เราต่างมีวิธีการสร้างคอนเทนแตกต่างกัน กลุ่มคน Introvert จะไม่ชอบออกหน้ากล้อง
ช่องทางของนักเขียนในปัจจุบัน ก็คือ สร้างบล็อกของตัวเอง เขียนอีบุ๊คขาย
หากใครที่ยังเลือกๆอยู่ ว่าช่องทางไหนเหมาะ มุมมองเหล่านี้ อาจช่วยตัดสินใจ
1. ไม่ต้องจ้างทีมงาน แม้เปอร์เซนต์รายได้นักเขียนจากโฆษณา จะอยู่ที่ 68% แต่นักเขียนไม่ต้องยุ่งเรื่อง SEO เท่ากับ ไม่ต้องจ้างคนมาช่วย ทีมงานของคุณคือ Pantip และ Google รายได้ส่วนนี้ ก็เป็นของสอง partners ที่ทำให้งานออนไลน์ของคุณสมบูรณ์ นักเขียนที่ไม่อยากเสียเวลาเรียนรู้ไอที ก็โฟกัสเรื่องงานเขียนได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาโปรโมทหรือทำการตลาด นอกจากนี้ หากสร้างบล็อก เพื่อให้บล็อกเข้าถึงคนดูได้มาก จะต้องจ่ายค่าบริการเว็ปไซต์ รายเดือน หรือ รายปี โดยใช้ฟรี 1 ปี และปีที่สอง ต้องจ่ายในอัตรา 600-1000 บาท/เดือน ซึ่งเป็นต้นทุนของนักเขียน
2. ไม่เสียเวลาจัดหน้าและทำเอกสารออนไลน์ขอตัวเลข ISBN แบบทำอีบุ๊ค กว่าจะออกขายได้ หมดเวลาไปเป็นเดือนกับเรื่องที่ไม่ใช่งานเขียน
3. เหมาะกับคนชอบเขียนแบบกระทัดรัด ณ อารมณ์ที่อยากแสดงออก ไม่ต้องทำงานยาว กระทู้สั้นๆ จบเป็นเรื่องๆไป ยิ่งประเด็นร่วมสมัย โพสต์ไป มีคนอ่านแน่นอน แต่บล็อกของคุณอาจจะต้องใช้เวลากว่าจะมีกลุ่มคนอ่าน และประเด็นที่เป็นกระแส ก็ไม่เหมาะเท่าลง Pantip
4. รองรับความหลากหลายทางความคิดและมุมมองในคนคนเดียว ถ้าคุณเขียนหนังสือหรืออีบุ๊คเกี่ยวกับการท่องเที่ยว คุณต้องสะกดตัวเองทุกวัน ให้เขียนหัวข้อนี้ไปจนจบ เพื่อให้บล็อกหรืออีบุ๊คเสร็จสมบูรณ์ อาจจะน่าเบื่ออยู่ แต่ Pantip มีห้องให้เลือกหลากหลาย วันนี้บันเทิง พรุ่งนี้ซ่อมบ้าน มะรืน ปัญหาหัวใจ
5. รู้ปฏิกริยาผู้อ่านได้ หากกำลังค้นหาตัวเอง พอเขียนเรื่อยๆ อาจพบว่า สังคมจัดให้เราอยู่ตรงไหน เราคิดว่า เราชำนาญเรื่องสัตว์เลี้ยง แต่สังคมชอบให้เราเขียนเรื่องกีฬา ดังนั้น เราสามารถที่จะปรับความตั้งใจให้สอดคล้องกับความจริง เหมือนเราเจียระนัยเพชร รุ่นที่เราตั้งใจที่สุดอาจขายไม่ดี แต่รุ่นที่เราทำผ่านๆ คนอาจชอบใจ การทำงานคือ ปรับจูลโลกภายในให้ลงตัวกับโลกภายนอก
ที่สำคัญ เราไม่รู้สึกว่า เราคิดถูก 100% มีคนเข้ามาคอมเม้นท์ แก้ไข แชร์ความคิด ทำให้กระทู้มีหลากมิติ ไม่ใช่เสียงของเราดังอยู่เสียงเดียว คอมเม้นท์ดีๆ ก็น่าอ่าน และทำให้งานเขียนทั้งกระทู้ประกอบด้วยนักเขียนหลายคน เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เป็นชีวิตการเขียนที่ไม่เหงา ได้ปฏิกริยาจากคนที่ชอบเรื่องเดียวกัน รวมทั้งได้อ่านของคนที่มองต่างมุม
การเขียนหนังสือ ทำให้อารมณ์ดีขึ้น อย่างน้อยก็ได้ระบายสิ่งที่เป็นคำถามในชีวิตออกไป และคนที่ตั้งใจฟังเสียงในใจคุณ อาจไม่ใช่คนที่อยู่รอบตัวในบ้านหรือที่ทำงานเดียวกัน แล้วคุณอาจจะกลับไปยิ้มกับคนที่คุณโกรธในสิ่งแวดล้อมจริง เมื่อคุณเขียนเสร็จ คนเราทำผิดได้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หากไม่สามารถหาทางออก จากความคิดเพียงลำพัง
5 เหตุผลที่เลือกเขียนใน Pantip แทนสร้างบล็อกและอีบุ๊ค
ช่องทางของนักเขียนในปัจจุบัน ก็คือ สร้างบล็อกของตัวเอง เขียนอีบุ๊คขาย
หากใครที่ยังเลือกๆอยู่ ว่าช่องทางไหนเหมาะ มุมมองเหล่านี้ อาจช่วยตัดสินใจ
1. ไม่ต้องจ้างทีมงาน แม้เปอร์เซนต์รายได้นักเขียนจากโฆษณา จะอยู่ที่ 68% แต่นักเขียนไม่ต้องยุ่งเรื่อง SEO เท่ากับ ไม่ต้องจ้างคนมาช่วย ทีมงานของคุณคือ Pantip และ Google รายได้ส่วนนี้ ก็เป็นของสอง partners ที่ทำให้งานออนไลน์ของคุณสมบูรณ์ นักเขียนที่ไม่อยากเสียเวลาเรียนรู้ไอที ก็โฟกัสเรื่องงานเขียนได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาโปรโมทหรือทำการตลาด นอกจากนี้ หากสร้างบล็อก เพื่อให้บล็อกเข้าถึงคนดูได้มาก จะต้องจ่ายค่าบริการเว็ปไซต์ รายเดือน หรือ รายปี โดยใช้ฟรี 1 ปี และปีที่สอง ต้องจ่ายในอัตรา 600-1000 บาท/เดือน ซึ่งเป็นต้นทุนของนักเขียน
2. ไม่เสียเวลาจัดหน้าและทำเอกสารออนไลน์ขอตัวเลข ISBN แบบทำอีบุ๊ค กว่าจะออกขายได้ หมดเวลาไปเป็นเดือนกับเรื่องที่ไม่ใช่งานเขียน
3. เหมาะกับคนชอบเขียนแบบกระทัดรัด ณ อารมณ์ที่อยากแสดงออก ไม่ต้องทำงานยาว กระทู้สั้นๆ จบเป็นเรื่องๆไป ยิ่งประเด็นร่วมสมัย โพสต์ไป มีคนอ่านแน่นอน แต่บล็อกของคุณอาจจะต้องใช้เวลากว่าจะมีกลุ่มคนอ่าน และประเด็นที่เป็นกระแส ก็ไม่เหมาะเท่าลง Pantip
4. รองรับความหลากหลายทางความคิดและมุมมองในคนคนเดียว ถ้าคุณเขียนหนังสือหรืออีบุ๊คเกี่ยวกับการท่องเที่ยว คุณต้องสะกดตัวเองทุกวัน ให้เขียนหัวข้อนี้ไปจนจบ เพื่อให้บล็อกหรืออีบุ๊คเสร็จสมบูรณ์ อาจจะน่าเบื่ออยู่ แต่ Pantip มีห้องให้เลือกหลากหลาย วันนี้บันเทิง พรุ่งนี้ซ่อมบ้าน มะรืน ปัญหาหัวใจ
5. รู้ปฏิกริยาผู้อ่านได้ หากกำลังค้นหาตัวเอง พอเขียนเรื่อยๆ อาจพบว่า สังคมจัดให้เราอยู่ตรงไหน เราคิดว่า เราชำนาญเรื่องสัตว์เลี้ยง แต่สังคมชอบให้เราเขียนเรื่องกีฬา ดังนั้น เราสามารถที่จะปรับความตั้งใจให้สอดคล้องกับความจริง เหมือนเราเจียระนัยเพชร รุ่นที่เราตั้งใจที่สุดอาจขายไม่ดี แต่รุ่นที่เราทำผ่านๆ คนอาจชอบใจ การทำงานคือ ปรับจูลโลกภายในให้ลงตัวกับโลกภายนอก
ที่สำคัญ เราไม่รู้สึกว่า เราคิดถูก 100% มีคนเข้ามาคอมเม้นท์ แก้ไข แชร์ความคิด ทำให้กระทู้มีหลากมิติ ไม่ใช่เสียงของเราดังอยู่เสียงเดียว คอมเม้นท์ดีๆ ก็น่าอ่าน และทำให้งานเขียนทั้งกระทู้ประกอบด้วยนักเขียนหลายคน เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เป็นชีวิตการเขียนที่ไม่เหงา ได้ปฏิกริยาจากคนที่ชอบเรื่องเดียวกัน รวมทั้งได้อ่านของคนที่มองต่างมุม
การเขียนหนังสือ ทำให้อารมณ์ดีขึ้น อย่างน้อยก็ได้ระบายสิ่งที่เป็นคำถามในชีวิตออกไป และคนที่ตั้งใจฟังเสียงในใจคุณ อาจไม่ใช่คนที่อยู่รอบตัวในบ้านหรือที่ทำงานเดียวกัน แล้วคุณอาจจะกลับไปยิ้มกับคนที่คุณโกรธในสิ่งแวดล้อมจริง เมื่อคุณเขียนเสร็จ คนเราทำผิดได้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หากไม่สามารถหาทางออก จากความคิดเพียงลำพัง