ซีนนี้ เป็นซีนตัดเกรด ว่านี่คือ ละครที่ควรดูทุกตอน หรือ พลาดได้บ้าง
แม้จะไม่ฟอร์มยักษ์ แต่ความงาม ความปราณีต พิถีพิถัน ลึกซึ้ง สัมผัสได้
- ซีน battle สองขุนนาง ไม่มาก ไม่น้อย พองาม เล่นถึงแต่ไม่ล้น
ทำให้เราคิดถึงเรื่องขมิ้นกับปูน คือ จุดขายอยู่ที่ตัวละครรอง
ทั้งน้ำและกัปตัน เล่นได้มีพลัง แต่ไม่ดูเกินกรอบอารมณ์โมโหแบบขุนนางชั้นสูง
เล่นแบบที่พระเอกนางเอกเล่นไม่ได้ เพราะตัวประกอบ มีความเป็นตัวละครกลม มีชั้นเชิงการแสดงออก
เล่ห์เหลี่ยม อารมณ์ ซึ่งท้าทายนักแสดงมากฝีมือ
น้ำมาถูกทางแล้ว คล้ายๆ เต๋า สมชาย อ้น สราวุธ ที่เวลาเล่นเป็นตัวประกอบ นี่ลืมไม่ลงเลย
ส่วนกัปตัน การแสดงขั้นเทพ มาตั้งแต่รับบท สุรสีห์ ใน “ชีวิตเพื่อข้า หัวใจเพื่อเธอ” ปี 2560
แม้แต่จะกระแทกถ้วยกาแฟ จังหวะไหน ให้ได้อารมณ์ คือ เป๊ะทุกโน๊ต
ซึ่งพอมีซีน battle นี้ เรื่องมี energy ขึ้นมา
- พระเอกนางเอก ไม้ได้ทำให้ผิดหวัง ตงตง จะว่าไปก็ไม่เคยหมดออร่าดารา ตั้งแต่บทพระไวย์ ในวันทอง น้องชายพระเอกในคุณชาย มาถึงเรื่องนี้ ทั้งทักษะการแสดง รูปร่างหน้าตา โดยรวม คือ เกิดมาเป็นดาว คนเอ็นดูได้ไม่ยาก
ส่วนนางเอก ให้ภาพใสซื่อ ซึ่งเดากว่า อนาคต พระเอกน่าจะเจอคนที่สวยออร่าแรงกว่านางเอก แต่พระเอกเลือกนางเอกอยู่ดี
นางเอกไม่ได้ทำให้เสียอรรถรส แม้ว่าชั้นเชิงการแสดงรวมถึงรูปลักษณ์จะไม่โดดเด่นมาก
ในภาพรวม พอเข้าใจ ว่าเรื่องต้องการซื่อความจริงใจของนางเอก และนักแสดงก็สื่อสารออกมาด้วยท่าทางและสายตา
ได้ความเป็นสาวบ้านนาที่ใจบริสุทธิ์ น่าเอ็นดู
- ผู้ร้าย พ่อบวร หล่อเกินไป และเล่นดีมาก เกลียดไม่ลง
ถ้าพ่อบวรปล้ำ จะมีผู้หญิงกี่คนที่ปฏิเสธ คนนี้น่าจะได้เล่นบทคุณชาย ไม่ควรรับบทที่เล็กเกินไป เพราะศักยภาพมีอยู่มาก
- ซีนอื่นๆ ที่ละเมียด ในซีนที่พระเอกนางเอกไปกราบลาพระ
แล้วพระค่อยๆ เห็นภาพอนาคตของทั้งสองคนในชุดตัวพระขตัวนาง ซีนนี้ ละมุนสวยงาม
เช่นเดียวกับตอนพระเอกกอดนางเอกที่ขนำปลายนา ภาพสวย มุมกล้องดี
รวมถึงตอนพระเอกลาครู และนางเอก ลาแม่ ตัดสลับได้ดีมาก ใช้กลอนซึ่งเป็นหัวใจของเรื่อง
ตัวละครเล่นถึงบท การเล่าเรื่อง ช้า ได้อารมณ์
อีกตอนที่ชอบดรามาติกโมเม้นท์ ตอนท่านเจ้าคุณจะไม่เลือกพระเอก เพราะพระเอกป่วย
จังหวะหมดหวังมาเยือน พระเอกก็ร้องกลอนออกมา เป็นอันว่าได้รับเลือก
เป็นการเล่าเรื่องแบบละคร จังหวะดี ใจฟู มีจุดพีคดรามาติกให้เซอร์ไพร้ซ์
-ฉากพระนคร แม้ว่าสเกลงานไม่ใหญ่มาก แต่เห็นชัด ถึงความใส่ใจในรายละเอียดของทีมงาน
ที่ทำให้เราได้เปรียบเทียบระหว่างชีวิตบ้านนา กับความแปลกใหม่ ศิวิไลท์ ของพระนครในยุคนั้น
ตลอดจนการถ่ายทอดความลึกซึ้งกินใจ จากที่พระเอกนางเอกดิ้นรนภายใต้อำนาจนิยมในสังคมบ้านนอก
สู่การเผชิญปัญหาใหม่ๆ ในสังคมเมืองหลวง
เป็นละครฟอร์มเล็กๆเรื่องหนึ่งที่น่าจับตามอง
และเต็มไปด้วยความรักต่อศาสตร์การแสดง และเสน่ห์ของวัฒนธรรมไทย ที่ถ่ายทอดโดยผู้กำกับ นักแสดง ทีมงานสู่ผู้ชม
ให้ 9 เต็ม 10 แนะนำให้ดูทุกตอน
คู่พระ-คู่นาง ละครช่องวัน ซีน battle ตัวพ่อกัปตันภูธเนศ-น้ำรพีภัทร
แม้จะไม่ฟอร์มยักษ์ แต่ความงาม ความปราณีต พิถีพิถัน ลึกซึ้ง สัมผัสได้
- ซีน battle สองขุนนาง ไม่มาก ไม่น้อย พองาม เล่นถึงแต่ไม่ล้น
ทำให้เราคิดถึงเรื่องขมิ้นกับปูน คือ จุดขายอยู่ที่ตัวละครรอง
ทั้งน้ำและกัปตัน เล่นได้มีพลัง แต่ไม่ดูเกินกรอบอารมณ์โมโหแบบขุนนางชั้นสูง
เล่นแบบที่พระเอกนางเอกเล่นไม่ได้ เพราะตัวประกอบ มีความเป็นตัวละครกลม มีชั้นเชิงการแสดงออก
เล่ห์เหลี่ยม อารมณ์ ซึ่งท้าทายนักแสดงมากฝีมือ
น้ำมาถูกทางแล้ว คล้ายๆ เต๋า สมชาย อ้น สราวุธ ที่เวลาเล่นเป็นตัวประกอบ นี่ลืมไม่ลงเลย
ส่วนกัปตัน การแสดงขั้นเทพ มาตั้งแต่รับบท สุรสีห์ ใน “ชีวิตเพื่อข้า หัวใจเพื่อเธอ” ปี 2560
แม้แต่จะกระแทกถ้วยกาแฟ จังหวะไหน ให้ได้อารมณ์ คือ เป๊ะทุกโน๊ต
ซึ่งพอมีซีน battle นี้ เรื่องมี energy ขึ้นมา
- พระเอกนางเอก ไม้ได้ทำให้ผิดหวัง ตงตง จะว่าไปก็ไม่เคยหมดออร่าดารา ตั้งแต่บทพระไวย์ ในวันทอง น้องชายพระเอกในคุณชาย มาถึงเรื่องนี้ ทั้งทักษะการแสดง รูปร่างหน้าตา โดยรวม คือ เกิดมาเป็นดาว คนเอ็นดูได้ไม่ยาก
ส่วนนางเอก ให้ภาพใสซื่อ ซึ่งเดากว่า อนาคต พระเอกน่าจะเจอคนที่สวยออร่าแรงกว่านางเอก แต่พระเอกเลือกนางเอกอยู่ดี
นางเอกไม่ได้ทำให้เสียอรรถรส แม้ว่าชั้นเชิงการแสดงรวมถึงรูปลักษณ์จะไม่โดดเด่นมาก
ในภาพรวม พอเข้าใจ ว่าเรื่องต้องการซื่อความจริงใจของนางเอก และนักแสดงก็สื่อสารออกมาด้วยท่าทางและสายตา
ได้ความเป็นสาวบ้านนาที่ใจบริสุทธิ์ น่าเอ็นดู
- ผู้ร้าย พ่อบวร หล่อเกินไป และเล่นดีมาก เกลียดไม่ลง
ถ้าพ่อบวรปล้ำ จะมีผู้หญิงกี่คนที่ปฏิเสธ คนนี้น่าจะได้เล่นบทคุณชาย ไม่ควรรับบทที่เล็กเกินไป เพราะศักยภาพมีอยู่มาก
- ซีนอื่นๆ ที่ละเมียด ในซีนที่พระเอกนางเอกไปกราบลาพระ
แล้วพระค่อยๆ เห็นภาพอนาคตของทั้งสองคนในชุดตัวพระขตัวนาง ซีนนี้ ละมุนสวยงาม
เช่นเดียวกับตอนพระเอกกอดนางเอกที่ขนำปลายนา ภาพสวย มุมกล้องดี
รวมถึงตอนพระเอกลาครู และนางเอก ลาแม่ ตัดสลับได้ดีมาก ใช้กลอนซึ่งเป็นหัวใจของเรื่อง
ตัวละครเล่นถึงบท การเล่าเรื่อง ช้า ได้อารมณ์
อีกตอนที่ชอบดรามาติกโมเม้นท์ ตอนท่านเจ้าคุณจะไม่เลือกพระเอก เพราะพระเอกป่วย
จังหวะหมดหวังมาเยือน พระเอกก็ร้องกลอนออกมา เป็นอันว่าได้รับเลือก
เป็นการเล่าเรื่องแบบละคร จังหวะดี ใจฟู มีจุดพีคดรามาติกให้เซอร์ไพร้ซ์
-ฉากพระนคร แม้ว่าสเกลงานไม่ใหญ่มาก แต่เห็นชัด ถึงความใส่ใจในรายละเอียดของทีมงาน
ที่ทำให้เราได้เปรียบเทียบระหว่างชีวิตบ้านนา กับความแปลกใหม่ ศิวิไลท์ ของพระนครในยุคนั้น
ตลอดจนการถ่ายทอดความลึกซึ้งกินใจ จากที่พระเอกนางเอกดิ้นรนภายใต้อำนาจนิยมในสังคมบ้านนอก
สู่การเผชิญปัญหาใหม่ๆ ในสังคมเมืองหลวง
เป็นละครฟอร์มเล็กๆเรื่องหนึ่งที่น่าจับตามอง
และเต็มไปด้วยความรักต่อศาสตร์การแสดง และเสน่ห์ของวัฒนธรรมไทย ที่ถ่ายทอดโดยผู้กำกับ นักแสดง ทีมงานสู่ผู้ชม
ให้ 9 เต็ม 10 แนะนำให้ดูทุกตอน