จะไปต่อ(เพื่อความสุข) รึ !! พอแค่นี้ (เพื่อรักตัวเอง) / รึ!!! ฉันคิดไปเอง มา 9 ปี

กระทู้สนทนา
ก่อนหน้านี้..... คิดทบทวนหลายครั้งว่าจะเอาเรื่องนี้มาแชร์ดีไหม .... ? เพราะ เราให้เกียรติ แฟนเรา(รึเปล่า / รึคิดไปเองมา 9 ปี ว่าเค้าเป็นแฟนเรา) 

...... ขอเล่าตั้งแต่ตอนคบกันแรกๆ.... เพื่อให้ผู้อ่านกระทู้ ช่วยพิจารณา....

 (ระยะเวลา 2014 - 2024) นานมากสำหรับ LGBTQ อย่างเรา เพราะถ้าถามว่ามีแฟนมากี่คน ก็.....(นับแปป นิ้วไม่พออ่า นับนิ้วเท้าด้วยละกัน..555+ล้อเล่น) รวมคนนี้ คนที่ 3 หลังจากที่ จบ มหาลัยปี 2013 ก่อนหน้านั้นเรียนมหาลัยก็มีแฟนปกติ ก็ คนแรก เลิกตอน ปี 2 ส่วนคนที่สอง จบบอกว่าแฟนก็ไม่ใช่ เพราะ แค่คุยโทรศัพท์กันเฉยๆ หน้าตาไม่เคยเห็น แต่ก็ทนคุยมาได้  ปี (ทนได้ไง....ควายชัดๆ )

             เริ่มเรื่องเลยละกัน เราทำงาน อยู่บริษัทเอกชน แห่งหนึ่งแถวจรัญ (นำคนไปเที่ยว) เมื่อปี 2013 (เราเรียน 3 ปีครึ่ง)- ปลายๆ ปี 2014 เราลาออกไปทำงานที่ใกล้ที่อยู่ใหม่ เราย้ายที่อยู่ด้วย ปกติพักอยู่แถวจรัญ แล้วย้ายไปอยู่แถว มหิดล เลยไปทำงานธุรการที่มหาลัยแห่งหนึ่ง วันนั้น เราได้เริ่มงานเป็นวันแรกก้ตื่นเต้นบ้างเพราะยังไม่เคยมานั่งทำงานอะไรที่มหาลัยแบบนี้ เคยแต่ตอนมหาลัยมีปัยหาก้จะวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ธุรการของมหาลัย เป็นอันดับแรก จนกระทั่งรู้ว่า เอ่อ!! เจ้าหน้าที่ธุรการ คือ the best ของที่ปรึกษาเรื่องมหาลัย จิงๆ กลับมาที่ตัวเรา คือ ไม่รู้เรื่องเลย ก็เลยต้องพยายาม เรียนรู้ข้อมูลจากพี่ๆ เพื่อนร่วมงาน (เอาจิง เรียนมาไม่ต้องสายที่ทำ เลยไปไม่เป็น ) จนกระที่งเลิกงานตอนเย็น ก็เลยแวะไปกินข้าวข้าง ม.มหิดล ของกินเยอะมากกกก จนเลือกไม่ถูกจะกินอะไร ก็เลยจบที่ สมตำอุดร ไปเลย จากนั้นก็จบด้วยของหวาน แบรนด์สีชมพู เราชอบกิน โบ๊ะเกี๊ยะ  เพราะมันมีอะไรหลายอย่างมารวมๆกัน ไม่ต้องลังเล ว่า อันนี้ก็น่ากิน อันนี้ก็อยากกิน รวมมาเลยแม่ 1 ที่ เป็นร้านห้องแถว 3 ชั้น ใช้ด้านล่างเปิดร้าน เราก็เข้าไปนั่งกินโต๊ะด้านในสุด แล้วนั่งอีกฝั่งโดยหันหน้าออกไปมองหน้าร้าน ในร้านมีลูกค้า  น้อยมาก  แต่ตอนที่เราไปก็มี อยู่ 3 โต๊ะ ที่มีคนนั้งอยู่ เราเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร คิดว่าลูกค้าเหมือนกันหมด 
        พอสั่งเสร็จก็นั่งกินตามปกติ จนหมด แล้วก็กลับบ้าน เป็นแบบนี้ มา 1 อาทิตย์ ก็กินคาวแล้วตบด้วยของหวาน ทุกวัน นั่งร้านเดิมทุกวัน จนกระทั่ง เริ่มจับสังเกตุ คนในร้าน ว่าทำไมโต๊ะมีผู้ชายคนนี้นั่งตลอด คนเดียว คนเดิม ทุกครั่งที่เรามากิน รึ เรามาก่อนสักพัก เค้าก้เข้าร้านมากิน ก้ยังไม่ได้ ออกอาการสังเกตุมากนัก จน เริ่ม เหมือนผิดปกติ ก็เลย ยกมือบอกกับ ใครบางคนที่อยู่กับตัวเราแต่เรามองไม่เห็น ว่า ถ้าคนนี้มาอีกนั่งที่เดิมอีก วันพรุ่งลูกจะถือว่า เป็นเนื้อคู่กันให้มันชัดเจนไปเลย....
--- ขอตัวเลิกงานก่อนนะครับ เดวรถกลับบ้านหมด --- เด่วมาเล่าต่อ ยังมีอีกยาวววววววววว เลยแม่

..... มาต่อกันเลย.....
          พอมาอีกวัน ตกเย็นก็ไปนั่งกินของหวานร้านเดิม รอบนี้เราสั่งแปลกไปจากเดิม แม่ค้าเลยถามว่า อ้าววันนี้มาแปลก สั่งเฉาก๊วยกิน เลยบอกไปว่าอยากลองกินอะไรใหม่ๆบ้าง ที่มันชี้เฉพาะ ไปเลย อย่างเช่นทับทิมกรอบ เฉาก๊วย อะไรแบบนั้น พอสั่งเสร็จเราก็ไปนั่งที่โต๊ะแต่รอบนี้ นั่งโต๊ะ ที่เค้ามานั่งเป็นประจำ เชิงประมาณว่า ขอแย่งที่หน่อยนะ !!!! จนสุดท้ายนั่งกินจนหมดแล้วก็ยังไม่มา เคยคิดว่าน่าจะไม่ใช่ละ พอจะจ่ายตังค์ เท่านั้นละเค้าก็เดินเข้าร้านมา แล้วเค้าก็ถามว่าตรงนี้มีคนนั่งไหม เราเลยบอกไปว่า กำลังจะจ่ายเงินคับเพิ่งกินเสร็จ เราเลยโพ่งออกไปว่า
ขอโทษที ที่แย่งที่ประจำ
เค้าเลยถามว่า รู้ได้ไงว่าที่ประจำ
เราเลยบอกว่า ก็มากินทุกครั้งก็สังเกตุทุกครั้ง ก็จะเจอทุกครั้ง
เค้าเลยบอกว่า ช่างสังเกตุจัง ยังไม่เคย เห็นใครสังเกตุอะไรขนาดนั้นมาก่อน (พุดเหมือน ....5555+) ก็เราเป็นคนชอบใส่ใจคนรอบข้างมากกว่าตัวเอง ก็เลยได้รู้จักเค้านับจากนั้นก็เหมือนไปร้านนั้นก้คุยกัน จนได้แลกไลน์แลกเบอร์ กัน ในวันที่ 23 ตุลาคม ของปีนั้น ก้น่าจะนับได้ว่า คบกันเป็นแฟนแล้วละม้างงง !

         หลังจากนั้นก็ทุกอย่างก้ดีมาเรื่อยๆ ไปกินข้าวกัน ทำกิจกรรมร่วมกับพวกเพื่อนๆของเค้า (เค้าพาไปเปิดตัวกับเพื่อนในกลุ่มด้วย) ** แต่ประเด็นแอบทราบว่าที่บ้านเค้า น่าจะยังไม่รู้ว่า เค้าเป็น LGBTQ  เราก็แอบทำใจไว้ละ แต่ก็อยู่กันมาได้ตลอดหลายปี ในสถานะแบบนี้ เค้าเป้นทั้ง เพื่อน พี่ แฟนในเวลาเดวกัน บางครั้งก็เป็น ผู้ปกครองบ้าง 555+ เราก้โอเคกับความรู้สึกเค้า เพราะเค้าก้แอบใส่ใจเราบ้าง 

        ถ้าถามว่ามีทะเลาะกันบ้างไหม ก้มีนะ แต่ส่วนใหญ่ เราก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าผิดอะไร แต่ก้จะเป็นฝ่ายขอโทาก่อนทุกครั้งและจะตามง้อเค้าตลอด จนมาถึงปีที่5-6 ทะเลาะหนักถึงขั้น เค้าหายไปจากสาระบบเลย ก้คือ ไม่อ่านไลน์ โทรไม่รับ ก้คิดละว่าคงจบละ เพราะช่วงนั้นก้โควิทมาพอดี เพราะก้ทำงานร้านอาหารเพราะบริษัท ก้ได้รับผลกระทบ จนต้องไปทำร้านอาหาร อาจจะไม่มีเวลามากพอให้เค้ามั้ง เค้าเลยหายไป จนกระทั้ง อยู่ๆ ก็โผล่มา แล้วชวนไปเที่ยวจังหวัด 1 ทะเลสวยมากกก เป็นอันดับต้นๆที่ชาวต่างชาติต้องไป แล้วตัวเค้าก็ชอบไปที่นั้นจนบางที่เราก็แอบสงสัยว่าไปบ่อยจัง รึแอบไปซื้อบ้านรึมีบ้านรอยู่ที่โน้นรึป่าว ก้แอบแววกับเพื่อนเค้าอยู่(ลืมเล่า เรื่องที่ทะเลาะกัน อาจจะดุงี้เง่าไปนิดแต่ก็มีอยู่จิง ** แค่ไปดูหนังไม่ทัน*** เค้าโกธรเราจนหายไปเลย )

 ขอเล่า เรื่องที่ทะเลาะกันหน่อยนะ !!!! 
      บ้านเรากับเค้าอยู่ไม่ใกล้กันมาก จนกระทั้งเราย้ายที่อยู่มาอยู่อีกฝั่งทางเพชรเกษม ซึ่งจากบ้านของเค้ามาที่บ้านเรามันก้ต้องใช้เวลาในการเดินทาง เพราะรถก้ต้องติด เป็นปกติอยู่แล้ว  รอบหนัง อยู่ที่ 15.00 แต่เค้ามาถึงบ้านเรา ตอน 14.30 โดยประมาณ แต่จากบ้านเราต้องย้อนกลับไปที่ เซนศาลายา ก้นานมากแล้ว ยังไงก้ไปไม่ทัน ดูรอบ 15.00 (แต่เค้าเป็นคนเลือกรอบเพราะอยากใช้โปรโมชั่นบัตร อะไรสักอย่าง กับทางโรงหนัง จนสุดท้ายก้ไปดูไม่ทัน เพราะเค้าเองก็ไม่อยากกลับบ้านดึกเพราะรอบต่อไปคือ เย็นมาก เราก้เค้าใจ แต่สุดท้ายก้ทะเลาะกันเพราะเรื่อง ดูหนัง ของณเดช ไม่ทัน ) *** นี้ก้เลยมาคิดทบทวน 1 ครั้งว่า เราผิดตรงไหน เพราะคำพุดที่เค้าพูดออกมาตอนนั้นบอกว่า **เพราะเราช้า ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ ** (แต่ตอนนั้นเป็นหน้าร้อน เรายืนรอเค้าอยู่หน้าบ้านพร้อมที่จะไปมาก แต่เค้าก้ยังมาไม่ถึงสักที จนเราเหงือออกแล้วขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อแล้วตัวเค้ามาพอดี ) ก้เลยคิดว่าเราคงผิดละ 555++
      กลับมาที่ เค้าชวนเราไปเที่ยว ทะเล ตอนแรกคิดว่าไป 2 คน ที่ไหนได้ พอไปถึงสนามบิน มีเพื่อนเค้าไปอีก เราก้เลย ทำตัวไม่ถูก เพราะเราขาดการติดต่อจากตัวเค้าไปเพื่อนๆก็ไม่ได้ถามไถ่กันเพราะรู้ว่าตัวเค้าจะเป็นแบบไหนเวลาไถ่ถาม ไปเข้าไปเพื่อนถึงกลับทำหน้างง ว่าไอ้นี้เป้นใครที่มาด้วย พอเอาหมวกคุมหน้าคมตาออกก้คือตกใจกันไปเลย เราก้เลย นิ่ง ..... เพื่อนๆก้นิ่ง..... จนไม่มีใครถามอะไร ...... เดวกลับมาต่อ นะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่