[รีวิว] Blue Giant - แรงบันดาลใจ ความฝัน และมิตรภาพ ที่ถูกส่งผ่านด้วยความเร่าร้อนของแจ๊ส

หากมองเผินๆ Blue Giant หรือในชื่อไทยว่า “เป่าฝันให้เต็มฟ้า” อาจจะเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่เล่าเรื่องราวทำนอง สร้างแรงบันดาลใจ สู้เพื่อฝัน ยิ่งไปกว่านั้นตัวละครเอกที่เป็นเด็กวัยรุ่นชายทั้งสามคนก็ช่างลงตัวเหลือเกินที่จะส่งต่อพลังใจอันเปี่ยมล้นนี้ให้กับผู้ชม ซึ่งนำโดย มิยาโมโตะ ได (Miyamoto Dai) นักเรียนมัธยมปลายอดีตนักบาสเก็ตบอล ผู้หลงใหลในดนตรีแจ๊สจนเข้ากระดูก และใฝ่ฝันจะเป็น “นักเป่าแซกโซโฟนมือหนึ่งของโลก”

จะว่าก็ว่าแต่ มิยาโมโตะ ได ที่เป็นตัวละครเอกของเรื่องนั้นค่อนข้างจะมีความเชยในการสร้างคาแรคเตอร์อยู่มาก เขาคลั่งไคล้ถึงขนาดไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกหรือหิมะจะตก เขาก็จะไปฝึกเป่าแซกโซโฟนอยู่ริมแม่น้ำเสมอ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะด้วยพรสวรรค์และพรแสวง ความเก่งของเขาอยู่ในระดับ “ไร้เทียมทาน” ลองนึกสภาพว่าถ้าเป็นเรื่องราวแนวต่อสู้ เขาคงต่อยศัตรูพ่ายได้ภายในไม่กี่หมัด รวมถึงบุคลิกที่ดูร่าเริง มุ่งมั่น สร้างพลังบวกให้เพื่อนได้ตลอดเวลา ก็เรียกได้ว่านี่เป็นคุณสมบัติของพระเอก “โชเน็น” ขนานแท้เลยทีเดียว

ความเชยของความเป็นไดที่กล่าวมา มันทำให้ตัวละครนี้ดูเหมือน “น้ำเต็มแก้ว” เพราะไม่มีด้านไหนที่จะพัฒนาเขาอีกแล้ว ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงของเรื่อง ถ้าว่ากันจริงๆ กลับกลายเป็นเรื่องของเพื่อนอีกสองคนในวงที่เหลืออย่าง มือเปียโน ซาวะเบะ ยูกิโนริ (Sawabe Yukinori) ที่มีฝีมือเป็นเลิศเพราะเล่นมาตั้งแต่เด็ก และ ทามะดะ ชุนจิ (Tamada Shunji) มือกลองที่เพิ่งหัดเล่นหลังจากได้ฟังเสียงแซกโซโฟนของได เป็นฝ่ายที่น่าติดตามและน่าเอาใจช่วยมากกว่า เพราะมันมีเรื่องราวของการพัฒนาฝีมือ ความพยายาม การทำลายกำแพงทางความคิด เป็นสิ่งที่เราไม่ได้เห็นจากตัวพระเอกของเรื่อง

อีกทั้ง Blue Giant ก็มีกลเม็ดการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ อาจจะดูเหมือนสปอยเล็กๆ แต่ในระหว่างที่เรื่องกำลังเล่าไปข้างหน้า จะมีการแทรกฉากของ “วิดีโอสัมภาษณ์” เข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งในตอนแรกเราอาจจะยังไม่เข้าใจว่าพวกเขาเป็นใคร แต่เมื่อเริ่มจับสังเกตได้พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นตัวละครในเรื่อง แต่เป็นการสัมภาษณ์ในอนาคตนั่นเอง นั่นทำให้ผู้ชมพอจะคาดการณ์ได้ถึงอนาคตของพวกเขาทั้งสามว่าจะลงเอยแบบไหนนั่นเอง

และแน่นอนว่าองค์ประกอบการเรียกน้ำตายังคงถูกใช้มาอย่างเหมาะสม อย่างฉากที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นตอนท้ายเรื่อง หรือกระทั่งการที่มี “คนเดิม” ที่เข้ามาฟังพวกเขาตั้งแต่เล่นในร้าน ในวันที่ยังมีคนฟังเพียงหลักหน่วย ไปจนถึงการได้เล่นที่ผับ So Blue ที่เป็นเหมือนจุดหมายของพวกเขา แล้วเข้ามาบอกว่า “พวกนายเล่นเก่งขึ้นมากเลย” ก็มีพลังเรียกน้ำตาได้ไม่น้อยทีเดียว หรือกระทั่งหญิงสาวเจ้าของบาร์เล็กๆ ที่เป็นแหล่งซ้อมของพวกไดมาตั้งแต่แรก ก็เป็นเหมือน “ผู้ปิดทองหลังพระ” ที่แม้จะไม่มีบทบาทมากแต่ก็น่าจดจำเลยทีเดียว

และ “ดาวเด่น” ตัวจริงของเรื่องที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ดนตรีแจ๊ส แม้ว่าในบ้านเราดนตรีแจ๊สอาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับญี่ปุ่นก็ตาม แต่ไม่ว่าคุณจะมีความสนใจหรือไม่อย่างไรก็ตาม พลังของแจ๊สในเรื่องก็สามารถส่งต่อมาถึงผู้ชมได้อย่างท่วมท้น ด้วยดนตรีและตัวโน้ตที่เกิดจากการด้นสดอันร้อนแรงสมดั่งชื่อเรื่อง ยิ่งฟังผ่านระบบเสียงของโรงภาพยนตร์ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด หนำซ้ำยังหยิบยกข้อดีของการเป็นอนิเมชั่น นั่นคือ การเพิ่มจินตนาการด้านภาพเสริมอารมณ์ของดนตรีในขณะที่ตัวละครกำลังทำการแสดงอยู่ เรียกว่าทั้งฟังด้วยหูและเห็นด้วยตาเลยทีเดียว 


และต้องยกนิ้วให้กับงานอนิเมชั่นที่สร้างการเคลื่อนไหวที่ไหลลื่นและสมจริงราวกับมนุษย์ ในขณะที่พวกเขากำลังเล่นดนตรีอยู่ ซึ่งก็ยิ่งเสริมอรรถรสเข้าไปแบบอีกหลายเท่าตัว (แม้อาจจะดูขัดตาเพราะความเป็น 3D ไปบ้าง) ไม่เท่านั้นดีกรีความเก่งของพวกเขาก็ถูกพัฒนาไปด้วยตามเนื้อเรื่อง เพราะในขณะที่ไดสามารถเอาผู้ชมอยู่ด้วยฝีมือการเป่าแซกโซโฟนของเขา มือคีย์บอร์ดอย่างยูกิโนริที่หลงตัวเองว่ามีพรสวรรค์แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าเขายังไม่ใช่ของจริง และตัวของชุนจิมือกลองที่เริ่มจากศูนย์และพยายามตามเพื่อนให้ทัน ถือว่าเป็นตัวละครที่มีเสริมมิติให้เรื่องได้มากอย่างที่กล่าวไป

แต่ก็ต้องบอกจริงๆ ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าถึงดนตรีแจ๊ส เมื่อเข้าไม่ถึงก็จะไม่อินเลย เมื่อไม่อินคุณจะแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าการเล่นครั้งแรกๆ กับการเล่นครั้งหลัง มันมีความพิเศษต่างกันอย่างไร ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด ยิ่งช่วงหลังที่มีการเล่นเพลงแจ๊สเต็มเพลงอยู่หลายครั้ง หากเข้าไม่ถึงดนตรีดังกล่าว จากความตื่นหูตื่นตาก็จะกลายเป็นความน่าเบื่อไปแทน อาจจะต้องใช้ประสบการณ์ด้านดนตรีอยู่พอสมควร (ทั้งในฐานะผู้ฟังและผู้เล่น) เพื่อเข้าถึงแก่นของเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสนุกไปกับเนื้อเรื่องได้อยู่

สรุป Blue Giant อนิเมชั่นสร้างแรงบันดาลใจที่มีดนตรีแจ๊สอันเร่าร้อน เป็นเครื่องมือที่ใช้ส่งพวกเขาไปยังจุดหมาย ด้วยการใช้กลเม็ดการเล่าเรื่องที่สนุก มีลูกซึ้ง ลูกเรียกพลัง ได้เห็นพัฒนาการของเหล่าตัวละครที่มาจากความมุ่งมั่นเกินร้อยอย่างเด่นชัด จนต้องหันมามองตนเองว่า หากอยากจะไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ เราพยายามมากพอรึยัง? (และที่สำคัญคำคมเยอะด้วย)

Story Decoder
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่