มีโอกาสนั่งดูละครไทยพีบีเอส 2 เรื่อง คือ "บุญผ่อง" และ "ครูมะ ห้อง ป 3 ก" ละครมีคุณภาพมาก ทั้งบท เครื่องแต่งกาย ฉาก เนื้อหาสาระ ฝีมือการแสดงหากใครสนใจละครที่ไม่เน้นชิงรักหักสวาท นี่คือ ละครสะท้อนสังคมที่ควรมีโอกาสรับชม ที่สำคัญ คือ สนุกได้ “ enjoyable” เต็มไปด้วยความลงตัว เป็นมืออาชีพ และชั้นเชิงทางศิลปะ
เสียดายที่ไทยพีบีเอส ไม่ให้ความสำคัญกับการตลาด ซึ่งไม่ใช่การทุ่มทุนโฆษณา แต่การตลาดที่ตรงจุด ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น อธิบายถึงเบื้องหลังการทำละคร การเลือกนักแสดง การทำวิจัยข้อมูลก่อนเขียนบท และการเลือกเวลาออกอากาศ ที่นำไปส่งบรรยากาศอภิปราย ถกเถียง เช่น ช่วงเวลา 19.00-20.00 น หรือ 22.00-23.00 น
แม้ละครจะดีมาก เราสืบหาชื่อผู้กำกับ และผู้เขียนบทออนไลน์ นักแสดงประกอบ ตามเช็คดูเบื้องหลังการถ่ายทำ แทบจะไม่มีข้อมูลในโลกออนไลน์ จึงสรุปได้ว่า ละครที่ไม่มีชื่อเสียง แต่มีคุณภาพ มีอยู่จริง
เข้าใจว่าศิลปินบางคน ทำงาน ไม่ต้องการชื่อเสียง พวกเขาถ่อมตน และมีความสุขกับงานที่สร้างเอาไว้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่นักการตลาดของช่องจะนิ่งนอนใจ การที่งานดีๆ ไปไม่ถึงคนหมู่มาก ละครก็ขาดโอกาส ที่จะยกระดับปัญญาความคิดของสังคม ดังนั้น อย่าเพิ่งภูมิใจ ที่ละครไม่ดัง แต่เป็นละครน้ำดี ละครคือ การให้การศึกษาแก่สังคมในรูปแบบความบันเทิง ปรับดุลย์จริยธรรมและพัฒนาคนดูให้เข้าใจชีวิต ความคิดของคนที่เห็นต่าง และตรวจสอบความเป็นไปในสังคม
ควรจัดหาทีมพากษ์ภาษาอังกฤษ แล้วฉายในพลาตฟอร์มต่างๆ เป็นรายได้ของช่อง ในประเทศเดียว คนที่ชอบละครประเภทไม่เน้นอารมณ์ อาจมีไม่มากแต่ถ้ารวมกันหลายประเทศ จะได้คนดูกลุ่มนี้ที่มากขึ้น .... เผลอๆได้รางวัลสร้างสรรค์ระดับนานาชาติเลยทีเดียว
ละคร ThaiPBS ชื่อเสียงยังน้อยกว่าคุณภาพ
เสียดายที่ไทยพีบีเอส ไม่ให้ความสำคัญกับการตลาด ซึ่งไม่ใช่การทุ่มทุนโฆษณา แต่การตลาดที่ตรงจุด ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น อธิบายถึงเบื้องหลังการทำละคร การเลือกนักแสดง การทำวิจัยข้อมูลก่อนเขียนบท และการเลือกเวลาออกอากาศ ที่นำไปส่งบรรยากาศอภิปราย ถกเถียง เช่น ช่วงเวลา 19.00-20.00 น หรือ 22.00-23.00 น
แม้ละครจะดีมาก เราสืบหาชื่อผู้กำกับ และผู้เขียนบทออนไลน์ นักแสดงประกอบ ตามเช็คดูเบื้องหลังการถ่ายทำ แทบจะไม่มีข้อมูลในโลกออนไลน์ จึงสรุปได้ว่า ละครที่ไม่มีชื่อเสียง แต่มีคุณภาพ มีอยู่จริง
เข้าใจว่าศิลปินบางคน ทำงาน ไม่ต้องการชื่อเสียง พวกเขาถ่อมตน และมีความสุขกับงานที่สร้างเอาไว้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่นักการตลาดของช่องจะนิ่งนอนใจ การที่งานดีๆ ไปไม่ถึงคนหมู่มาก ละครก็ขาดโอกาส ที่จะยกระดับปัญญาความคิดของสังคม ดังนั้น อย่าเพิ่งภูมิใจ ที่ละครไม่ดัง แต่เป็นละครน้ำดี ละครคือ การให้การศึกษาแก่สังคมในรูปแบบความบันเทิง ปรับดุลย์จริยธรรมและพัฒนาคนดูให้เข้าใจชีวิต ความคิดของคนที่เห็นต่าง และตรวจสอบความเป็นไปในสังคม
ควรจัดหาทีมพากษ์ภาษาอังกฤษ แล้วฉายในพลาตฟอร์มต่างๆ เป็นรายได้ของช่อง ในประเทศเดียว คนที่ชอบละครประเภทไม่เน้นอารมณ์ อาจมีไม่มากแต่ถ้ารวมกันหลายประเทศ จะได้คนดูกลุ่มนี้ที่มากขึ้น .... เผลอๆได้รางวัลสร้างสรรค์ระดับนานาชาติเลยทีเดียว