หลายคนอาจเผชิญปัญหาว่างงาน หรือ จำเป็นต้องดร็อปเรียน สัก 1 ปี หรือ มากกว่านั้น เนื่องจากอุปสรรคบางอย่าง
แล้วถูกกดดันจากสังคม ถึงกระแสเงินสด / เงินเดือน ที่ไม่ไหลเข้ามาตามปกติ
1. อย่ากลัวหนี้มากเกินไป นิ่ง ไม่ได้หมายความว่าไม่รับผิดชอบ แต่นิ่งเพื่อจะพัฒนาตัวเองไปอีกระดับ
2. การทำงานหรือเรียนทุกวันก็เหมือนการควบม้า เมื่อเราต้องหยุดทำงานหรือหยุดเรียนเพื่อพัฒนาตัวเอง
เช่น อ่านหนังสือ ทำสิ่งที่ชอบ โดยไม่เอารายได้มากดดันมากเกินไป เราจะมีมุมมองของคนที่ไม่ได้อยู่บนหลังม้า
ที่กำลังวิ่ง เราจะมีมุมมองที่น่าสนใจไปเล่าให้คนที่กำลังควบม้าฟัง ว่านี่คือภาพที่เราได้ แต่คุณผ่านมันไป มันมีอะไรมากกว่าที่คิด
3. คุณอาจจะตั้งใจทำงานเพื่อการขึ้นเงินเดือนปีละ 1000 บาท แต่หากคุณหยุดทำงาน 1 ปี เพื่อเรียนสิ่งต่างๆที่เพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง
คุณอาจจะได้งานใหม่ ที่ทำรายได้จากหลักหมื่นเป็นหลักแสน เพราะคุณแหลมคมมากขึ้น ใคร่ครวญเพื่อเลือกสรร
เพิ่มในสิ่งที่ตรงจุด ทำให้ความสามารถหาตัวจับยาก อาจจะไม่จำเป็นต้องไปลงหลักสูตรจ่ายเงินแพงๆ
สมัยนี้ เรียนออนไลน์ ได้ประกาศนียบัตร หรือ ทดลองทำงานที่รายได้ไม่สูง แต่ได้ฝึกทักษะใหม่ๆ ไปด้วยในช่วงที่พักชีวิต 1-2 ปี
อย่าตีค่าเป็นรายได้ คิดเสียว่า นี่คือ การเรียนรู้พัฒนาทักษะ ด้วยตัวเอง โดยต้นทุนที่ไม่แพง อยู่บ้าน เรียนไป จนกว่าจะได้งาน
หรือธุรกิจใหม่ของตนเองอยู่ตัว
4. ครอบครัวควรให้ความรักความเข้าใจ อย่ารักลูกเมื่อเขาประสบความสำเร็จเท่านั้น ตอนที่เขาล้มลุกคลุกคลาน พยายามสู้ แม้ต่ำต้อย
ลูกต้องการกำลังใจจากครอบครัว บางครอบครัวมีทัศนคติต่อลูกไม่ต่างจากสังคมภายนอก เห่อลูกเมื่อมีสังคมเรียกเขาว่า "คุณ"
มีตำแหน่งการงานที่ดี แล้วเหยียบซ้ำ ในยามที่ลูกล้มเหลว หรือ พ่ายแพ้จากการต่อสู้ในสังคม
5. ตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยน การทำงานแบบเข้าองค์กรใหญ่ๆ มีเพื่อนร่วมงานมากมาย ไม่ใช่ทางเลือกเดียว รูปแบบการทำงานแบบฟรีแลนด์
และเปิดบริษัทขนาดเล็ก เริ่มเป็นตัวเลือก เพราะความคล่องตัว อิสระ แบบแผนน้อยกว่า แต่ต้องใช้เวลากว่ารายได้จะเท่างานแบบเงินเดือน
หากว่าพัฒนาได้ รายได้อาจแซงหน้ามนุษย์เงินเดือน และที่ได้มากกว่าก็คือ เสรีภาพ และความสุข ขึ้นอยู่กับรูปแบบชีวิตที่ชอบ ไม่เหมือนกันในแต่ละคน
6. คนทำงานต้องมีความรู้ แต่เศรษฐี ต้องมีปัญญา (เพื่อไปจ้างคนมีความรู้มาทำงานให้) ดังนั้น การหยุดงาน/หยุดเรียน 1 ปีเพื่อเรียนรู้สังคม
โลกกว้าง ประสพการณ์เป็นสิ่งจำเป็นที่ให้ความรู้รอบตัว และทักษะชีวิต ซึ่งสำคัญ ไม่แพ้การก้มหน้าอ่านแต่หนังสือและทำข้อสอบ หรือ ทำเพื่อคนอื่นผ่านการทำงาน จนไม่มีเวลาเป็นของตนเอง
7. เครียดเกินจริงเมื่อไม่มีเงิน การหยุดงาน หรือ หยุดเรียน คือ ภาวะที่คุณไม่ได้เลือก แต่พระเจ้าเลือกให้คุณ การดำรงอยู่ในช่วงนี้ หลายคนไม่มีเงินเก็บ
ควรเรียนรู้ที่จะประหยัด เรียนรู้การอาศัย อยู่ร่วมกับผู้อื่น มีบ้านหลายหลังที่สมาชิกต้องการคนดูแล มีเด็กอยู่ คนป่วย คนชรา บ้านเหล่านี้ ต้องการคนแข็งแรงเช่นคุณ ที่แบ่งเบาเวลาไปดูแลพวกเขา หรือ บางบ้านต้องการคนเฝ้า คนสวน ที่ให้อยู่ฟรี หรือ ในราคาที่ต่ำ แต่เรามีภาระหน้าที่ต่อเขาด้วย การประหยัดต้นทุนทุกรูปแบบคือ สิ่งที่ต้องปรับตัว และการปรับตัวนี้ จะนำเราไปสู่ช่องทางใหม่ๆ
ในภาพรวม การหยุดงานหรือ หยุดเรียน 1 ปี ไม่ใช่ปัญหาหนัก แต่สิ่งที่ทำให้หนัก คือ สังคมรอบข้าง ที่ขาดความเข้าใจ มองว่า คนเหล่านี้ต่างจากคนทั่วไปและนำไปสู่การกลับไปทำงานจน burn out ภาวะที่ต้องอดทนเพื่อเงิน แต่ขาดความสุข จริงๆ หลายคนที่เขามีบริษัท เขาก็แบกหนี้เป็นร้อยล้าน เขายิ้มได้ แต่ชนชั้นกลางไม่รู้ มองว่า คนเหล่านั้น ร่ำรวย ทั้งที่เจ้าของบริษัทใหญ่ๆ ก็เสี่ยงไม่แพ้คนหยุดงานเหล่านี้ แต่ในความเสี่ยง อย่าเพิ่งสรุปจบ ว่านี่คือ แพ้ พวกเขาแค่อยู่ระหว่างการเดินทาง การเผชิญปัญหาบ้าง ในบางช่วง เป็นเรื่องปกติ อย่ามองความล้มเหลวเป็นเรื่องใหญ่ คนเราทำผิดได้ แม้เป็นนักปราชญ์ ความผิดไม่ใช่ไฟที่จะดับชีวิตเรา แต่เป็นไฟที่จุดให้เกิดสติปัญญา เห็นวิธีสร้างเส้นทางข้างหน้าที่สอดคล้องบริบทจริง
เหตุใดการหยุดงานหรือหยุดเรียน 1 ปีจึงสำคัญ
แล้วถูกกดดันจากสังคม ถึงกระแสเงินสด / เงินเดือน ที่ไม่ไหลเข้ามาตามปกติ
1. อย่ากลัวหนี้มากเกินไป นิ่ง ไม่ได้หมายความว่าไม่รับผิดชอบ แต่นิ่งเพื่อจะพัฒนาตัวเองไปอีกระดับ
2. การทำงานหรือเรียนทุกวันก็เหมือนการควบม้า เมื่อเราต้องหยุดทำงานหรือหยุดเรียนเพื่อพัฒนาตัวเอง
เช่น อ่านหนังสือ ทำสิ่งที่ชอบ โดยไม่เอารายได้มากดดันมากเกินไป เราจะมีมุมมองของคนที่ไม่ได้อยู่บนหลังม้า
ที่กำลังวิ่ง เราจะมีมุมมองที่น่าสนใจไปเล่าให้คนที่กำลังควบม้าฟัง ว่านี่คือภาพที่เราได้ แต่คุณผ่านมันไป มันมีอะไรมากกว่าที่คิด
3. คุณอาจจะตั้งใจทำงานเพื่อการขึ้นเงินเดือนปีละ 1000 บาท แต่หากคุณหยุดทำงาน 1 ปี เพื่อเรียนสิ่งต่างๆที่เพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง
คุณอาจจะได้งานใหม่ ที่ทำรายได้จากหลักหมื่นเป็นหลักแสน เพราะคุณแหลมคมมากขึ้น ใคร่ครวญเพื่อเลือกสรร
เพิ่มในสิ่งที่ตรงจุด ทำให้ความสามารถหาตัวจับยาก อาจจะไม่จำเป็นต้องไปลงหลักสูตรจ่ายเงินแพงๆ
สมัยนี้ เรียนออนไลน์ ได้ประกาศนียบัตร หรือ ทดลองทำงานที่รายได้ไม่สูง แต่ได้ฝึกทักษะใหม่ๆ ไปด้วยในช่วงที่พักชีวิต 1-2 ปี
อย่าตีค่าเป็นรายได้ คิดเสียว่า นี่คือ การเรียนรู้พัฒนาทักษะ ด้วยตัวเอง โดยต้นทุนที่ไม่แพง อยู่บ้าน เรียนไป จนกว่าจะได้งาน
หรือธุรกิจใหม่ของตนเองอยู่ตัว
4. ครอบครัวควรให้ความรักความเข้าใจ อย่ารักลูกเมื่อเขาประสบความสำเร็จเท่านั้น ตอนที่เขาล้มลุกคลุกคลาน พยายามสู้ แม้ต่ำต้อย
ลูกต้องการกำลังใจจากครอบครัว บางครอบครัวมีทัศนคติต่อลูกไม่ต่างจากสังคมภายนอก เห่อลูกเมื่อมีสังคมเรียกเขาว่า "คุณ"
มีตำแหน่งการงานที่ดี แล้วเหยียบซ้ำ ในยามที่ลูกล้มเหลว หรือ พ่ายแพ้จากการต่อสู้ในสังคม
5. ตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยน การทำงานแบบเข้าองค์กรใหญ่ๆ มีเพื่อนร่วมงานมากมาย ไม่ใช่ทางเลือกเดียว รูปแบบการทำงานแบบฟรีแลนด์
และเปิดบริษัทขนาดเล็ก เริ่มเป็นตัวเลือก เพราะความคล่องตัว อิสระ แบบแผนน้อยกว่า แต่ต้องใช้เวลากว่ารายได้จะเท่างานแบบเงินเดือน
หากว่าพัฒนาได้ รายได้อาจแซงหน้ามนุษย์เงินเดือน และที่ได้มากกว่าก็คือ เสรีภาพ และความสุข ขึ้นอยู่กับรูปแบบชีวิตที่ชอบ ไม่เหมือนกันในแต่ละคน
6. คนทำงานต้องมีความรู้ แต่เศรษฐี ต้องมีปัญญา (เพื่อไปจ้างคนมีความรู้มาทำงานให้) ดังนั้น การหยุดงาน/หยุดเรียน 1 ปีเพื่อเรียนรู้สังคม
โลกกว้าง ประสพการณ์เป็นสิ่งจำเป็นที่ให้ความรู้รอบตัว และทักษะชีวิต ซึ่งสำคัญ ไม่แพ้การก้มหน้าอ่านแต่หนังสือและทำข้อสอบ หรือ ทำเพื่อคนอื่นผ่านการทำงาน จนไม่มีเวลาเป็นของตนเอง
7. เครียดเกินจริงเมื่อไม่มีเงิน การหยุดงาน หรือ หยุดเรียน คือ ภาวะที่คุณไม่ได้เลือก แต่พระเจ้าเลือกให้คุณ การดำรงอยู่ในช่วงนี้ หลายคนไม่มีเงินเก็บ
ควรเรียนรู้ที่จะประหยัด เรียนรู้การอาศัย อยู่ร่วมกับผู้อื่น มีบ้านหลายหลังที่สมาชิกต้องการคนดูแล มีเด็กอยู่ คนป่วย คนชรา บ้านเหล่านี้ ต้องการคนแข็งแรงเช่นคุณ ที่แบ่งเบาเวลาไปดูแลพวกเขา หรือ บางบ้านต้องการคนเฝ้า คนสวน ที่ให้อยู่ฟรี หรือ ในราคาที่ต่ำ แต่เรามีภาระหน้าที่ต่อเขาด้วย การประหยัดต้นทุนทุกรูปแบบคือ สิ่งที่ต้องปรับตัว และการปรับตัวนี้ จะนำเราไปสู่ช่องทางใหม่ๆ
ในภาพรวม การหยุดงานหรือ หยุดเรียน 1 ปี ไม่ใช่ปัญหาหนัก แต่สิ่งที่ทำให้หนัก คือ สังคมรอบข้าง ที่ขาดความเข้าใจ มองว่า คนเหล่านี้ต่างจากคนทั่วไปและนำไปสู่การกลับไปทำงานจน burn out ภาวะที่ต้องอดทนเพื่อเงิน แต่ขาดความสุข จริงๆ หลายคนที่เขามีบริษัท เขาก็แบกหนี้เป็นร้อยล้าน เขายิ้มได้ แต่ชนชั้นกลางไม่รู้ มองว่า คนเหล่านั้น ร่ำรวย ทั้งที่เจ้าของบริษัทใหญ่ๆ ก็เสี่ยงไม่แพ้คนหยุดงานเหล่านี้ แต่ในความเสี่ยง อย่าเพิ่งสรุปจบ ว่านี่คือ แพ้ พวกเขาแค่อยู่ระหว่างการเดินทาง การเผชิญปัญหาบ้าง ในบางช่วง เป็นเรื่องปกติ อย่ามองความล้มเหลวเป็นเรื่องใหญ่ คนเราทำผิดได้ แม้เป็นนักปราชญ์ ความผิดไม่ใช่ไฟที่จะดับชีวิตเรา แต่เป็นไฟที่จุดให้เกิดสติปัญญา เห็นวิธีสร้างเส้นทางข้างหน้าที่สอดคล้องบริบทจริง