(ผลลัพธ์อาจเป็นเฉพาะบุคคล และเพื่อไม่ให้เป็นการโฆษณาขอไม่แจ้งชื่อคลีนิคที่ทำครับ )
ผมมีปัญหาผมร่วงผมบางจากกรรมพันธู์มาตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ พยายามหาวิธีรักษาแก้ไขแบบงูๆปลาๆใช้ยากินยาทามาตลอดแต่ก็ไม่ได้ผล และสมัยก่อนนั้นค่าปลูกผมแพงมากราคาหลักสองแสนบาทขึ้นไปใช้วิธีตัดแถบชิ้นเนื้อท้ายทอยมาหั่นกราฟผมเพื่อย้ายไปปลูกที่ใหม่ จึงใช้เวลาปลูกนานเจ็บตัวมากพักฟื้นนานและมีแผลเป็น เคยศึกษาดูแล้วคิดว่าคงทำไม่ไหว ก็เลยปล่อยให้ล่วงเลยมานานหลายสิบปีจนในที่สุดผมก็ร่วงบางจนเกือบหมดทั้งด้านหน้าและด้านบน จนสุดท้ายทรงผมที่สามารถไว้ได้คือสกินเฮด เรียกได้ว่าหมดหวังในชีวิตแล้ว แต่ก็ทำให้เสียบุคลิคและดูแก่กว่าอายุจริง
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมเริ่มเคยเห็นโฆษณาปลูกผมด้วยวิธีการใหม่ๆ ราคาจะถูกลงและใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าก็เลยเริ่มกลับหาข้อมูลใหม่หาข้อมูลเพิ่มไปเรื่อยๆ จนไปเจอหลายคลีนิคที่รับปลูกผมในราคาที่ต่ำมากจนน่าตกใจเหลือประมาณ 4-5 หมื่นบาทก็มี เริ่มสับสนแยกความแตกต่างไม่ออก จนสุดท้ายต้องหาข้อมูลโดยดูความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ของหมอแทน ไปเจอคลีนิคนึงที่สามารถหาดูข้อมูลความชำนาญของหมอได้มากกว่า คือให้บริการปลูกผมมานาน มีรีวิวคนไข้หลายๆเคสมากย้อนหลังไปได้หลายปี และที่สำคัญคือมีทางเลือกในการให้การรักษามากกว่าการปลูกผมเพียงอย่างเดียว จึงตัดสินใจโทรปรึกษาแล้วมาจองคิวปรึกษาคุณหมอที่คลีนิคนี้ แต่กว่าจะได้คิวก็นานมากเพราะคุณหมอมีคนไข้เยอะ
เมื่อได้เข้าพบปรึกษาคุณหมอ เนื่องจากว่าปล่อยให้ผมร่วงบางมานานไปจนรากผมด้านบนหายไปเกือบหมดแล้ว คุณหมอจึงดูที่ความแข็งแรงสมบูรณ์ของรากผมที่ท้ายทอยและสภาพของหนังศรีษะส่วนที่จะปลูกเป็นหลัก และให้คำแนะนำว่าเพราะผมร่วงล้านโล่งไปเกือบหมดแล้วผิวหนังศรีษะจึงบางมากเพราะไม่มีรากผมและระบบเส้นเลือดมาบำรุง จึงจำเป็นต้องฟื้นฟูผิวหนังศรีษะขึ้นมาก่อนเพื่อให้พร้อมปลูก โดยใช้วิธีการดูดไขมันของตัวคนไข้เองออกมาผ่านกระบวนการแล้วฉีดกลับเข้าไปที่ใต้ผิวหนังศรีษะบริเวณที่จะปลูกผม แล้วให้รอดูความพร้อมอีก 1 เดือน ซึ่งตอนนั้นคุณหมอใจดีมาก ไม่ได้คิดค่าใช้เพิ่มในการทำฉีดไขมันนี้ัเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่ต้องขอบอกว่าวิธีการนี้ก็เจ็บตัวไม่น้อยเช่นกัน และคุณหมอยังแจ้งว่าเนื่องจากพื้นที่ปลูกผมมีขนาดกว้างมาก คุณหมอจึงแนะนำให้ทำการปลูก 2 ครั้งเพื่อให้ได้ผลสำเร็จของการปลูกสูงที่สุด จะได้ไม่ต้องใช้เวลาในการปลูกต่อครั้งนานเกินไปได้และไม่ต้องถอนกราฟผมออกมารอปลูกนานมากเกินไปจนมีบางส่วนที่ปลูกไม่ติด ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ทำการปลูกครั้งละ 2500-3000กราฟเท่านั้น
จนมาถึงวันที่นัดปลูกจริง ทางคลินิคให้ให้สระผมมาก่อนและงดดื่มชากาแฟเพราะคุณหมอจะต้องให้กินยาเพื่อให้ง่วงหลับจะได้ไม่มีการขยับตัวมากระหว่างการเจาะและปลูกกราฟผม และคนไข้ต้องตัดผมด้านหลังให้เกรียนเหมือนทรงผมทหารเกณฑ์ ซึ่งการปลูกผมนี้ใช้ทีมคุณหมอ 3 คนทำสลับต่อเนื่องกัน ไม่รวมกับทีมสต๊าฟพยาบาลตามปกติ การเตรียมตัวก่อนปลูกผมนี้นอกจากการเจาะเลือดไปตรวจ ตัดผม แล้วให้กินยาง่วงให้สงบ ก็จะทำแค่นั่งรอผลตรวจเลือดและรอให้ยาออกฤทธิ์ ประมาณชั่วโมงกว่าๆ แล้วคุณหมอก็เข้ามาฉีดยาชาที่หนังศรีษะทั้งด้านท้ายทอยและด้านหน้าที่จะปลูก มีอาการเจ็บนิดหน่อยแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั้น พอยาชาออกฤทธิ์ก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไรในตอนเจาะและตอนปลูก ใช้เวลาปลูกจริงประมาณ 3 ชม.เท่านั้น ไม่รวมเวลาที่เตรียมตัวและรอยาออกฤทธิ์อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็เสร็จมารู้สึกตัวก็คือจนท.พยาบาลปลุกให้ตื่น แล้วมาอธิบายวิธีการดูแลรักษาแผลผ่าตัดปลูกผมในวันแรก ให้ยาแก้อักเสบแก้ปวดไปกิน แล้วก็แต่งตัวเดินทางกลับไปพักฟื้นที่บ้าน
วันปลูกผมเสร็จวันแรกวันเดียวนี่แหละที่ใช้ชีวิตยากลำบากที่สุด คือต้องคอยระวังไม่ให้ศรึษะโดนลมน้ำฝุ่นและไม่ให้โดนกระแทกไม่ให้ก้มหน้า เวลานอนอย่าให้ไปกดทับบริเวณที่ปลูกผม ซึ่งวันแรกแผลที่เพิ่งเจาะใหม่จะยังไม่ปิดสนิท จะมีเลือดไหลออกมาจากแผลได้ง่ายมาก และที่สำคัญคือหลังปลูกประมาณ 6 ชม. ยาชาจะเริ่มหมดฤทธิ์คราวนี้จะปวดแผลบริเวณที่ปลูกอย่างมากจากอาการจริง ต้องพึ่งยาแก้ปวดหลายๆเม็ดถึงจะบรรเทาการปวดและสามารถนอนหลับได้บ้าง
วันรุ่งขึ้นทางคลีนิคนัดให้ไปล้างแผล วันที่สองนี้แผลก็ยังไม่ปิดสนิทดี ยังมีเลือดไหลออกมาจากบางจุดต้องคอยเอาสำลีมากดให้เลือดหยุด และจะมีกราฟผมที่ปลูกบางจุดหลุดออกมาบ้าง 1-2 กราฟ เมื่อไปที่คลีนิคทำการล้างแผลด้วยเครื่องมือพิเศษที่ไม่มีการสัมผัสหนังศรีษะเลย แต่ทำให้รู้สึกว่าหนังศรีษะสะอาดขึ้นมาก แล้วจนท.พยาบาลก็ใช้ผ้าปิดแผลด้านหลังแต่ใช้ผ้าที่บางลง ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติแต่งดออกแรงหนักที่ทำให้เหงื่อออก และอาการปวดแผลก็ไม่มีแล้ว ทำให้นอนหลับได้สนิทกว่าวันแรก
วันต่อมาก็ไปล้างแผลที่คลีนิคครั้งที่สอง ครั้งนี้จนท.พยาบาลจะถอดผ้าพันแผลออกไปได้เลยไม่ต้องใส่อีกแล้ว แผลแห้งสนิททุกตำแหน่ง แต่ยังต้องคอยระวังไม่ให้แผลโดนฝุ่นลมและเหงื่อ ยังไม่สามารถออกกำลังกายได้ ไม่สามารถใส่หมวกได้ ไม่ควรก้มหน้านานๆเพราะจะรู้สึกหนักหัว และใต้ผิวหนังศรีษะจากด้านบนจะมีของเหลวค่อยๆเคลื่อนย้ายตำแหน่งที่บวมลงมา เพราะไม่มีผ้าพันแผลคาดไว้ที่ศรีษะอีกแล้วแต่ไม่มีอาการเจ็บปวดแผลใดๆ แล้วให้ยาวิตามินบำรุงรากผมมากินและโลชั่นบำรุงหนังศรีษะมาทา แล้วนัดมาให้คุณหมอตรวจติดตามผลในอีกประมาณ 1 เดือน
วันที่สี่ห้าขึ้นไป แผลปลูกผมจะเริ่มแห้งสนิทและตกสะเก็ด ตอนนี้แหละที่จะทำให้เริ่มคันแผล ทางคลีนิคจะให้สระผมด้วยแชมพูอ่อนๆทุกวันเพื่อให้สะเก็ดนิ่มหลุดออกจากแผลโดยห้ามถูหรือแกะที่ผิวหนังโดยตรงอาการคันนี้สามารถบรรเทาได้โดยการใช้น้ำมันเบบี้ออยทาให้ผิวหนังศรึษะชุ่มชื้นจะลดอาการคันได้และทำให้สะเก็ดแผลอ่อนตัวและหลุดออกมาเองเรื่อยๆลักษณะเป็นเม็ดสีดำเล็กๆจำนวนมาก ถ้าสะเก็ดที่หลุดออกมานี้ไม่มีรากผมหรือผมท่อนสั้นๆหลุดติดออกมาด้วยก็ไม่น่ากังวลแต่อย่างใด ช่วงนี้อาจจะมีกราฟผมที่ปลูกไม่ติดหลุดออกมาเองบ้างประมาณ 3-4 กราฟ ถ้าไม่มากก็ไม่น่าเป็นห่วง
ประมาณ 1 เดือนครบกำหนดตรวจติดตามผล ก็ไปพบคุณหมอตรวจสภาพหลังการปลูก คุณหมอให้ทำการบำรุงรากผมเพิ่มโดยใช้วิธีฉีดเกล็ดเลือดไปที่หนังศรีษะ เจ็บตัวเพิ่มอีกนิดหน่อย ช่วงนี้ผมที่ปลูกจะเริ่มยาวขึ้นมาประมาณ 1 เซ็น เป็นผมเส้นเล็กๆบางๆแต่ละจุดยาวไม่เท่ากัน ด้วยความรำคาญผมเลยตัดให้เกลี้ยงติดหนังศรีษะไปเลย ซึ่งกลับกลายเป็นผลดี เพราะเส้นผมก็จะงอกออกมาใหม่คราวนี้กลายเป็นเส้นหนาแข็งแรงกว่าเดิมมาก และยาวต่อเนื่องไปตลอดจนกลายเป็นผมยาวจัดทรงได้เลยในเวลา 1-2 เดือนต่อมา โดยที่ไม่เคยเจออาการ shock lost ที่มีผมร่วงเป็นหย่อมๆก่อนแต่อย่างใด อย่างที่แจ้งไว้ตอนแรกว่าผลลัพท์ที่เกิดขึ้นอาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละคน เส้นผมที่ปลูกใหม่ของผมยาวแข็งแรงตั้งแต่เดือนที่สองเป็นต้นมาจนถึงทุกวันนี้ อาจเป็นเพราะกราฟผมด้านหลังมีความแข็งแรงอยู่มาก เมื่อย้ายมาปลูกใหม่จึงมีผลสูญเสียน้อยมาก แทบไ่ม่มีอาการผมร่วงตำแหน่งปลูกใหม่เลยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แต่ว่าก็ควรมีการดูแลบำรุงหนังศรีษะและรากผมด้วยยากินและยาทาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเทียบผลที่ได้กับค่าใช้จ่าย,เวลาที่เสียไปและอาการเจ็บในระยะเวลาสั้นๆแล้ว ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เพราะมันเป็นการลงทุนเพื่อเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยนบุคลิกและสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันขึ้นมหาศาล การปลูกผมถือเป็นทางออกสุดทัายในการแก้ไขปัญหาปมในใจให้กับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางหัวล้านได้เป็นอย่างดีครับ
แชร์ประสบการณ์ปลูกผมอายุ 50+
ผมมีปัญหาผมร่วงผมบางจากกรรมพันธู์มาตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ พยายามหาวิธีรักษาแก้ไขแบบงูๆปลาๆใช้ยากินยาทามาตลอดแต่ก็ไม่ได้ผล และสมัยก่อนนั้นค่าปลูกผมแพงมากราคาหลักสองแสนบาทขึ้นไปใช้วิธีตัดแถบชิ้นเนื้อท้ายทอยมาหั่นกราฟผมเพื่อย้ายไปปลูกที่ใหม่ จึงใช้เวลาปลูกนานเจ็บตัวมากพักฟื้นนานและมีแผลเป็น เคยศึกษาดูแล้วคิดว่าคงทำไม่ไหว ก็เลยปล่อยให้ล่วงเลยมานานหลายสิบปีจนในที่สุดผมก็ร่วงบางจนเกือบหมดทั้งด้านหน้าและด้านบน จนสุดท้ายทรงผมที่สามารถไว้ได้คือสกินเฮด เรียกได้ว่าหมดหวังในชีวิตแล้ว แต่ก็ทำให้เสียบุคลิคและดูแก่กว่าอายุจริง
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมเริ่มเคยเห็นโฆษณาปลูกผมด้วยวิธีการใหม่ๆ ราคาจะถูกลงและใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าก็เลยเริ่มกลับหาข้อมูลใหม่หาข้อมูลเพิ่มไปเรื่อยๆ จนไปเจอหลายคลีนิคที่รับปลูกผมในราคาที่ต่ำมากจนน่าตกใจเหลือประมาณ 4-5 หมื่นบาทก็มี เริ่มสับสนแยกความแตกต่างไม่ออก จนสุดท้ายต้องหาข้อมูลโดยดูความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ของหมอแทน ไปเจอคลีนิคนึงที่สามารถหาดูข้อมูลความชำนาญของหมอได้มากกว่า คือให้บริการปลูกผมมานาน มีรีวิวคนไข้หลายๆเคสมากย้อนหลังไปได้หลายปี และที่สำคัญคือมีทางเลือกในการให้การรักษามากกว่าการปลูกผมเพียงอย่างเดียว จึงตัดสินใจโทรปรึกษาแล้วมาจองคิวปรึกษาคุณหมอที่คลีนิคนี้ แต่กว่าจะได้คิวก็นานมากเพราะคุณหมอมีคนไข้เยอะ
เมื่อได้เข้าพบปรึกษาคุณหมอ เนื่องจากว่าปล่อยให้ผมร่วงบางมานานไปจนรากผมด้านบนหายไปเกือบหมดแล้ว คุณหมอจึงดูที่ความแข็งแรงสมบูรณ์ของรากผมที่ท้ายทอยและสภาพของหนังศรีษะส่วนที่จะปลูกเป็นหลัก และให้คำแนะนำว่าเพราะผมร่วงล้านโล่งไปเกือบหมดแล้วผิวหนังศรีษะจึงบางมากเพราะไม่มีรากผมและระบบเส้นเลือดมาบำรุง จึงจำเป็นต้องฟื้นฟูผิวหนังศรีษะขึ้นมาก่อนเพื่อให้พร้อมปลูก โดยใช้วิธีการดูดไขมันของตัวคนไข้เองออกมาผ่านกระบวนการแล้วฉีดกลับเข้าไปที่ใต้ผิวหนังศรีษะบริเวณที่จะปลูกผม แล้วให้รอดูความพร้อมอีก 1 เดือน ซึ่งตอนนั้นคุณหมอใจดีมาก ไม่ได้คิดค่าใช้เพิ่มในการทำฉีดไขมันนี้ัเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่ต้องขอบอกว่าวิธีการนี้ก็เจ็บตัวไม่น้อยเช่นกัน และคุณหมอยังแจ้งว่าเนื่องจากพื้นที่ปลูกผมมีขนาดกว้างมาก คุณหมอจึงแนะนำให้ทำการปลูก 2 ครั้งเพื่อให้ได้ผลสำเร็จของการปลูกสูงที่สุด จะได้ไม่ต้องใช้เวลาในการปลูกต่อครั้งนานเกินไปได้และไม่ต้องถอนกราฟผมออกมารอปลูกนานมากเกินไปจนมีบางส่วนที่ปลูกไม่ติด ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ทำการปลูกครั้งละ 2500-3000กราฟเท่านั้น
จนมาถึงวันที่นัดปลูกจริง ทางคลินิคให้ให้สระผมมาก่อนและงดดื่มชากาแฟเพราะคุณหมอจะต้องให้กินยาเพื่อให้ง่วงหลับจะได้ไม่มีการขยับตัวมากระหว่างการเจาะและปลูกกราฟผม และคนไข้ต้องตัดผมด้านหลังให้เกรียนเหมือนทรงผมทหารเกณฑ์ ซึ่งการปลูกผมนี้ใช้ทีมคุณหมอ 3 คนทำสลับต่อเนื่องกัน ไม่รวมกับทีมสต๊าฟพยาบาลตามปกติ การเตรียมตัวก่อนปลูกผมนี้นอกจากการเจาะเลือดไปตรวจ ตัดผม แล้วให้กินยาง่วงให้สงบ ก็จะทำแค่นั่งรอผลตรวจเลือดและรอให้ยาออกฤทธิ์ ประมาณชั่วโมงกว่าๆ แล้วคุณหมอก็เข้ามาฉีดยาชาที่หนังศรีษะทั้งด้านท้ายทอยและด้านหน้าที่จะปลูก มีอาการเจ็บนิดหน่อยแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั้น พอยาชาออกฤทธิ์ก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไรในตอนเจาะและตอนปลูก ใช้เวลาปลูกจริงประมาณ 3 ชม.เท่านั้น ไม่รวมเวลาที่เตรียมตัวและรอยาออกฤทธิ์อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็เสร็จมารู้สึกตัวก็คือจนท.พยาบาลปลุกให้ตื่น แล้วมาอธิบายวิธีการดูแลรักษาแผลผ่าตัดปลูกผมในวันแรก ให้ยาแก้อักเสบแก้ปวดไปกิน แล้วก็แต่งตัวเดินทางกลับไปพักฟื้นที่บ้าน
วันปลูกผมเสร็จวันแรกวันเดียวนี่แหละที่ใช้ชีวิตยากลำบากที่สุด คือต้องคอยระวังไม่ให้ศรึษะโดนลมน้ำฝุ่นและไม่ให้โดนกระแทกไม่ให้ก้มหน้า เวลานอนอย่าให้ไปกดทับบริเวณที่ปลูกผม ซึ่งวันแรกแผลที่เพิ่งเจาะใหม่จะยังไม่ปิดสนิท จะมีเลือดไหลออกมาจากแผลได้ง่ายมาก และที่สำคัญคือหลังปลูกประมาณ 6 ชม. ยาชาจะเริ่มหมดฤทธิ์คราวนี้จะปวดแผลบริเวณที่ปลูกอย่างมากจากอาการจริง ต้องพึ่งยาแก้ปวดหลายๆเม็ดถึงจะบรรเทาการปวดและสามารถนอนหลับได้บ้าง
วันรุ่งขึ้นทางคลีนิคนัดให้ไปล้างแผล วันที่สองนี้แผลก็ยังไม่ปิดสนิทดี ยังมีเลือดไหลออกมาจากบางจุดต้องคอยเอาสำลีมากดให้เลือดหยุด และจะมีกราฟผมที่ปลูกบางจุดหลุดออกมาบ้าง 1-2 กราฟ เมื่อไปที่คลีนิคทำการล้างแผลด้วยเครื่องมือพิเศษที่ไม่มีการสัมผัสหนังศรีษะเลย แต่ทำให้รู้สึกว่าหนังศรีษะสะอาดขึ้นมาก แล้วจนท.พยาบาลก็ใช้ผ้าปิดแผลด้านหลังแต่ใช้ผ้าที่บางลง ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติแต่งดออกแรงหนักที่ทำให้เหงื่อออก และอาการปวดแผลก็ไม่มีแล้ว ทำให้นอนหลับได้สนิทกว่าวันแรก
วันต่อมาก็ไปล้างแผลที่คลีนิคครั้งที่สอง ครั้งนี้จนท.พยาบาลจะถอดผ้าพันแผลออกไปได้เลยไม่ต้องใส่อีกแล้ว แผลแห้งสนิททุกตำแหน่ง แต่ยังต้องคอยระวังไม่ให้แผลโดนฝุ่นลมและเหงื่อ ยังไม่สามารถออกกำลังกายได้ ไม่สามารถใส่หมวกได้ ไม่ควรก้มหน้านานๆเพราะจะรู้สึกหนักหัว และใต้ผิวหนังศรีษะจากด้านบนจะมีของเหลวค่อยๆเคลื่อนย้ายตำแหน่งที่บวมลงมา เพราะไม่มีผ้าพันแผลคาดไว้ที่ศรีษะอีกแล้วแต่ไม่มีอาการเจ็บปวดแผลใดๆ แล้วให้ยาวิตามินบำรุงรากผมมากินและโลชั่นบำรุงหนังศรีษะมาทา แล้วนัดมาให้คุณหมอตรวจติดตามผลในอีกประมาณ 1 เดือน
วันที่สี่ห้าขึ้นไป แผลปลูกผมจะเริ่มแห้งสนิทและตกสะเก็ด ตอนนี้แหละที่จะทำให้เริ่มคันแผล ทางคลีนิคจะให้สระผมด้วยแชมพูอ่อนๆทุกวันเพื่อให้สะเก็ดนิ่มหลุดออกจากแผลโดยห้ามถูหรือแกะที่ผิวหนังโดยตรงอาการคันนี้สามารถบรรเทาได้โดยการใช้น้ำมันเบบี้ออยทาให้ผิวหนังศรึษะชุ่มชื้นจะลดอาการคันได้และทำให้สะเก็ดแผลอ่อนตัวและหลุดออกมาเองเรื่อยๆลักษณะเป็นเม็ดสีดำเล็กๆจำนวนมาก ถ้าสะเก็ดที่หลุดออกมานี้ไม่มีรากผมหรือผมท่อนสั้นๆหลุดติดออกมาด้วยก็ไม่น่ากังวลแต่อย่างใด ช่วงนี้อาจจะมีกราฟผมที่ปลูกไม่ติดหลุดออกมาเองบ้างประมาณ 3-4 กราฟ ถ้าไม่มากก็ไม่น่าเป็นห่วง
ประมาณ 1 เดือนครบกำหนดตรวจติดตามผล ก็ไปพบคุณหมอตรวจสภาพหลังการปลูก คุณหมอให้ทำการบำรุงรากผมเพิ่มโดยใช้วิธีฉีดเกล็ดเลือดไปที่หนังศรีษะ เจ็บตัวเพิ่มอีกนิดหน่อย ช่วงนี้ผมที่ปลูกจะเริ่มยาวขึ้นมาประมาณ 1 เซ็น เป็นผมเส้นเล็กๆบางๆแต่ละจุดยาวไม่เท่ากัน ด้วยความรำคาญผมเลยตัดให้เกลี้ยงติดหนังศรีษะไปเลย ซึ่งกลับกลายเป็นผลดี เพราะเส้นผมก็จะงอกออกมาใหม่คราวนี้กลายเป็นเส้นหนาแข็งแรงกว่าเดิมมาก และยาวต่อเนื่องไปตลอดจนกลายเป็นผมยาวจัดทรงได้เลยในเวลา 1-2 เดือนต่อมา โดยที่ไม่เคยเจออาการ shock lost ที่มีผมร่วงเป็นหย่อมๆก่อนแต่อย่างใด อย่างที่แจ้งไว้ตอนแรกว่าผลลัพท์ที่เกิดขึ้นอาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละคน เส้นผมที่ปลูกใหม่ของผมยาวแข็งแรงตั้งแต่เดือนที่สองเป็นต้นมาจนถึงทุกวันนี้ อาจเป็นเพราะกราฟผมด้านหลังมีความแข็งแรงอยู่มาก เมื่อย้ายมาปลูกใหม่จึงมีผลสูญเสียน้อยมาก แทบไ่ม่มีอาการผมร่วงตำแหน่งปลูกใหม่เลยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แต่ว่าก็ควรมีการดูแลบำรุงหนังศรีษะและรากผมด้วยยากินและยาทาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเทียบผลที่ได้กับค่าใช้จ่าย,เวลาที่เสียไปและอาการเจ็บในระยะเวลาสั้นๆแล้ว ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เพราะมันเป็นการลงทุนเพื่อเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยนบุคลิกและสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันขึ้นมหาศาล การปลูกผมถือเป็นทางออกสุดทัายในการแก้ไขปัญหาปมในใจให้กับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางหัวล้านได้เป็นอย่างดีครับ