🙏🏻ผมต้องขออนุญาติ งดดราม่าทั้งสิ้น 🙏🏻
⭐️ผมอยากมาแบ่งปันประสบการชีวิตที่รู้สึกว่าเส้นทางนี้มันโดดเดี่ยวและเหงาอย่างมาก
ผมจะเล่าเรื่องราวของจุดเริ่มต้นของการที่ทำให้ผมต้องแตกต่างจากวัยรุ่นทั่วไปอย่างมาก
ผมสูญเสียพ่อของผมไปในวัยเด็กที่อายุเพียง 1 ขวบ 6 เดือน หลายครั้งมีคนชอบพูดถึงพ่อของผมว่าเป็นคนดี มีน้ำใจ ขยันและฉลาด เนื่องจากพ่อของผมเป็นสัสดีของอำเภอ และมียศ พันตรี แต่มันก็ไม่เรื่องที่จะต้องมาดีใจเนื่องจากท่านเสียไปแล้ว
ทำให้ชีวิตของผมกับแม่นั้นต้องมาลำบากอย่างมากเมื่อมีการสูญเสียเสาหลักของครอบครัว แม่เป็นคนที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่ยังเด็กด้วยการดิ้นรนอย่างมาก ผมรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองนั้นคือ ผมต้องการทำให้แม่ผมสบาย ไม่ต้องมาอยู่อย่างลำบากเหมือนทุกวันนี้ ผมจึงได้ตัดสินใจเล่นกีฬาจนสามารถสอบเข้าโรงเรียนกีฬาแห่งหนึ่ง
จุดที่แย่คือ ผมไม่ได้โดดเด่ดในด้านกีฬามากเมื่อเข้าไป ชีวิตที่อยู่ในนั้นผมรู้สึกแย่มากในช่วง ม.1-4
🤕ต้องอธิบายก่อนว่าระบบของโรงเรียนที่ผมอยู่เป็นโรงเรียนกินนอน ซึ่งกิจวัตประจำวันส่วนมากก็จะเหมือนเดิมซะส่วนใหญ่
- 05.30 น. ตื่นมาวิ่งเอากำลังเลิกประมาณ 07.00 น. และต้องกลับไปอาบน้ำมากินเข้าและเข้าแถวก่อน 08.30 น.
- 09.00 น. เรียนหนังสือและเลิกเรียนกลับหอ 15.00 น. มีเวลาพักผ่อนประมาณครึ่งชั่วโมงเพราะต้องแต่งตัวเตรียมไปซ้อม
- 16.00 น. ซ้อมกีฬาของตัวเอง
- 19.00 น. เลิกซ้อมกับหออาบน้ำ กินข้าว เล่นโทรศัพท์ คุยกับเพื่อนหรือแฟน
- 21.45 น. เก็บโทรศัพท์(โทรศัพท์จะได้อีกทีหลังซ้อมเช้า)
- 22.00 น. สวดมนต์ นั่งสมาธิเข้านอน
😩ชีวิตวนลูปอยู่อย่างนี้ทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนซึ่งบางคนก็จะออกไปเที่ยวห้าง ดูหนัง หรือพวกที่ขยันก็ซ้อมกีฬากันเอง
ชีวิตในโรงเรียนกีฬาไม่ได้อย่างที่คิด ผมคิดว่ามันอยู่ที่วิธีการมองโลกของแต่ละคนด้วย
ผมไม่รู้ว่าสมัยนี้มีอยู่รึป่าวแต่สมัยตอนผมเข้าไปใหม่ๆ ทั้งโดนใช้ โดนแกล้งสารพัด ซึ่งถ้ามองในอีกมุมนึงมันก็ช่วยทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ถึงแม้ผมตอน ม.1 จะร้องไห้ทุกวันเลยก็ตาม5555
🤫ช่วง ม.2-4 นั้นผมยังคงโดนกลั่นแกล้งอยู่แต่เริ่มน้อยลงตามลำดับชั้น แต่จนเปลี่ยนก็คือช่วงที่ผมอายุ 16 ปี ในช่วงโควิดละบาด
โรงเรียนมีการปล่อยให้นักเรียนกลับบ้าน1 เดือนเนื่องจากมีนักเรียนติดโควิดแต่ผมไม่ได้กลับบ้านแต่ผมก็มีเหตุผลพอสมควรเนื่องจากหมู่บ้านของผมนั้นถ้ามีการกลับไปต้องกักตัว 14 วัน และเมื่อหายก็ต้องอยู่ในบ้านอีก 7 วัน ซึ่งผมจะได้อยู่บ้าน 9 วันแล้วกลับโรงเรียนและเนื่องจากรถโดยสารหยุดให้บริการทำให้ผมไม่สามารถกลับบ้านได้ ผมจึงโกหกแม่ไปว่าเขาบอกว่าอยู่โรงเรียนได้และเขามีข่าวกล่องให้สำหรับคนที่ไม่ได้กลับบ้าน แต่ในความเป็นจริงผมไปบ้านรุ่นพี่คนหนึ่งในกีฬาเดียวกันเนื่องจากไม่มีไอ้ข้าวกล่องแจกอย่างที่ผมได้โกหกแม่ไปและโรงเรียนก็ให้กลลับบ้านเนื่องจากจะมีการทำความสะอาดที่พักทั้งหมด คนที่ไม่สามารถกลับบ้านได้ก็จะไปอยู่บ้านของเพื่อนหรือพวกคนรู้จักในกีฬาเดียวกัน (ถ้าการโกหกของผมทำให้แม่สบายใจผมก็ยินดีนะ)
😭อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ผมอาศัยอยู่บ้านรุ่นพี่คนนั้นพร้อมกับรุ่นพี่ที่อีกคน ผมขอไปขอเงินแม่เนื่องจากเงินหมด แม่ตอบผมมาว่า แม่ก็ไม่ได้เปิดร้านเลยแม่ไม่มีเงินเลยเหมือนกัน (แม่ผมเปิดร้านเสริมสวย) ผมวางสายพร้อมกับรู้สึกไม่พอใจ(ผมดูเป็นลูกที่แย่คุณว่ามั้ย)
ไม่เกิน2ชั่วโมงเงินเข้าบัญชีผม พร้อมกับแม่ของผมที่โทรเข้ามาพร้อมบอกว่า แม่โอนไปแล้ว 500 เข้ามั้ยลูก ผมตอบแม่ว่า เข้าแล้วครับแม่ขอบคุณครับ
แต่บอกตามตรงผมไม่ได้ดีใจอะไรเลย ผมไม่ได้ถามแม่ว่าเอาเงินมาจากไหนเนื่องจากผมรู้ดีว่าแม่ต้องไปยืมคนอื่นมาแน่นอน นั้นคือจุดที่ผมเจ็บปวดที่สุดแต่มันไม่ใช่ความผิดของพ่อผมที่เสียไปหรอก มันเป็นความผิดของผมที่ทำให้ชีวิตมันเป็นแบบนี้ ผมหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำเงียบๆคนเดียว ผมบอกกลับตัวเองว่า ผมจะต้องทำให้ชีวิตดีขึ้นและผมจะจดจำความเจ็บปวดนั้นเพื่อผลักดันผม ผมกลับมาจากการร้องไห้พร้อมกับการพิมพ์ไปบน Google ว่า วิธีหาเงินออนไลน์ ในนั้นผมเจอเว็บพนันหรือการหลอกลวงมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ถูกใจผมมากคือการเทรด ผมเข้าไปพิมพ์ใน Google อีกครั้งว่า เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ผมพบว่ามีคนที่ประสบความสำเร็จในการเทรดจึงได้มุ่งมั่นว่าผมจะต้องเอาตัวเองไปอยู่ในคนที่ประสบความสำเร็จให้ได้เพื่อที่ผมและแม่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
😒ผ่านไป 1 เดือน โรงเรียนประกาศหยุดอีก 2 เดือนหรือจนกว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น ผมจำเป็นต้องกลับบ้านเนื่องจากเกรงใจครอบครัวของรุ่นพี่ที่ผมอาศัยอยู่และระยะเวลาก็นานมากในการปิดครั้งนี้ แม่โอนเงินมาให้ผมอีก500บาท เพื่อกลับบ้าน ผมต้องค้นหารถใน Facebook เพื่อที่จะกลับบ้านเพราะรถประจำที่ขนส่งไม่ได้ให้บริการแล้ว เมื่อผมกลับมาถึงบ้านก็ต้องเข้าที่เขตกักตัวของหมู่บ้านทันทีแต่โชคดีที่เมื่อตอนที่ผมมามีการตรวจไม่เป็นผมจึงได้กักตัวอีกเพียง 7 วันและตรวจใหม่อีกครั้งเมื่อไม่มีการติดเชื้อโควิดจึงได้กลับบ้านและหมู่บ้านของผมไม่มีคนเป็นโควิดเลยจึงทำให้ยังมีการเล่นกีฬาตามสถานที่โรงเรียนได้ตามปกติ
โรงเรียนประกาศอีกทีว่าจะมีการหยุดยาวไปจนถึงปืดภาคเรียนที่2 ซึ่งตอนนั้นทั้งเรียนออนไลน์และสอบออนไลน์ ซึ่งมันเป็นโอกาสดีเลยทีเดียวที่ผมจะใช้โอกาสนี้ในการศึกษาการเทรด ผมในตอนนั้นศึกษาหนักมากทั้งทางออนไลน์และซื้อหนังสือมาอ่านและในตอนนั้นคนที่มีความรู้ในเรื่องการเทรดที่สอนของประเทศไทยนั้นน้อยมากเรียกได้ว่าไม่มีเลยในคนที่เทรด Forex ทำให้ผมต้องใช้การแปลซับอัตโนมัติของ YouTube ในการศึกษาการเทรดของต่างประเทศเนื่องจากมีการสอนที่มากกว่าของไทย และเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก
😵💫ผมเข้าไปเรียนอีกครั้งในวันเปิดเทอมในระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่5 ผมใช้เวลาในการศึกษาอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส ผมพยายามมากพอสมควรและคิดว่าพร้อมแล้ว ผมถึงขนาดโน้มน้าวอาจารย์ฝึกสอนเพื่อร่วมลงทุน(ผมยังอายุไม่ถึง18ปี)และผมก็ทำเจ๊งไม่เป็นท่าโดนผมใช้เวลาในการเทรดไปถึง2เดือนและทำลายเงินในพอร์ตการเทรด แต่มันก็ยังไม่จบแค่นั้น ผมรอจนผมอายุครบ18ปี ในวันเกิดของผมนั้นผมฝากเงินที่ผมสะสมไว้เพื่อลงทุน 700 บาทลงในการเทรด ผมจำเหตุการในครั้งนั้นได้ดี การเทรด12ครั้งโดนจุดหยุดขาดทุนทั้งหมด แต่ผมกลับรู้สึกว่านี่แหละเพราะมันยากถึงไม่ค่อยมีใครสำเร็จถ้ามันง่ายทุกคนที่เทรดครั้งรวยไปแล้วเพราะจากสถิติมีน้อยกว่า 5%ที่สามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
หลังจากนั้นผ่านไปผมก็ได้ลองผิดลองถูกทั้งการเทรดโบนัสหรือการทดลองบัญชี Demo การทดสอบกราฟย้อนหลังสารพัดวิธีในการศึกษาและเรียนรู้ในการเทรดจนเข้าสู่มัธยมศึกษาปีที่6 ผมเครียดพอสมควรเนื่องจากการเทรดก็ยังไม่สำเร็จในการพยายามถึง 2 ปีและจะต้องมองหาการเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตอีก(กดดันพอสมควร)
💸นี่คือเหตุการณ์สำคัญและเป็นประสบการที่ดีมากของผม:ในช่วงที่ผมได้ไปแข่งขันกีฬาที่จังหวัด พิจิตร ได้ไปซื้อขนมปังที่แม่บ้านของโรงเรียนที่พักนักกีฬาและสิ่งที่ผมชอบคือ ขนมปังร้านเขาขายถูกมากและอร่อยมากด้วย เขาขายเพียงคู่ละ 5 บาท(ถ้าซื้อ20บาทก็คือกินอิ่มแทนข้าวได้เลย) จนผมได้เกิดไอเดียขึ้นในตอนที่กลับมาจากการแข่งขันกีฬาได้ 2 สัปดาห์ ขณพะที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่แล้วรู้สึกอยากกินขนมปัง หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมเลื่อนดูเครื่องปื้งขนมปังและคิดดูเล่นๆว่าถ้าเอามาขายจะเป็นยังไงนะ ผมจึงได้มีการหาอุปกรณ์ในการทำทั้งนมข้น น้ำตาล เนยเทียม และอุปกรณ์พวกถุง ไม้เสียบลูกชิ้น ที่คลีบและปิ้งขนมปัง1เครื่อง งบประมาณทั้งหมดนั้นประมาณ500บาท(ผมพยายามหาของที่มันถูกที่สุด)เมื่อเงินในสัปดาห์แม่โอนมาให้ 500 บาทผมหักห้ามใจตัวเองยอมอดใจกินพวกอาหารแปรรูปและนำไปลงทุนในการซื้ออุปกรณ์และของที่ต้องใช้ในการทำขนมปัง
ในการขายขนมปังนั้นผมมีการทำการตลาดโดยที่ไม่รู้ตัวโดยที่ผมมองว่าถ้าขายคู่ละ 5 บาทน่าจะไม่คุ้ม ผมจึงขายคู่ละ 10 บาทแต่ถ้าซื้อ 2 คู่ 15 บาท ซึ่งผมต้องการขาย 2 คู่มากกว่าขายแบบคู่เดียวเพราะเมื่อผมบอกราคาคู่เดียวคนจะคิดว่าแพงและผมจะรีบบอกราคาว่า ถ้าซื้อ 2 คู่ 15 บาท เพราะผมได้มีการคำนวนมาหมดแล้ว ขนมปัง1แถวมี30แผ่น(ผมไม่ได้ซื้อขนมปังพวกฟาร์มเฮาร์นะเพราะมันเหมือนจะไม่คุ้ม) ขนมปัง1แถวราคา 27 บาท ผมจะขายวันละ 4 แถว และนมข้นถุงใหญ่ถุงละ 107 บาท สามารถใช้ได้2วันหรือกับขนมปัง 8 แถว ขนมปัง1แถวจะได้15คู่ ถ้า4แถวก็จะได้60คู่และถ้าขายชุดละ15บาทก็จะได้30ชุด ก็ตกวันละ450บาทคิดแบบ2วันและหักต้นทุนนั้นหมายความว่า ผมจะได้กำไรสุทธิ 577 บาทใน2วัน 👏
และผมโชคดีมากที่มีน้องคนนึงในกีฬาเดียวกันขึ้นมาหาผมถึงเตียงและบอกว่า "ผมขอขายขนมปังแทนพี่ได้มั้ยครับพอดีผมไม่อยากขอเงินแม่เพราะแม่ผมหาเงินเพียงคนเดียวเท่าไหร่ก็ได้ครับพี่" ผมในตอนนั้นก็รู้สึกว่าถ้าผมจะให้เงินน้องเขาในการขายให้ผมนั้นหมายความว่า ผมจะเสียรายได้ไปบางส่วนแต่เมื่อผมลองคิดไปคิดมาว่า การที่ผมขายขนมปังทำให้ไม่มีเวลาในการเทรดหรือศึกษาการเทรดเลยและน้องเขาก็บอกผมว่า "พี่ให้ผมทดลองงานก่อนสัก3วันก็ได้ผมยังไม่ต้องจ้างครับ" ผมจึงให้เขาทดลองงานแต่เพียงแค่2วันและผมให้เงินเขาในช่วงทดลองวันละ 30 บาท เพราะว่าน้องคนนี้ทำได้ดีมากจนผมต้องจ้างและการที่ได้มีเวลาในการศึกษาการเทรดมันร็สึกเหมือนอิสรภาพ หลังจากนั้นผมจ้างน้องเขาขั้นต่ำ 60-120บาท เพราะว่าน้องขยันถึงขนาดลดต้นทุนในการใช้นมลงจนสามารถใช้ได้กับขนมปัง9แถวต่อนม1ถุง และวันอาทิตย์น้องเขาจะซื้อขนมปังมา 6 แถวเพราะเป็นวันหยุดคนจะนอนดึกแต่เนื่องจากมีเครื่องปิ้งเครื่องเดียวจึงทำไม่ค่อยทันใจ ผมเลยซื้อเพื่อเป็นการลงทุนในธุรกิจขนมปังและเมื่อขายได้ผมจะให้น้องจดว่าคู่ที่เท่าไหร่และคนที่สั่งชื่ออะไรเพื่อให้น้องรู้ว่าใครสั่งและเพื่อไม่ให้รัดคิวกันด้วย กว่าที่ผมจะเริ่มมีไอเดียก็เหลือเวลาอีกเพียง3เดือนเองผมก็จะจบการศึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้และยอดขายโดยหักต้นทุนรวมถึงค่าจ้างของน้องอยู่ที่ 1หมื่น3พันกว่าบาทและน้องเข้าได้ค่าจ้างทั้งหมดประมาณ 7พันกว่าบาทใน3เดือนและผมก็ได้ยกอุปกรณ์ให้กับน้องๆไปทำขนมปังกินกันเพราะน้องที่ขายให้ผมก็จบ ม.3 และได้ย้ายโรงเรียน
แต่ระหว่างการทำธุรกิจขนมปังผมก็ได้หมดเงินไปทั้งกลับการสอบพอร์ตกองทุนและใช้กับการเที่ยวในวันอาทิตย์กับแฟนสาวซึ่งผมครบกับเธอได้ 7 เดือนก่อนที่ผมจะบอกเลิกกับเธอเพราะเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะทำและเธอมักเรียกร้องเวลาจากผมซึ่งผมตัดสินใจเลือกเป้าหมายมากกว่าเลือกเธอ
✍️ผมกลับมาอยู่บ้านอีกครั้งพร้อมกับเงินในบัญชีเพียง4พันพร้อมกับพอร์ตกองทุนที่กำลังสอบอยู่ $5,000 (และผมสอบตกในอีก2อาทิตย์หลังจากกลับมาอยู่บ้าน)เหลือเวลา2เดือนก่อนที่ผมจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก่อนเข้ามหาลัย1สัปดาห์แม่บอกผมว่าแม่ไม่มีเงินส่งเนื่องจากได้นำเงินมาทำบ้านและเงินเกินกว่างบที่ตั้งไว้เกือบเท่าตัวเพราะแม่ลืมคำนวนค่าจ้าง ผมโกรธแม่แต่ผมก็กลับมารู้สึกผิดอีกครั้ง ผมเครียดหนักมากถึงขนาดโทรไปยกเลิกการแข่งกีฬาแห่งชาติกับอาจารย์ ซึ่งเมื่อได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้อาจารย์สั่งท่านก็เข้าใจและบอกจะจ่ายค่าขอให้ผม(ผมขอบคุณในน้ำใจของอาจารย์มาก) ผมคิดไปคิดมาแม่คงต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาส่งผมเรียนอีกแน่นอนถ้าเรียนมหาลัย(พระเจ้าคงไม่อยากให้ผมเข้ามหาลัย)ผมจึงติดสินใจบอกแม่ว่า ผมจะไม่เรียนต่อ และแม่ก็ถามถึงเหตุผลของผม
ซึ่งผมถามแม่ว่า: "เราเรียนไปทำไมครับแม่"
แม่: "ก็จะได้มีงานทำดีๆ"
ผม: "มันคือ เงิน ครับแม่และพรุ่งนี้ผมจะออกไปหาเงิน"
🧠นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมได้ไปทำงานอยู่ที่โลตัส อยุธยาซึ่งกินเวลากว่า 7 เดือน ซึ่งในการเดินทางไปทำงานคนเดียวครั้งนี้เป็นเหตุการที่น่าตื่นเต้นมากแต่ผมไม่สามารถพิมพ์ได้เกิน 10,000 อักษร ซึ่งถ้ามีคนสนใจและชอบเรื่องราวของผมช่วยตอบกลับผมด้วย เดี๋ยวผมจะมาเล่าเรื่องราวของการทำงาน 7 เดือนและผมก็กลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง ซึ่งในเหตุการณ์ 7 เดือนนั้นทำให้ผมได้รู้ความลับของโลกใบนี้ที่ทำให้ผมตระหนักรู้ในตัวเองถึงความจริง ถ้ามีคนตอบกลับถึง 40 คน ผมจะมาเล่าเรื่องในการทำงานที่โลตัสให้ฟังนะครับ ขอบคุณที่อ่านจบนะครับ🙏🏻
ผมไม่รู้ว่ามีวัยรุ่นคนไหนเป็นแบบผมบ้างมั้ย เด็กอายุ19ปี ที่พัฒนาตัวเองอย่างหนัก ถ้ามีใครเคยเป็นแบบผมช่วยบอกหน่อยครับ
⭐️ผมอยากมาแบ่งปันประสบการชีวิตที่รู้สึกว่าเส้นทางนี้มันโดดเดี่ยวและเหงาอย่างมาก
ผมจะเล่าเรื่องราวของจุดเริ่มต้นของการที่ทำให้ผมต้องแตกต่างจากวัยรุ่นทั่วไปอย่างมาก
ผมสูญเสียพ่อของผมไปในวัยเด็กที่อายุเพียง 1 ขวบ 6 เดือน หลายครั้งมีคนชอบพูดถึงพ่อของผมว่าเป็นคนดี มีน้ำใจ ขยันและฉลาด เนื่องจากพ่อของผมเป็นสัสดีของอำเภอ และมียศ พันตรี แต่มันก็ไม่เรื่องที่จะต้องมาดีใจเนื่องจากท่านเสียไปแล้ว
ทำให้ชีวิตของผมกับแม่นั้นต้องมาลำบากอย่างมากเมื่อมีการสูญเสียเสาหลักของครอบครัว แม่เป็นคนที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่ยังเด็กด้วยการดิ้นรนอย่างมาก ผมรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองนั้นคือ ผมต้องการทำให้แม่ผมสบาย ไม่ต้องมาอยู่อย่างลำบากเหมือนทุกวันนี้ ผมจึงได้ตัดสินใจเล่นกีฬาจนสามารถสอบเข้าโรงเรียนกีฬาแห่งหนึ่ง
จุดที่แย่คือ ผมไม่ได้โดดเด่ดในด้านกีฬามากเมื่อเข้าไป ชีวิตที่อยู่ในนั้นผมรู้สึกแย่มากในช่วง ม.1-4
🤕ต้องอธิบายก่อนว่าระบบของโรงเรียนที่ผมอยู่เป็นโรงเรียนกินนอน ซึ่งกิจวัตประจำวันส่วนมากก็จะเหมือนเดิมซะส่วนใหญ่
- 05.30 น. ตื่นมาวิ่งเอากำลังเลิกประมาณ 07.00 น. และต้องกลับไปอาบน้ำมากินเข้าและเข้าแถวก่อน 08.30 น.
- 09.00 น. เรียนหนังสือและเลิกเรียนกลับหอ 15.00 น. มีเวลาพักผ่อนประมาณครึ่งชั่วโมงเพราะต้องแต่งตัวเตรียมไปซ้อม
- 16.00 น. ซ้อมกีฬาของตัวเอง
- 19.00 น. เลิกซ้อมกับหออาบน้ำ กินข้าว เล่นโทรศัพท์ คุยกับเพื่อนหรือแฟน
- 21.45 น. เก็บโทรศัพท์(โทรศัพท์จะได้อีกทีหลังซ้อมเช้า)
- 22.00 น. สวดมนต์ นั่งสมาธิเข้านอน
😩ชีวิตวนลูปอยู่อย่างนี้ทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนซึ่งบางคนก็จะออกไปเที่ยวห้าง ดูหนัง หรือพวกที่ขยันก็ซ้อมกีฬากันเอง
ชีวิตในโรงเรียนกีฬาไม่ได้อย่างที่คิด ผมคิดว่ามันอยู่ที่วิธีการมองโลกของแต่ละคนด้วย
ผมไม่รู้ว่าสมัยนี้มีอยู่รึป่าวแต่สมัยตอนผมเข้าไปใหม่ๆ ทั้งโดนใช้ โดนแกล้งสารพัด ซึ่งถ้ามองในอีกมุมนึงมันก็ช่วยทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ถึงแม้ผมตอน ม.1 จะร้องไห้ทุกวันเลยก็ตาม5555
🤫ช่วง ม.2-4 นั้นผมยังคงโดนกลั่นแกล้งอยู่แต่เริ่มน้อยลงตามลำดับชั้น แต่จนเปลี่ยนก็คือช่วงที่ผมอายุ 16 ปี ในช่วงโควิดละบาด
โรงเรียนมีการปล่อยให้นักเรียนกลับบ้าน1 เดือนเนื่องจากมีนักเรียนติดโควิดแต่ผมไม่ได้กลับบ้านแต่ผมก็มีเหตุผลพอสมควรเนื่องจากหมู่บ้านของผมนั้นถ้ามีการกลับไปต้องกักตัว 14 วัน และเมื่อหายก็ต้องอยู่ในบ้านอีก 7 วัน ซึ่งผมจะได้อยู่บ้าน 9 วันแล้วกลับโรงเรียนและเนื่องจากรถโดยสารหยุดให้บริการทำให้ผมไม่สามารถกลับบ้านได้ ผมจึงโกหกแม่ไปว่าเขาบอกว่าอยู่โรงเรียนได้และเขามีข่าวกล่องให้สำหรับคนที่ไม่ได้กลับบ้าน แต่ในความเป็นจริงผมไปบ้านรุ่นพี่คนหนึ่งในกีฬาเดียวกันเนื่องจากไม่มีไอ้ข้าวกล่องแจกอย่างที่ผมได้โกหกแม่ไปและโรงเรียนก็ให้กลลับบ้านเนื่องจากจะมีการทำความสะอาดที่พักทั้งหมด คนที่ไม่สามารถกลับบ้านได้ก็จะไปอยู่บ้านของเพื่อนหรือพวกคนรู้จักในกีฬาเดียวกัน (ถ้าการโกหกของผมทำให้แม่สบายใจผมก็ยินดีนะ)
😭อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ผมอาศัยอยู่บ้านรุ่นพี่คนนั้นพร้อมกับรุ่นพี่ที่อีกคน ผมขอไปขอเงินแม่เนื่องจากเงินหมด แม่ตอบผมมาว่า แม่ก็ไม่ได้เปิดร้านเลยแม่ไม่มีเงินเลยเหมือนกัน (แม่ผมเปิดร้านเสริมสวย) ผมวางสายพร้อมกับรู้สึกไม่พอใจ(ผมดูเป็นลูกที่แย่คุณว่ามั้ย)
ไม่เกิน2ชั่วโมงเงินเข้าบัญชีผม พร้อมกับแม่ของผมที่โทรเข้ามาพร้อมบอกว่า แม่โอนไปแล้ว 500 เข้ามั้ยลูก ผมตอบแม่ว่า เข้าแล้วครับแม่ขอบคุณครับ
แต่บอกตามตรงผมไม่ได้ดีใจอะไรเลย ผมไม่ได้ถามแม่ว่าเอาเงินมาจากไหนเนื่องจากผมรู้ดีว่าแม่ต้องไปยืมคนอื่นมาแน่นอน นั้นคือจุดที่ผมเจ็บปวดที่สุดแต่มันไม่ใช่ความผิดของพ่อผมที่เสียไปหรอก มันเป็นความผิดของผมที่ทำให้ชีวิตมันเป็นแบบนี้ ผมหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำเงียบๆคนเดียว ผมบอกกลับตัวเองว่า ผมจะต้องทำให้ชีวิตดีขึ้นและผมจะจดจำความเจ็บปวดนั้นเพื่อผลักดันผม ผมกลับมาจากการร้องไห้พร้อมกับการพิมพ์ไปบน Google ว่า วิธีหาเงินออนไลน์ ในนั้นผมเจอเว็บพนันหรือการหลอกลวงมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ถูกใจผมมากคือการเทรด ผมเข้าไปพิมพ์ใน Google อีกครั้งว่า เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ผมพบว่ามีคนที่ประสบความสำเร็จในการเทรดจึงได้มุ่งมั่นว่าผมจะต้องเอาตัวเองไปอยู่ในคนที่ประสบความสำเร็จให้ได้เพื่อที่ผมและแม่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
😒ผ่านไป 1 เดือน โรงเรียนประกาศหยุดอีก 2 เดือนหรือจนกว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น ผมจำเป็นต้องกลับบ้านเนื่องจากเกรงใจครอบครัวของรุ่นพี่ที่ผมอาศัยอยู่และระยะเวลาก็นานมากในการปิดครั้งนี้ แม่โอนเงินมาให้ผมอีก500บาท เพื่อกลับบ้าน ผมต้องค้นหารถใน Facebook เพื่อที่จะกลับบ้านเพราะรถประจำที่ขนส่งไม่ได้ให้บริการแล้ว เมื่อผมกลับมาถึงบ้านก็ต้องเข้าที่เขตกักตัวของหมู่บ้านทันทีแต่โชคดีที่เมื่อตอนที่ผมมามีการตรวจไม่เป็นผมจึงได้กักตัวอีกเพียง 7 วันและตรวจใหม่อีกครั้งเมื่อไม่มีการติดเชื้อโควิดจึงได้กลับบ้านและหมู่บ้านของผมไม่มีคนเป็นโควิดเลยจึงทำให้ยังมีการเล่นกีฬาตามสถานที่โรงเรียนได้ตามปกติ
โรงเรียนประกาศอีกทีว่าจะมีการหยุดยาวไปจนถึงปืดภาคเรียนที่2 ซึ่งตอนนั้นทั้งเรียนออนไลน์และสอบออนไลน์ ซึ่งมันเป็นโอกาสดีเลยทีเดียวที่ผมจะใช้โอกาสนี้ในการศึกษาการเทรด ผมในตอนนั้นศึกษาหนักมากทั้งทางออนไลน์และซื้อหนังสือมาอ่านและในตอนนั้นคนที่มีความรู้ในเรื่องการเทรดที่สอนของประเทศไทยนั้นน้อยมากเรียกได้ว่าไม่มีเลยในคนที่เทรด Forex ทำให้ผมต้องใช้การแปลซับอัตโนมัติของ YouTube ในการศึกษาการเทรดของต่างประเทศเนื่องจากมีการสอนที่มากกว่าของไทย และเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก
😵💫ผมเข้าไปเรียนอีกครั้งในวันเปิดเทอมในระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่5 ผมใช้เวลาในการศึกษาอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส ผมพยายามมากพอสมควรและคิดว่าพร้อมแล้ว ผมถึงขนาดโน้มน้าวอาจารย์ฝึกสอนเพื่อร่วมลงทุน(ผมยังอายุไม่ถึง18ปี)และผมก็ทำเจ๊งไม่เป็นท่าโดนผมใช้เวลาในการเทรดไปถึง2เดือนและทำลายเงินในพอร์ตการเทรด แต่มันก็ยังไม่จบแค่นั้น ผมรอจนผมอายุครบ18ปี ในวันเกิดของผมนั้นผมฝากเงินที่ผมสะสมไว้เพื่อลงทุน 700 บาทลงในการเทรด ผมจำเหตุการในครั้งนั้นได้ดี การเทรด12ครั้งโดนจุดหยุดขาดทุนทั้งหมด แต่ผมกลับรู้สึกว่านี่แหละเพราะมันยากถึงไม่ค่อยมีใครสำเร็จถ้ามันง่ายทุกคนที่เทรดครั้งรวยไปแล้วเพราะจากสถิติมีน้อยกว่า 5%ที่สามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
หลังจากนั้นผ่านไปผมก็ได้ลองผิดลองถูกทั้งการเทรดโบนัสหรือการทดลองบัญชี Demo การทดสอบกราฟย้อนหลังสารพัดวิธีในการศึกษาและเรียนรู้ในการเทรดจนเข้าสู่มัธยมศึกษาปีที่6 ผมเครียดพอสมควรเนื่องจากการเทรดก็ยังไม่สำเร็จในการพยายามถึง 2 ปีและจะต้องมองหาการเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตอีก(กดดันพอสมควร)
💸นี่คือเหตุการณ์สำคัญและเป็นประสบการที่ดีมากของผม:ในช่วงที่ผมได้ไปแข่งขันกีฬาที่จังหวัด พิจิตร ได้ไปซื้อขนมปังที่แม่บ้านของโรงเรียนที่พักนักกีฬาและสิ่งที่ผมชอบคือ ขนมปังร้านเขาขายถูกมากและอร่อยมากด้วย เขาขายเพียงคู่ละ 5 บาท(ถ้าซื้อ20บาทก็คือกินอิ่มแทนข้าวได้เลย) จนผมได้เกิดไอเดียขึ้นในตอนที่กลับมาจากการแข่งขันกีฬาได้ 2 สัปดาห์ ขณพะที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่แล้วรู้สึกอยากกินขนมปัง หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมเลื่อนดูเครื่องปื้งขนมปังและคิดดูเล่นๆว่าถ้าเอามาขายจะเป็นยังไงนะ ผมจึงได้มีการหาอุปกรณ์ในการทำทั้งนมข้น น้ำตาล เนยเทียม และอุปกรณ์พวกถุง ไม้เสียบลูกชิ้น ที่คลีบและปิ้งขนมปัง1เครื่อง งบประมาณทั้งหมดนั้นประมาณ500บาท(ผมพยายามหาของที่มันถูกที่สุด)เมื่อเงินในสัปดาห์แม่โอนมาให้ 500 บาทผมหักห้ามใจตัวเองยอมอดใจกินพวกอาหารแปรรูปและนำไปลงทุนในการซื้ออุปกรณ์และของที่ต้องใช้ในการทำขนมปัง
ในการขายขนมปังนั้นผมมีการทำการตลาดโดยที่ไม่รู้ตัวโดยที่ผมมองว่าถ้าขายคู่ละ 5 บาทน่าจะไม่คุ้ม ผมจึงขายคู่ละ 10 บาทแต่ถ้าซื้อ 2 คู่ 15 บาท ซึ่งผมต้องการขาย 2 คู่มากกว่าขายแบบคู่เดียวเพราะเมื่อผมบอกราคาคู่เดียวคนจะคิดว่าแพงและผมจะรีบบอกราคาว่า ถ้าซื้อ 2 คู่ 15 บาท เพราะผมได้มีการคำนวนมาหมดแล้ว ขนมปัง1แถวมี30แผ่น(ผมไม่ได้ซื้อขนมปังพวกฟาร์มเฮาร์นะเพราะมันเหมือนจะไม่คุ้ม) ขนมปัง1แถวราคา 27 บาท ผมจะขายวันละ 4 แถว และนมข้นถุงใหญ่ถุงละ 107 บาท สามารถใช้ได้2วันหรือกับขนมปัง 8 แถว ขนมปัง1แถวจะได้15คู่ ถ้า4แถวก็จะได้60คู่และถ้าขายชุดละ15บาทก็จะได้30ชุด ก็ตกวันละ450บาทคิดแบบ2วันและหักต้นทุนนั้นหมายความว่า ผมจะได้กำไรสุทธิ 577 บาทใน2วัน 👏
และผมโชคดีมากที่มีน้องคนนึงในกีฬาเดียวกันขึ้นมาหาผมถึงเตียงและบอกว่า "ผมขอขายขนมปังแทนพี่ได้มั้ยครับพอดีผมไม่อยากขอเงินแม่เพราะแม่ผมหาเงินเพียงคนเดียวเท่าไหร่ก็ได้ครับพี่" ผมในตอนนั้นก็รู้สึกว่าถ้าผมจะให้เงินน้องเขาในการขายให้ผมนั้นหมายความว่า ผมจะเสียรายได้ไปบางส่วนแต่เมื่อผมลองคิดไปคิดมาว่า การที่ผมขายขนมปังทำให้ไม่มีเวลาในการเทรดหรือศึกษาการเทรดเลยและน้องเขาก็บอกผมว่า "พี่ให้ผมทดลองงานก่อนสัก3วันก็ได้ผมยังไม่ต้องจ้างครับ" ผมจึงให้เขาทดลองงานแต่เพียงแค่2วันและผมให้เงินเขาในช่วงทดลองวันละ 30 บาท เพราะว่าน้องคนนี้ทำได้ดีมากจนผมต้องจ้างและการที่ได้มีเวลาในการศึกษาการเทรดมันร็สึกเหมือนอิสรภาพ หลังจากนั้นผมจ้างน้องเขาขั้นต่ำ 60-120บาท เพราะว่าน้องขยันถึงขนาดลดต้นทุนในการใช้นมลงจนสามารถใช้ได้กับขนมปัง9แถวต่อนม1ถุง และวันอาทิตย์น้องเขาจะซื้อขนมปังมา 6 แถวเพราะเป็นวันหยุดคนจะนอนดึกแต่เนื่องจากมีเครื่องปิ้งเครื่องเดียวจึงทำไม่ค่อยทันใจ ผมเลยซื้อเพื่อเป็นการลงทุนในธุรกิจขนมปังและเมื่อขายได้ผมจะให้น้องจดว่าคู่ที่เท่าไหร่และคนที่สั่งชื่ออะไรเพื่อให้น้องรู้ว่าใครสั่งและเพื่อไม่ให้รัดคิวกันด้วย กว่าที่ผมจะเริ่มมีไอเดียก็เหลือเวลาอีกเพียง3เดือนเองผมก็จะจบการศึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้และยอดขายโดยหักต้นทุนรวมถึงค่าจ้างของน้องอยู่ที่ 1หมื่น3พันกว่าบาทและน้องเข้าได้ค่าจ้างทั้งหมดประมาณ 7พันกว่าบาทใน3เดือนและผมก็ได้ยกอุปกรณ์ให้กับน้องๆไปทำขนมปังกินกันเพราะน้องที่ขายให้ผมก็จบ ม.3 และได้ย้ายโรงเรียน
แต่ระหว่างการทำธุรกิจขนมปังผมก็ได้หมดเงินไปทั้งกลับการสอบพอร์ตกองทุนและใช้กับการเที่ยวในวันอาทิตย์กับแฟนสาวซึ่งผมครบกับเธอได้ 7 เดือนก่อนที่ผมจะบอกเลิกกับเธอเพราะเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะทำและเธอมักเรียกร้องเวลาจากผมซึ่งผมตัดสินใจเลือกเป้าหมายมากกว่าเลือกเธอ
✍️ผมกลับมาอยู่บ้านอีกครั้งพร้อมกับเงินในบัญชีเพียง4พันพร้อมกับพอร์ตกองทุนที่กำลังสอบอยู่ $5,000 (และผมสอบตกในอีก2อาทิตย์หลังจากกลับมาอยู่บ้าน)เหลือเวลา2เดือนก่อนที่ผมจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก่อนเข้ามหาลัย1สัปดาห์แม่บอกผมว่าแม่ไม่มีเงินส่งเนื่องจากได้นำเงินมาทำบ้านและเงินเกินกว่างบที่ตั้งไว้เกือบเท่าตัวเพราะแม่ลืมคำนวนค่าจ้าง ผมโกรธแม่แต่ผมก็กลับมารู้สึกผิดอีกครั้ง ผมเครียดหนักมากถึงขนาดโทรไปยกเลิกการแข่งกีฬาแห่งชาติกับอาจารย์ ซึ่งเมื่อได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้อาจารย์สั่งท่านก็เข้าใจและบอกจะจ่ายค่าขอให้ผม(ผมขอบคุณในน้ำใจของอาจารย์มาก) ผมคิดไปคิดมาแม่คงต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาส่งผมเรียนอีกแน่นอนถ้าเรียนมหาลัย(พระเจ้าคงไม่อยากให้ผมเข้ามหาลัย)ผมจึงติดสินใจบอกแม่ว่า ผมจะไม่เรียนต่อ และแม่ก็ถามถึงเหตุผลของผม
ซึ่งผมถามแม่ว่า: "เราเรียนไปทำไมครับแม่"
แม่: "ก็จะได้มีงานทำดีๆ"
ผม: "มันคือ เงิน ครับแม่และพรุ่งนี้ผมจะออกไปหาเงิน"
🧠นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมได้ไปทำงานอยู่ที่โลตัส อยุธยาซึ่งกินเวลากว่า 7 เดือน ซึ่งในการเดินทางไปทำงานคนเดียวครั้งนี้เป็นเหตุการที่น่าตื่นเต้นมากแต่ผมไม่สามารถพิมพ์ได้เกิน 10,000 อักษร ซึ่งถ้ามีคนสนใจและชอบเรื่องราวของผมช่วยตอบกลับผมด้วย เดี๋ยวผมจะมาเล่าเรื่องราวของการทำงาน 7 เดือนและผมก็กลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง ซึ่งในเหตุการณ์ 7 เดือนนั้นทำให้ผมได้รู้ความลับของโลกใบนี้ที่ทำให้ผมตระหนักรู้ในตัวเองถึงความจริง ถ้ามีคนตอบกลับถึง 40 คน ผมจะมาเล่าเรื่องในการทำงานที่โลตัสให้ฟังนะครับ ขอบคุณที่อ่านจบนะครับ🙏🏻