิงลบอะไรทั้งนั้น เลยไม่รู้เรื่องการหลอกลวงพวกนี้
หลังจากคุยกันได้พักนึง ผู้ชายคนนี้ ก็ให้เราโหลด App Binance เราคิดว่า อ้อ ก็ trade bitcoin ทั่วไปมั้ง  ไม่แปลก กับ โหลด App wallet เพื่อ
แปลงเงินบาท เป็นเงินดอลล่าร์ ผู้ชายคนนี้สอนเราเทรดโปรแกรมนี้ ผ่านทางไลน์ โดยให้ทำตามขั้นตอนที่เค้าบอกและแคปหน้าจอส่งตลอดการเทรด 
.
ตอนแรก ก็ลองเทรด หลักพัน ก็ได้เงินกลับเข้ามาบัญชีจริงๆ หลังจากนั้น ผู้ชายคนนี้ ก็เริ่มให้เราเพิ่มจำนวนเงินที่เอาเข้าไปเทรด เรื่อยๆ 
เงินโอนไปชื่อคนอื่น เราก็ไม่สงสัย เราคิดเองเออเองว่า  คงเป็น บัญชีร้านค้าเทรดสกุลเงินมั้ง ทั้งชื่อคนไทยและต่างชาติ 
เราตื่นเต้นมาก ที่ทำกำไรได้เยอะมาก แต่ยังไม่มีการถอนออกมา จากนั้นให้เราเอาเงินออกมาจากหุ้น เราขายหุ้นขาดทุนออกมาหลายหมื่นบาท
.
ตลอดเวลาที่คุยกัน ผู้ชายคนนี้ จะรายงานเราตลอดว่า ทำอะไรอยู่ที่ไหน ถ่ายรูปส่งมาให้ดูตลอด แต่เราก็ไม่คิดเอะใจที่จะวิดีโอคอลเลย
ซ้ำยังบอกว่า ช่วงสงกรานต์ จะมาหาเราที่บ้าน มาเจอพ่อแม่ด้วย เพราะ เค้าอายุมากแล้ว ต้องการจริงจัง สร้างครอบครัว เราก็หลงเชื่อ
แม้จะงงๆอยู่บ้าง ว่าทำไม มันรวดเร็วจัง 

จากนั้น เราเทรดสกุลเงินไป 4-5 ครั้ง จนเค้าให้เราฝากเงินเข้าอีก 10,000 USD  หรือประมาณ 350,000 บาท
เราให้แม่ไปถอนเงินออกมาให้ 200,000 และ สุดท้ายไม่รู้จะหาเงินจากไหนอีก  เลยไปชวน หัวหน้าเก่ามาลงทุนด้วย 150,000 โดย
หัวหน้าก็ถามว่า จะยืมเงิน หรืออะไร เราบอกย้ำว่า ไม่ได้ยืมค่ะ แต่ชวนให้ลงทุน ได้เงินคืนแน่นอน และจะทำกำไรได้หลายเท่า
หัวหน้าเก่าเราเค้าสนใจเรื่องการลงทุน และไว้ใจเรา จึงให้มาเกินกว่าที่ชวน คือ 200,000 บาท
.

ระหว่างนั้น มีอีกคน มาชวนเราเทรดแบบเดียวกัน  เราก็ลงอีก แต่อันนี้ ลงไปไม่เยอะเท่าเจ้าแรก …หมดไปประมาณ 80,000

.
สุดท้าย โป๊ะแตก มีคนใน FB แชทมาคุย กับเราอีก ว่า ไอ้คนที่เราคุยอยู่เนี่ย มันเอารูปคนอื่นมาแอบอ้าง แล้วส่งลิงค์เฟสบุ๊คจริงของคนในรูปที่เราคุยให้ดู

เรางงเลย งงมากๆ เฮ้ย นี่อะไรกันอ่ะ  เราโดนหลอก  หน้าเราชา สตั๊นไปเลย 

ทีนี้ ไอ้คนที่มาบอกเราเนี่ยก็โทรหาเราทางไลน์ บอกว่า สามารถแฮคเอาเงินคืนได้ มีเพื่อนเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ที่สิงคโปร์ จะติดต่อให้

ผ่านไป2 วัน ติดต่อกลับมาว่า เค้ารับงานแฮ็คเงินคืนนะ แต่เราต้องจ่ายเค้า น่าจะ แสนกว่าบาท จะเอามั้ย ให้เอาเงินเข้าก่อน 
เราเริ่มเครียดและงงมากขึ้น เล่าให้หัวหน้าฟัง หัวหน้า บอก พอเลยมีสติหน่อย ทำไมไม่ไปแจ้งความ เราเลยบล็อคไลน์ไอ้คนที่บอกนี้ไปเลย
เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนคาดว่า ไอ้4คนนี้ มันมาจากแก๊งเดียวกัน ทำงานเป็นทีม 

ผ่านไป4-5 วัน เราถึงแจ้งความ ตำรวจบอกว่า คงจะไม่ได้เงินคืน …เราไม่รู้จัก คำว่า บัญชีม้ามาก่อนเลย โง่ มั้ยล่ะ !!

เบ็ดเสร็จ เราเสียเงินไป 550,000 ของหัวหน้า อีก 200,000  เงินที่ ออกจากงานมา แทบจะไม่เหลือเลย 
ความรู้สึกที่ว่า ตัวเองมันโง่ถูกหลอก นี่มันเจ็บช้ำเหลือเกิน เราคิดทุกครั้ง จิตใจก็จะห่อเหี่ยวลงทุกครั้ง 
ถ้าเรายังมีเงินก้อนนี้อยู่ เราอาจจะฮึดสู้ ประกอบอาชีพอะไรขึ้นมาสักอย่าง หรืออย่างน้อยก็เก็บเป็นเงินสำรองของครอบครัวได้ 

หลังจากนั้นปลาย เม.ย. 66  จู่ๆเราก็มีอาการเหมือนคนโดนผีเข้า คือคิดไปเองว่ามีอะไรมาเข้าสิง หรือ บางที เราก็กลัวว่ามีคนจะทำมนต์ดำใส่บ้านเรา
กลัวว่าคนจะมาทำร้ายแม่  … ใช่ค่ะ เราถูก วินิจฉัยว่าเป็น ไบโพล่าร์  และการที่เราโดนหลอก เป็นเพราะ เราเป็นไบโพลาร์ ??

หมอให้เรากินยารักษาตัว อย่างน้อย 2-5ปี ต่อจากนี้ แต่สิ่งที่ฝังใจเราจนถึงตอนนี้เลยคือ ความรู้สึกผิด และไร้ค่า
รู้สึกผิดต่อหัวหน้ามากๆด้วย หวังว่าเราจะมีเงินไปคืนเค้าได้ในสักวัน 

นี่ก็ผ่านไป 1ปีแล้ว ก็เลยอยากจะเตือนทุกคน ว่า หากเรามีปัญหาด้านจิตเวชอยู่ มันจะมีผลต่อเรื่องการตัดสินใจต่างๆ ดังนั้นโปรดระวังกันด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่