RPM Facebook: โดยทั่วไปจะต่ำกว่า RPM YouTube
RPM YouTube: โดยทั่วไปจะสูงกว่า RPM Facebook
CPM และ RPM เป็นเมตริกที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของโฆษณา
แต่มีความหมายและวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน ดังนี้:
CPM (Cost Per Mille) หมายถึง ต้นทุนต่อการแสดงผลโฆษณา 1,000 ครั้ง
บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น YouTube, เว็บไซต์, หรือแอปพลิเคชัน
โดยวัดจากจำนวนเงินที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายต่อการแสดงโฆษณา 1,000 ครั้ง
RPM (Revenue Per Mille) หมายถึง รายได้ต่อการดูวิดีโอ 1,000 ครั้ง บน YouTube
โดยวัดจากจำนวนเงินที่ครีเอเตอร์ได้รับจากโฆษณา, การเป็นสมาชิกของช่อง, ร
ายได้จาก YouTube Premium, Super Chat และ Super Stickers
สรุปความแตกต่าง:
หัวข้อ
CPM
RPM
มุมมอง
ผู้ลงโฆษณา
ครีเอเตอร์
วัดจาก
ต้นทุน
รายได้
แสดงผล
จำนวนเงินที่จ่ายต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง
จำนวนเงินที่ได้รับต่อการดู 1,000 ครั้ง
drive_spreadsheetส่งออกไปยังชีต
ตัวอย่าง:
สมมติว่าผู้ลงโฆษณาจ่ายเงิน 100 บาท CPM ของโฆษณาจะอยู่ที่ 100 บาท
สมมติว่าครีเอเตอร์ได้รับเงิน 200 บาทจากการดูวิดีโอ 1,000 ครั้ง RPM ของวิดีโอจะอยู่ที่ 200 บาท
ข้อควรพิจารณา:
CPM ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับจำนวนคลิกหรือการแปลง
RPM ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ครีเอเตอร์จะได้รับจริง
สรุป:
CPM และ RPM เป็นเมตริกที่สำคัญสำหรับการวัดประสิทธิภาพของโฆษณา
แต่มีความหมายและวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน ผู้ลงโฆษณาควรใช้ CPM เพื่อวัดผลลัพธ์ของแคมเปญโฆษณา
ครีเอเตอร์ควรใช้ RPM เพื่อติดตามรายได้จากวิดีโอของพวกเขา
รู้จัก rpm และ cpm google adsense ทำเฟสบุครายได้เป็นยังไงเทียบyoutube
RPM Facebook: โดยทั่วไปจะต่ำกว่า RPM YouTube
RPM YouTube: โดยทั่วไปจะสูงกว่า RPM Facebook
CPM และ RPM เป็นเมตริกที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของโฆษณา
แต่มีความหมายและวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน ดังนี้:
CPM (Cost Per Mille) หมายถึง ต้นทุนต่อการแสดงผลโฆษณา 1,000 ครั้ง
บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น YouTube, เว็บไซต์, หรือแอปพลิเคชัน
โดยวัดจากจำนวนเงินที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายต่อการแสดงโฆษณา 1,000 ครั้ง
RPM (Revenue Per Mille) หมายถึง รายได้ต่อการดูวิดีโอ 1,000 ครั้ง บน YouTube
โดยวัดจากจำนวนเงินที่ครีเอเตอร์ได้รับจากโฆษณา, การเป็นสมาชิกของช่อง, ร
ายได้จาก YouTube Premium, Super Chat และ Super Stickers
สรุปความแตกต่าง:
หัวข้อ
CPM
RPM
มุมมอง
ผู้ลงโฆษณา
ครีเอเตอร์
วัดจาก
ต้นทุน
รายได้
แสดงผล
จำนวนเงินที่จ่ายต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง
จำนวนเงินที่ได้รับต่อการดู 1,000 ครั้ง
drive_spreadsheetส่งออกไปยังชีต
ตัวอย่าง:
สมมติว่าผู้ลงโฆษณาจ่ายเงิน 100 บาท CPM ของโฆษณาจะอยู่ที่ 100 บาท
สมมติว่าครีเอเตอร์ได้รับเงิน 200 บาทจากการดูวิดีโอ 1,000 ครั้ง RPM ของวิดีโอจะอยู่ที่ 200 บาท
ข้อควรพิจารณา:
CPM ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับจำนวนคลิกหรือการแปลง
RPM ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ครีเอเตอร์จะได้รับจริง
สรุป:
CPM และ RPM เป็นเมตริกที่สำคัญสำหรับการวัดประสิทธิภาพของโฆษณา
แต่มีความหมายและวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน ผู้ลงโฆษณาควรใช้ CPM เพื่อวัดผลลัพธ์ของแคมเปญโฆษณา
ครีเอเตอร์ควรใช้ RPM เพื่อติดตามรายได้จากวิดีโอของพวกเขา