ข้ามาคนเดียว โดย ดรัสวันต์

ข้ามาคนเดียว 

                                            ดรัสวันต์

       จอยมาแล้วค่ะ จะมาพาเพื่อนๆ ไปผจญภัยกับจอย หลังจากคราวก่อนสมัยนู้นนานมากกก ที่จอยเคยเล่าเรื่องตื่นเต้นตอนที่ไปเมืองแขกบังคลาเทศ​ 

       ตั้งแต่ครั้งนั้นมา จอยก็เดินทางมาตลอด (ไม่ได้มีอาชีพไกด์หรือแอร์โฮสเตสนะคะ) แต่ไม่ได้มาเขียนเรื่องเล่าสู่กันฟัง 

       ส่วนงานเขียนนี้ จอยไม่ได้มารีวิวท่องเที่ยว แต่จะมาบอกว่า เที่ยวคนเดียวเป็นยังไง

      ปกติแล้วหน้าที่การงานของจอย บางครั้งก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศคนเดียว (ออฟฟิศประหยัดงบค่ะ คนเดียวก็ต้องสู้ ต้องไปให้ได้ จะได้มีผลงานเอาไว้แข่งกับพวกประจบสอพลอเพราะลิ้นเราไม่ยาวเท่าเขา)​

      แต่ถ้าพูดถึงการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ไปทำงาน แล้วจอยยังจะไปคนเดียวอีกหรือ

      หลายคนอาจจะสงสัยนะคะว่าจอยคงไม่มีเพื่อนหรือใครให้คบแน่เลย 555

     ที่จริงจอยก็มีเพื่อนเยอะอยู่นา แฟนก็มี แต่ก็ยังต้องซื้อทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว มันยังไงกัน (แต่ก็ไม่ทุกครั้งนะคะ มีหลายทริปที่จอยมีเพื่อนเที่ยว)

      สาเหตุที่ต้องไปคนเดียวได้แก่
      - เพื่อนไม่ว่าง​ 
      - เพื่อนเคยไปเที่ยวเมืองนี้มาแล้ว​ 
      - สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งเพื่อนไม่สนใจ โดยเฉพาะเมืองที่หนาวจัดๆ เพื่อนกลัวหนาว​ 

       แต่ยังมีคนอีกกลุ่มที่ชอบเหมือนจอย ไม่กลัวหนาวและอยากจะไปกับจอยตลอด แต่คนเหล่านี้ ขาดวิตามิน M ค่ะ ถ้ามีสปอนเซอร์ก็คงวิ่งแจ้นมาเที่ยวกับจอยแล้ว

      ส่วนแฟนจอย ไม่ยอมไปไหนค่ะ จะอยู่แต่ใน comfort zone ของเขาและมองว่า การเดินทางคือการหาเรื่องลำบากใส่ตัว

     พอเป็นแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่ฝันของจอยจะเป็นจริงล่ะค่ะ ฝันที่จะได้ไปพบเห็นสิ่งที่เมืองไทยไม่มี โดยเฉพาะวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม กับสิ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ซึ่งจอยขอให้ได้ไปเห็นก่อนตาย

     เอาเถอะ ในเมื่อไม่มีใครไปด้วย ไปคนเดียวก็ได้ (วะ)​

     ทริปแรกคือ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจอยอยากไปมานานแล้ว ชวนเพื่อนเขาก็เคยไปกันมาแล้วทั้งนั้น ​ 

     ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ จอยไม่อยากมีปัญหาในการสื่อสาร จึงต้องไปกับทัวร์ แต่ถ้าประเทศไหนประชาชนเขาพูดอังกฤษ จอยจะไปเที่ยวเองค่ะ ไม่ไปกับทัวร์

     ก่อนหน้านี้จอยเคยไปญี่ปุ่นมาแล้ว 2 ครั้ง พอจะรู้ธรรมเนียม เข้าใจวัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิตของคนญี่ปุ่นอยู่บ้าง ไม่บ้านนอกเข้ากรุงเสียทีเดียว​
 
     ที่อยากไปฮอกไกโดเพราะอากาศเย็น และที่อยากไปเห็นมากที่สุดคือ Blue pond แอ่งน้ำที่เป็นสีฟ้าสวยแปลก ไม่ว่าเวลาใด จะฝนตกแดดออก น้ำในสระก็เป็นสีฟ้าตลอด ดูในรูปแล้วสวยจริงๆ ต้องไปเห็นให้ได้

     บอกตัวเองแล้วตัดสินใจซื้อทัวร์ไปเลยคนเดียว แฟนไม่รู้ แต่ละครั้งที่จอยเดินทาง เขาก็ไม่เคยซักไซ้ว่าไปกับใคร ไปยังไง จอยบอกแค่ว่าไปไหน ไปวันไหนกลับวันไหน จบ

      ทัวร์ฮอกไกโดมีลูกทัวร์ 30 คน จอยไม่รู้จักใครสักคน แต่จอยเข้ากับคนง่าย ยิ้มเก่ง เดี๋ยวก็ได้เพื่อนไม่ยาก ในรถบัสจอยนั่งใกล้พี่ผู้หญิงสว. สองคน เริ่มคุยทำความรู้จักกัน หนึ่งในนั้นมียศเป็นพลตรีหญิงของกองทัพบก และเป็นรุ่นพี่ที่เรียนโรงเรียนเดียวกันกับจอย คุยกันแฮปปี้

     ไกด์ทัวร์งานนี้เป็นผู้ชายวัยประมาณ 30 กว่า

     คืนแรกที่เราเช็กอินเข้าโรงแรม จอยนอนคนเดียวซึ่งต้องจ่ายเงินเพิ่ม ไกด์นัดเวลารับประทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรมตอนทุ่มตรง การเข้าพักในโรงแรมของญี่ปุ่น เขาจะมีชุดยูกาตะให้แขกทุกคนใส่ เราอาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาใส่ชุดยูกาตะคือกิโมโนที่เป็นผ้าฝ้ายใส่ลำลองอยู่ในโรงแรม 

     ใกล้เวลานัด ลูกทัวร์ทยอยมายืนรอหน้าห้องอาหาร ไกด์ขอให้เรายืนคอยพนักงานจัดเตรียมโต๊ะสำหรับกรุ๊ปเรา ระหว่างรอไกด์ยืนคุยอยู่กับพี่สว.สองคนและจอย ปากก็คุยแต่มือของเขามาแตะที่แขนจอย 

     รู้สึกแปลกๆ ที่ทำไมเขาเอามือมาวางที่แขนจอย อายุอานามของจอยตอนนั้นก็เลขสี่แล้ว ไม่ใช่สาวน้อยอินโนเซนต์ที่จะไม่เข้าใจทีท่าภาษากายของผู้ชายที่เข้ามาอยู่ใกล้จอยจนเกินเหตุ ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันวันนี้

     ตอนนั้นจอยไม่ได้สะบัดออกแต่ค่อยๆ ถอยหลังห่างออกทีละนิดจนมือเขาหลุดออกจากแขนจอยไปเอง จอยจะไม่ทำอาการสะบัดสะบิ้ง หรือ make a scene แต่จะพยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีนุ่มนวลที่สุด บอกตัวเองว่ามาคนเดียว อย่าสร้างศัตรู

     โต๊ะเรียบร้อยแล้ว พนักงานเชิญให้เราเข้าไปนั่งได้ โต๊ะจอยมีผู้หญิงสามคน มีเศษเหลืออีกหนึ่งที่ ไกด์ผู้ชายก็มานั่งคุยด้วย (ซึ่งปกติไกด์จะนั่งแยกโต๊ะ ไม่มานั่งรวมกับแขก) จอยเลยถือโอกาสคุยให้ทุกคนในโต๊ะทราบว่าจอยแต่งงานแล้วและที่จอยต้องมาคนเดียวเพราะสามีติดธุระ

     เพื่อนๆ ช่วยวิเคราะห์ซิคะว่าไกด์เขามาแตะเนื้อต้องจอยทำไม

     ในความคิดของจอย เขาอาจจะมองว่าจอยเป็นผู้หญิงที่กล้าเดินทางคนเดียว อาจจะเป็นสาวอารมณ์เปลี่ยวก็ได้ ซึ่งเขาคงเคยเจอมาแล้ว งานนี้จึงขอ ‘ลองของ’ ซะหน่อย เผื่อผู้หญิงเล่นด้วย อาจส้มหล่นได้กินของฟรี

     จอยไม่เล่นด้วยและไม่ได้มีท่าทีสนใจเขา เขาก็หยุดไม่มายุ่งกับจอยอีก จอยจึงเที่ยวต่อไปได้อย่างสบายใจแต่ก็ยังระมัดระวังตัวตลอด เวลาเดินกลับห้องพักในโรงแรม มองซ้ายมองขวาเพื่อความปลอดภัยก่อนเปิดประตูห้อง เข้าห้องแล้วปิดล็อกอย่างดี ถ้าห้องพักมีระเบียงก็ต้องล็อกประตูที่เปิดออกไประเบียง

     วันต่อมา จอยได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมา คือครอบครัวสี่คนพ่อแม่ลูกมาจากจังหวัดขอนแก่น คนแม่ถูกชะตากับจอยมาก คุยกับจอยตลอด แล้วยังใช้ให้ลูกชายสองคนที่โตเป็นหนุ่มใหญ่แล้วทั้งคู่มาคอยดูแลจอย ช่วยเหลือยกกระเป๋าให้จอยอีกด้วย

     มีมื้อหนึ่งที่จอยได้นั่งกับลูกทัวร์สาวสามคน เขาพากันมาเที่ยวฉลองเรียนจบแพทย์ คุณหมอทั้งสามแต่งตัวสวยทุกวันเลยค่ะ ใส่ชุดสวยชนิดที่เหมือนจะไปงานแต่งงานไม่เหมือนมาเที่ยวทัวร์ คือ ชุดลูกไม้ ปักเลื่อม ปักมุก กระโปรงบาน สงสัยว่าน่าจะมาเพื่อถ่ายแบบมากกว่า 5555

     มื้อที่เรานั่งทานข้าวด้วยกันและพูดคุยทำความรู้จักกัน คุณหมอคนหนึ่งถามจอยว่า

     “พี่มาเที่ยวคนเดียวสนุกตรงไหนรึคะ”

      จอยยิ้ม เข้าใจคนวัยหนุ่มสาวที่มองว่าเพื่อนคือ สรณะ ชีวิตนี้ถ้าขาดเพื่อนอาจจะลงแดงตาย

     “พี่ก็สนุกแบบของพี่” จอยตอบออกไป แต่ในใจอยากบอกว่า ‘วันไหนที่น้องแต่งงานมีลูกมีผัว วันนั้นน้องจะลืมเพื่อนหมดทุกคน’

      วันสุดท้ายลูกทัวร์ทั้งคณะขอให้จอยเป็นตัวแทนมอบทิปให้ไกด์และคนขับรถและกล่าวขอบคุณในนามของลูกทัวร์ทั้งหมด ไม่รู้เขาเห็นอะไรใน
ตัวจอยนะคะถึงยกตำแหน่งนี้ให้ 

      สรุปว่าทริปนี้ จอยได้เห็น Blue pond สีฟ้าสวยสมใจ อยากจะมีเวลาอยู่ชื่นชมนานๆ แต่โดนฝนไล่จนเปียกปอน แล้วยังได้เที่ยวฟาร์มดอกลาเวนเดอร์ ได้กินขนมของอร่อยขึ้นชื่อของฮอกไกโด ได้เป๋าฮื้อสดที่ลวกสุกแล้วแพกสุญญากาศมาหนี่งลัง (30 กว่าตัว)ในราคาที่เท่ากับเป๋าฮื้อหนึ่งกระป๋องที่บ้านเรา และที่สำคัญได้เพื่อนดีๆ ที่จบทัวร์แล้วชวนจอยไปเที่ยวบ้านเขาที่ต่างจังหวัด

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่