คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10

ข้อควรระวังในการดื่มน้ำแร่
ผู้ที่มีอาการบวมน้ำ ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่หัวใจทำงานได้ไม่ดีไม่ควรดื่มน้ำแร่
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ควรดื่มน้ำแร่ที่มีปริมาณโซเดียมสูงและน้ำแร่เกลือโซเดียมคลอไรด์
ผู้ที่มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารปริมาณมาก
และแผลในกระเพาะอาหารไม่ควรดื่มน้ำแร่เกลือโซเดียมคลอไรด์
ที่มา www.pobpad.com (น้ำแร่ กับประโยชน์และข้อควรระวัง)
https://www.pobpad.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%88-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9%89


เครื่องดื่มเกลือแร่ ก็ต้องระวัง...
...

ข้อควรระวังในการดื่มน้ำแร่
ผู้ที่มีอาการบวมน้ำ ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่หัวใจทำงานได้ไม่ดีไม่ควรดื่มน้ำแร่
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ควรดื่มน้ำแร่ที่มีปริมาณโซเดียมสูงและน้ำแร่เกลือโซเดียมคลอไรด์
ผู้ที่มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารปริมาณมาก
และแผลในกระเพาะอาหารไม่ควรดื่มน้ำแร่เกลือโซเดียมคลอไรด์
ที่มา www.pobpad.com (น้ำแร่ กับประโยชน์และข้อควรระวัง)
https://www.pobpad.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%88-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9%89


เครื่องดื่มเกลือแร่ ก็ต้องระวัง...
...
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 52
ขอให้ความเห็นในฐานะที่เคยทำงานผลิตน้ำประปา
ค่า EC หรือค่า TDS เป็นเพียงพารามิเตอร์เบื้องต้นที่ใช้ตรวจวัดคุณภาพน้ำว่ามีการปนเปื้อนของสารที่ละลายอยู่ในน้ำสูงหรือไม่ เนื่องจากเป็นค่าที่วัดง่ายที่สุด แค่จุ่มเครื่องวัดก็ได้ค่าออกมา โดยปกติถ้าน้ำที่วัดได้มีค่า TDS สูงกว่า 500 ppm (mg/l) เวลาดื่มจะรู้สึกถึงรสชาติที่เปลี่ยนไป เช่นบางคนดื่มน้ำแร่ที่มีค่า TDS สูงกว่า 800 ppm ดื่มแล้วจะรู้สึกว่าหนัก (เมื่อเทียบกับน้ำดื่ม RO) บางคนก็ชอบที่เป็นน้ำแร่ แต่บางคนก็ไม่ชอบในรสชาตินั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำแร่นั้นไม่สะอาดหรือไม่ควรดื่มด้วยค่า TDS ที่สูงถึง 800 ppm (กาแฟดำที่เราดื่มทุกวันมีค่า TDS ประมาณ 1500-2000 ppm ก็ยังรู้สึกอร่อย)
ปัจจัยที่บ่งชี้ว่าน้ำนั้นควรนำมาใช้ดื่มกินหรือไม่ ไม่ใช่ค่า TDS หรือค่า EC อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องความสะอาดของน้ำโดยรวม โดยเฉพาะเรื่องแบคทีเรีย โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช หรือสารอินทรีย์อื่นๆ ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำนั้นมากกว่า ซึ่งต้องตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ
ประเด็นของน้ำประปานั้นผลิตมาจากแหล่งน้ำดิบตามธรรมชาติที่ผ่านกระบวนผลิตน้ำแบบปกติที่เรียกว่า Conventional Water Treatment Plant คือ
การตกตะกอนเอาสิ่งเจือปนทั้งละลายและไม่ละลายน้ำออก จากนั้นจึงผ่านกระบวนการกรองอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะจ่ายคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วสูบจ่ายให้ผู้ใช้น้ำอุปโภคและบริโภคต่อไป ค่า TDS ของน้ำประปาจะเป็นไปตามค่า TDS ของน้ำดิบที่ใช้ผลิตน้ำ แต่ความสะอาดของน้ำประปานั้นจะมีเพียงพอที่จะนำไปอุปโภคหรือบริโภคได้อย่างปลอดภัย
ประเด็นที่มีการเปรียบเทียบค่า TDS ของน้ำดื่มบรรจุขวดยี่ห้อต่างๆและน้ำประปานั้น จริงๆแล้วน่าจะเป็นการเปรียบเทียบถึงรสชาติของน้ำซึ่งดูจะเหมาะสมกว่า ซึ่งบางคนก็ชอบรสชาติอ่อนๆแบบน้ำ RO (ค่า TDS ต่ำกว่า 30 ppm ) บางคนก็ชอบรสชาติหนักแบบน้ำแร่ แต่บางคนอะไรๆก็ดื่มได้หมด แต่อย่าลืมนะครับ น้ำดื่มที่บรรจุขวดขาย กันจะมีราคาไม่ต่ำกว่าขวดละ 6 บาท (ขวดเล็กขนาด 0.6 ลิตร) ในขณะที่น้ำประปา มีราคาขั้นต่ำ 8.50 บาทต่อ 1000 ลิตร ซึ่งหลายๆคนที่ไม่มั่นใจในการดื่มน้ำประปาโดยตรงนั้น การนำน้ำประปามาผ่านเครื่องกรองน้ำแบบ RO ที่บ้าน ก่อนนำมาบริโภค ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีและเหมาะสม ซึ่งจะประหยัดกว่าการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดตามทัองตลาดมากๆ อีกทั้งยังได้รสชาติของน้ำที่ดีไม่แตกต่างกันกับน้ำดื่มบรรจุขวดที่ซื้อ และยังช่วยลดขยะพลาสติกอีกด้วย
ดังนั้น ค่า EC หรือ ค่า TDS ที่ Youtuber นำมาเสนอนั้น ไม่ใช่ค่าที่จะบ่งบอกว่าน้ำนั้นสะอาดหรือไม่สะอาด และควรดื่มหรือไม่ควรดื่ม
ค่า EC หรือค่า TDS เป็นเพียงพารามิเตอร์เบื้องต้นที่ใช้ตรวจวัดคุณภาพน้ำว่ามีการปนเปื้อนของสารที่ละลายอยู่ในน้ำสูงหรือไม่ เนื่องจากเป็นค่าที่วัดง่ายที่สุด แค่จุ่มเครื่องวัดก็ได้ค่าออกมา โดยปกติถ้าน้ำที่วัดได้มีค่า TDS สูงกว่า 500 ppm (mg/l) เวลาดื่มจะรู้สึกถึงรสชาติที่เปลี่ยนไป เช่นบางคนดื่มน้ำแร่ที่มีค่า TDS สูงกว่า 800 ppm ดื่มแล้วจะรู้สึกว่าหนัก (เมื่อเทียบกับน้ำดื่ม RO) บางคนก็ชอบที่เป็นน้ำแร่ แต่บางคนก็ไม่ชอบในรสชาตินั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำแร่นั้นไม่สะอาดหรือไม่ควรดื่มด้วยค่า TDS ที่สูงถึง 800 ppm (กาแฟดำที่เราดื่มทุกวันมีค่า TDS ประมาณ 1500-2000 ppm ก็ยังรู้สึกอร่อย)
ปัจจัยที่บ่งชี้ว่าน้ำนั้นควรนำมาใช้ดื่มกินหรือไม่ ไม่ใช่ค่า TDS หรือค่า EC อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องความสะอาดของน้ำโดยรวม โดยเฉพาะเรื่องแบคทีเรีย โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช หรือสารอินทรีย์อื่นๆ ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำนั้นมากกว่า ซึ่งต้องตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ
ประเด็นของน้ำประปานั้นผลิตมาจากแหล่งน้ำดิบตามธรรมชาติที่ผ่านกระบวนผลิตน้ำแบบปกติที่เรียกว่า Conventional Water Treatment Plant คือ
การตกตะกอนเอาสิ่งเจือปนทั้งละลายและไม่ละลายน้ำออก จากนั้นจึงผ่านกระบวนการกรองอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะจ่ายคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วสูบจ่ายให้ผู้ใช้น้ำอุปโภคและบริโภคต่อไป ค่า TDS ของน้ำประปาจะเป็นไปตามค่า TDS ของน้ำดิบที่ใช้ผลิตน้ำ แต่ความสะอาดของน้ำประปานั้นจะมีเพียงพอที่จะนำไปอุปโภคหรือบริโภคได้อย่างปลอดภัย
ประเด็นที่มีการเปรียบเทียบค่า TDS ของน้ำดื่มบรรจุขวดยี่ห้อต่างๆและน้ำประปานั้น จริงๆแล้วน่าจะเป็นการเปรียบเทียบถึงรสชาติของน้ำซึ่งดูจะเหมาะสมกว่า ซึ่งบางคนก็ชอบรสชาติอ่อนๆแบบน้ำ RO (ค่า TDS ต่ำกว่า 30 ppm ) บางคนก็ชอบรสชาติหนักแบบน้ำแร่ แต่บางคนอะไรๆก็ดื่มได้หมด แต่อย่าลืมนะครับ น้ำดื่มที่บรรจุขวดขาย กันจะมีราคาไม่ต่ำกว่าขวดละ 6 บาท (ขวดเล็กขนาด 0.6 ลิตร) ในขณะที่น้ำประปา มีราคาขั้นต่ำ 8.50 บาทต่อ 1000 ลิตร ซึ่งหลายๆคนที่ไม่มั่นใจในการดื่มน้ำประปาโดยตรงนั้น การนำน้ำประปามาผ่านเครื่องกรองน้ำแบบ RO ที่บ้าน ก่อนนำมาบริโภค ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีและเหมาะสม ซึ่งจะประหยัดกว่าการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดตามทัองตลาดมากๆ อีกทั้งยังได้รสชาติของน้ำที่ดีไม่แตกต่างกันกับน้ำดื่มบรรจุขวดที่ซื้อ และยังช่วยลดขยะพลาสติกอีกด้วย
ดังนั้น ค่า EC หรือ ค่า TDS ที่ Youtuber นำมาเสนอนั้น ไม่ใช่ค่าที่จะบ่งบอกว่าน้ำนั้นสะอาดหรือไม่สะอาด และควรดื่มหรือไม่ควรดื่ม
แสดงความคิดเห็น
ชาวนิวยอร์ค ทดสอบ { น้ำดื่มในไทย } ด้วยเครื่อง EC-3 (น้ำดื่มตราช้าง/คริสตัล/เนสท์เล่ เพียวไลฟ์/น้ำดื่ม7-select/น้ำทิพย์)
น้ำประปาในไทยไม่ค่อยเหมาะกับการดื่ม
ชาวนิวยอร์ค (newyorker)
youtuber
เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
ได้ทดลองใช้เครื่อง EC-3 conductivity meter
รีวิว review
วัดคุณภาพน้ำดื่มยี่ห้อต่างๆของเมืองไทย 5 ยี่ห้อ รวมถึงน้ำประปา ( tap water )
น้ำดื่มตราช้าง
น้ำดื่มคริสตัล
น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์
น้ำดื่ม 7-select
น้ำดื่มน้ำทิพย์
เผยแพร่ทาง youtube
เมื่อ 3 มี.ค. 2024